ผบ.ทบ.นำคณะลงพื้นที่ภาคใต้ตามบัญชา “ปู” เพื่อติดตามความก้าวหน้า 6 กลุ่มงาน พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ส่วนเหตุโจรวางบึ้มรายวัน เน้นแก้ด้วยวิธีทางกฎหมาย พร้อมเพิ่มปฏิบัติการเชิงรุก รับคุมระเบิดเข้าชายแดนไม่ได้ 100% ขอประชาชนสบายใจคุยบีอาร์เอ็นยังไม่ได้ข้อยุติ ยันไม่ยอมเสียเปรียบ ไม่ยกระดับโจรใต้
ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เช้าวันนี้ (7 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงาน พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) สั่งการให้ติดตามความก้าวหน้าของ 6 กลุ่มงาน พร้อมไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร รวมถึงประชาชนทุกคนที่สูญเสีย อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายหนึ่งยังคงก่อเหตุรุนแรง ไม่ได้ลดลง แสวงหาทุกโอกาสเพื่อลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนต่อเนื่อง เราจะต้องแก้ไขด้วยวิธีทางกฎหมาย และเพิ่มปฏิบัติการเชิงรุก รวมถึงใช้กำลังดูแลรักษาความปลอดภัย เพราะเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธ เราไม่ได้เป็นฝ่ายใช้ความรุนแรง ส่วนอีกฝ่ายพยายามใช้ความรุนแรงจึงจำเป็นต้องเพิ่มปฏิบัติการเชิงรุกมากขึ้น แต่การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาไม่ใช่ผลดี ทั้งนี้ การลดกำลังทหารลง หรือลดการปฏิบัติการทางกฎหมายเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะทหารและตำรวจที่ปฏิบัติงานไม่สามารถละเว้นได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การควบคุมการก่อเหตุวางระเบิดนั้น ทางกองทัพดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาอยู่ที่การลักลอบนำสารตั้งต้นข้ามชายแดนเข้ามา และอีกส่วนคือภายในประเทศเอง ซึ่งจากด้านการข่าวพบว่ามีหลายกลุ่ม และจับกุมดำเนินคดีไปหลายกลุ่ม แต่ยังหลงเหลืออยู่ แม้จะมีด่านสกัดกั้น แต่ยังควบคุมไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเรายังไม่สามารถควบคุมได้ทุกเส้นทาง และไม่สามารถตรวจรถได้ทุกคัน ดังนั้นต้องขอความร่วมมือกับประชาชน ส่วนใหญ่ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ส่วนน้อยทำให้รั่วไหลเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งเราจะไม่มีการลดระดับ เนื่องจากเป็นเรื่องความเป็นความตายของชีวิตมนุษย์ และทำให้เกิดผลกระทบโดยรวม โดยเฉพาะประเทศชาติ
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ส่วนการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นการเปิดเวทีให้กับผู้เห็นต่างได้แสดงเหตุผลว่าทำไมถึงใช้ความรุนแรงทั้งๆ ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่กันอย่างสงบ สัปดาห์ที่แล้วตนได้พบกับเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย บอกว่าเสียใจที่มีสื่อบางฉบับเขียนว่าประเทศเขาสนับสนุนการก่อเหตุในไทย เพราะไทยเป็นมิตรประเทศของเขา หากทำได้เขาก็พร้อมจะร่วมมือแก้ไขปัญหา ซึ่งตนได้ขอความมือด้านการข่าวจากเขา ซึ่งเขาพอใจต่อการแก้ไขปัญหาของเรา เพราะเราดูแลคนมุสลิมได้ดีที่สุด ส่วนเรื่องการพูดคุยหรือการเจรจาสันติภาพ ตนบอกว่ายังไม่ถึงเวลานั้น วันนี้เป็นการเปิดเวทีสานเสวนา พูดคุยพบปะ เราจะไม่ยกระดับ หรือให้เป็นตัวแทนตามที่อ้างไม่ได้ เพราะจะเป็นการยกระดับขึ้นมาเทียบกับรัฐไม่ได้ คนพวกนี้เป็นคนผิดกฎหมาย
“อยากบอกให้ทุกคนสบายใจ เรายังไม่ถือว่าการพูดคุยครั้งนี้เป็นข้อยุติใดๆ ทั้งสิ้น ทางบีอาร์เอ็นอยากพูดอะไรก็ว่ามา เรามีเหตุผลที่จะชี้แจง ไม่ได้มีข้อตกลงอะไรทั้งสิ้น จะเสนอ 5-10 ข้อ เราก็รับฟัง เขามีเหตุผลอะไรบอกมา และยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ ไม่ใช่ยุติตรงนี้แล้วไปสร้างที่อื่น แต่จะต้องยุติให้ได้ทั้งหมด และเราไม่ยกระดับใครทั้งสิ้น เป็นการพูดคุยกันของแต่ละกลุ่มเท่านั้นว่า วัตถุประสงค์ของแต่ละองค์กรคืออะไร อย่าคิดว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เราเป็นรัฐจะไปเสียเปรียบได้อย่างไร การปฏิบัติอะไรจะต้องอนุมัติโดยรัฐบาล ถ้าไม่มีผู้รับผิดชอบสั่งการลงมาให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ปฏิบัติไม่ได้อยู่แล้วมีกฎหมายค้ำคออยู่ทุกคน ซึ่งที่ผ่านมามีหลายประเทศที่พอใจการแก้ไขปัญหาของเรา”