“พิภพ” จวกอัยการถ่วงเรื่อง 5 ปี ไม่ยื่นฟ้อง “สมชาย-ชวลิต” สลายพันธมิตรฯ 7 ตุลา ทั้งที่ ป.ป.ช.ชี้มูล กรรมสิทธิฯ-กมธ.วุฒิฯ มีผลสอบตรงกัน ย้ำกระบวนการยุติธรรมไม่ทำงาน ตำรวจจะยังใช้ความรุนแรงกับประชาชนต่อไป
วันนี้ (7 ต.ค.) เวลาประมาณ 18.50 น.นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีบ้านเจ้าพระยา ในงาน “กึ่งทศวรรษ 7 ตุลาฯ” ว่าการกระทำรุนแรงต่อประชาชนโดยรัฐบาลชุดนี้จะยังไม่ยุติ เพราะไม่ใช่รัฐบาลที่รักประชาชน กรณีการสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 นั้น ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ในขณะนั้น ว่ามีความผิด และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และได้ส่งอัยการเพื่อให้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่จนขณะนี้ผ่่านไป 5 ปีแล้ว อัยการยังไม่ส่งฟ้อง
ขณะที่คดีที่พันธมิตรฯ ตกเป็นจำเลยนั้นเร่งมาก วันที่ 28 ต.ค.นี้ ก็จะเพิ่มข้อหากบฏ กรณีไปปิดล้อมรัฐสภา เพียงแต่ว่า เราเคยยื่นร้องต่อศาลที่ตำรวจตั้งข้อหากบฏ ซึ่งศาลบอกว่าข้อหากบฏถือว่ารุนแรงไป ล่าสุดมีข่าวว่าจะเปลี่ยนเป็นตั้งข้อหายุยงส่งเสริมให้ประชาชนผิดล้อมรัฐสภาแทน
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ในการตรวจสอบคดีสลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาฯ นั้น ไม่ได้มีเฉพาะ ป.ป.ช.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ไต่สวนคดีนี้ ผลก็ออกมาเหมือนกันกับ ป.ป.ช.คณะกรรมาธิการของวุฒิสภา ตรวจสอบ ก็มีผลออกมาเหมือนกัน จึงอยากถามว่า อัยการถ่วงเวลาไว้ทำไม 5 ปี ปล่อยให้คนที่ผิดยังลอยหน้าลอยตากินบ้านกินเมืองอยู่ ถ้าอย่างนี้แล้วความรุนแรงจะไม่หมดไป เพราะตำรวจที่มีทั้งอาวุธและกฎหมายอยู่ในมือมีโอกาสจะใช้ความรุนแรงกับประชาชน และเมื่อทำผิดทำแล้ว อัยการไม่ส่งฟ้อง เขาก็พร้อมจะใช้ความรุนแรงกับพี่น้องต่อไป
นายพิภพกล่าวว่า ในต่างประเทศนั้นการยับยั้งความรุนแรงต้องใช้กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น เริ่งตั้งแต่ตำรวจ ผู้บังคับบัญชาต้องไม่ให้ลูกน้องใช้ความรุนแรงกับประชาชน อัยการต้องนำเรื่องขึ้นศาล และศาลก็ตัดสินไปตามข้อเท็จจริง ถ้าผิดก็ว่าผิด แต่ตอนนี้ ไม่มีการตัดสินในเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ตำรวจก็พร้อมจะทำผิดต่อไป เพราะอัยการไม่ทำงาน
“อัยการจะดองเรื่องไว้หาวิมานอะไร นี่เป็นการสนับสนุนให้ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อไป เพราะใช้ความรุนแรงเท่าไหร่ก็ไม่ผิด” นายพิภพ กล่าว และว่า ความรุนแรงจะยุติได้ก็ด้วยการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ต้องให้กฎหมายทำงาน แต่ตอนนี้ ทั้งตำรวจ ดีเอสไอ และอัยการ เป็นเครื่องมือของนักการเมือง โดยเฉพาะอัยการซึ่งเคยร้องขอเป็นอิสระ ตอนนี้ก็เป็นอิสระแล้ว จะมาอ้างอะไรอีก
นายพิภพ ย้ำว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ทำให้ต้องมีการปฏิรูปทุกด้าน ทั้งกระบวนการยุติธรรมและการศึกษา และพี่น้องต้องรับโจทย์เรื่องการปฏิรูปไปทำ ส่วนแกนนำแม้ยุติบทบาทไปแล้ว แต่เมื่อไหร่ที่พี่น้องพร้อมจะปฏิรูป แกนนำก็จะออกมาร่วม