ปธ.ส.ส.กทม.ปชป.จวก นายกฯ เอาแต่โม้จ้อปราบคอร์รัปชัน ไร้การปฏิบัติรูปธรรม ชี้ไม่เริ่มที่ ครม.คงเป็นจริงไม่ได้ จี้แก้ ตร.ซื้อขายตำแหน่ง แนะ “อดุลย์” บอกตร.ยุติคอร์รัปชัน เชื่อลดทุจริตสีกากี ปชช.ได้ประโยชน์ ตำหนิ “ปู” ไม่เหมาะทูลเกล้าฯร่างมีปัญหา ชี้ระดับนายกฯต้องรู้สมควรหรือไม่ ติง รบ.อย่าปล่อยสาวกเข้าใจผิดป่วนศาล ย้ำทำตามสิทธิ จี้รับคำวินิจฉัย “มัลลิกา” ฉะ รัฐฯเผด็จการชัด เร่งดันล้างผิด เตือนฟังเห็นต่าง อย่าสร้างปัญหาให้คนไทยปะทุ อดฉลองปีใหม่
วันนี้ (6 ต.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เรียกร้องไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชันในแวดวงตำรวจ แต่ตัวเองได้แสดงถึงการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย มีคำพูดสวยหรูในการต่อต้านและป้องกันการทุจริตเท่านั้นแต่ไม่มีการปฏิบัติ ดีแต่โม้ และเข้าร่วมกิจกรรมว่าจะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามคอร์รัปชัน โดยไม่มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม จึงคิดว่าคำพูดนายกฯเป็นจริงไม่ได้ ถ้าไม่เป็นตัวอย่างนำ ครม.ของตัวเองให้ละเว้นการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะข้าราชการคงไม่ปฏิบัติตาม อีกทั้งในแวดวงตำรวจต้นตอสำคัญของการทุจริต คือ การซื้อขายตำแหน่ง นายกฯจึงควรหารือกับรองนายกฯที่เกี่ยวข้อง และ สตช.ว่าจะกำหนดแนวทางอย่างไรให้เกิดการยุติการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งจะทำให้การทุจริตเบาบางลง ส่วนที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.มอบแนวการทำงาน 16 นโยบายนั้นคนเห็นว่าไม่จำเป็น แค่บอกเพียงข้อเดียวข้าราชการตำรวจสามารถดูแลบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนได้ด้วยการยุติคอร์รัปชัน ขยันทำงานในหน้าที่อย่างมีธรรมาภิบาล ตนเชื่อว่านอกจากปัญหาการทุจริตในแวดวงตำรวตจะทุเลาเบาบางแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์ด้วย
นายองอาจ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ส.ขึ้นทูลเกล้าฯต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ในมาตรา 50 บัญญัติไว้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาให้นายกทูลเกล้าฯภายใน 20 วันนับจากได้รับร่างกฎหมายจากสภาและทูลเกล้าฯเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป แต่นายกฯกลับเร่งทูลเกล้าฯทันทีที่รัฐธรรมนูญผ่านรัฐสภา จึงเป็นความไม่เหมาะสม เพราะกฎหมายนี้มีปัญหาถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จึงควรรอให้ครบกรอบ 20 วันก่อน แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่วินิจฉัย นายกฯก็สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯจึงจะถือว่าเป็นการสมควรเพราะการนำขึ้นทูลเกล้าฯในขณะที่กฎหมายยังมีปัญหา เป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม ตนคิดว่าคนระดับนายกฯน่าจะรู้ว่าไม่สมควรอย่างไร จึงขอตำหนิในเรื่องนี้ที่ดำเนินการนำร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
ส่วนกรณีที่รัฐบาลออกมาสร้างกระแสไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้มวลชนและคนในรัฐบาลคุกคามศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นมาถ่วงดุลอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญได้เป็นผู้วินิจฉัยความชอบด้วยไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ หากไม่ยอมรับอำนาจศาลก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา เพราะถ้ามีการวินิจฉัยว่า การแก้ไขครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐ แม้เป็นอำนาจของสภา แต่ไม่หมายความว่าไม่ต้องทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพราะมีสมาชิกเสียงข้างน้อยเห็นว่า มีความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้จึงเป็นการทำตามอำนาจหน้าที่ รัฐบาลไม่ควรสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเข้าใจผิดการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนญจนบานปลายในอนาคต แล้วอยากให้รัฐบาลยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งถือว่าเป็นที่สุด บ้านเมืองจึงจะเดินหน้าได้ด้วยระบบนิติรัฐ นิติธรรม แต่ถ้ายังกดดัน สร้างความเข้าใจผิดต่อการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญจะเกิดความไม่สงบในบ้านเมืองในอนาคต จึงขอให้ไตร่ตรองว่ารัฐบาลมีหน้าที่ก่อให้เกิดความสงบไม่ใช่สร้างปัญหาให้บ้านเมือง
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบพฤติกรรมของประธานวิปรัฐบาลพบว่ามีการประชุมของพรรครัฐบาลมุ่งนำกฎหมายที่มีปัญหาดำเนินการให้เสร็จภายในสมัยประชุมนี้ โดยมีความพยายามผลักดันร่างนิรโทษกรรมเข้าสู่วาระการประชุมแบบกระชั้นชิด เพราะมีพฤติกรรมผิดสังเกตอย่างชัดเจน จึงขอเตือนประชาชนและรัฐบาลว่าการยัดเยียดวาระที่เป็นปัญหาทางการเมืองและเป็นความขัดแย้งในสังคม โดยไม่ให้ฝ่ายเห็นต่างได้หายใจ ชัดเจนว่าสภาชุดนี้มีพฤติกรรมเผด็จการอย่างชัดเจน จึงขอเตือนนายกฯว่าควรระมัดระวังในการดำเนินการผลักดันเรื่องเหล่านี้ เว้นช่องว่างให้สังคมขบคิดรับฟังเสียงรอบด้านด้วย หากมีการนำเข้าวาระในสมัยประชุมนี้จะทำให้ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างรุนแรง จนคนไทยไม่ได้เฉลิมฉลองในช่วงการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นายกฯควรหยุดสร้างปัญหาอย่าพายเรือให้คนที่สร้างความขัดแย้งต่อไปเรื่อยๆ