ทีมกฎหมายเพื่อไทยเชื่อโหวตแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ไร้ปัญหา ผ่านแล้วยื่นทูลเกล้าฯ ปกติ ส่วนศาลตีความยังไงค่อยว่ากัน เมินนายกฯ ต้องรับผิดชอบ อ้างต้องทำตามกฎหมาย อย่าไปคาดเดาเรื่องยุบสภา ส.ว.เลือกตั้งหนุนชี้เป็นอำนาจรัฐสภา ส่วน ส.ว.สรรหาแนะเลื่อนโหวตไปก่อน หวั่นขัดแย้ง-เผชิญหน้า กระเทือนสถาบัน
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.40 น. นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเดินหน้าโหวตวาระ 3 หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องที่มา ส.ส. แต่ไม่ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวว่า การลงมติวาระ 3 ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และศาลยังไม่ได้เริ่มกระบวนการพิจารณา เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ส่วนขั้นตอนการลงนามทูลเกล้าฯ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เมื่อกฎหมายเขียนไว้ถ้ารัฐสภาเห็นชอบท่านก็ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ กฎหมายไม่ได้เขียนไว้ให้นายกฯ ชะลอ และหลังจากนั้นถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความก็ค่อยไปว่ากันตอนนั้น เมื่อถามว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญ นายกฯ จะต้องรับผิดชอบหรือไม่ นายพีรพันธุ์กล่าวว่า ใครต้องรับผิดชอบ เพราะนายกฯ ต้องทำตามกฎหมาย แต่หากสภาฯ เห็นชอบแต่นายกฯ ไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ก็เท่ากับว่านายกฯ ไม่ได้ทำตามหน้าที่ เชื่อว่าสุดท้ายแล้วทุกปัญหามีทางออก อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้าย
นายพีรพันธุ์กล่าวว่า เมื่อแก้กฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แล้วไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญตรงไหน เราทำตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง คนที่ไปยื่นศาลตีความมองอีกมุมหนึ่งอยู่แล้วจึงไปยื่น แต่วันนี้เรามั่นใจ ไม่เช่นนั้นเราจะเดินหน้าไปทำไม และไม่ห่วงว่าจะเกิดผลกระทบต่อพรรคและนายกฯ ส่วนเรื่องที่จะยุบสภาหรือลาออกเพื่อรับผิดชอบนั้น ขอให้ถึงวันนั้นก่อน อย่าเพิ่งไปคาดเดา มิเช่นนั้นจะถูกหาว่าไปกดดันศาล ให้ศาลพิจารณาไปตามหน้าที่ของท่าน การตีความเป็นอำนาจของศาล แต่อย่าลืมว่าคำพิพากษาหรือคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร รวมทั้งศาลด้วย และคำวินิจฉัยของศาลที่คนเขายอมรับ ต้องเป็นคำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงมีผลผูกพัน และเชื่อว่าจะมีเหตุผล ส่วนเรื่องการยุบสภายุบก็ยุบไป ถ้าเลือกตั้งมาใหม่ เราก็ได้มาหมือนเดิม เพราะหลังการรัฐประหารแล้วต้องมีการเลือกตั้ง 2-3 ครั้งถึงล้างได้สะอาด
อีกด้านหนึ่ง นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวยืนยันว่าเตรียมเดินหน้าโหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. โดยไม่จำเป็นต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าประเด็นดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการพิจารณาหรือแก้ไขกฎหมาย ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่กังวลในเรื่องดังกล่าว และยืนยันว่าจะไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่มีคำสั่ง หรือฃให้ชะลอการโหวตในวาระ 3 และกระบวนการทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งหากผ่านวาระ 3 แล้ว กระบวนการต่อไปประธานรัฐสภาจะนำเรื่องเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีว่าจะนำทูลเกล้าฯ เลยหรือไม่ หรือจะชะลอไว้ก่อน
ส่วนนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และสมาชิกรัฐสภา เพื่อแสดงความเห็นให้มีการเลื่อนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มมาตราที่ว่าด้วยที่มาของ ส.ว. ที่ทางประธานรัฐสภาได้มีหนังสือนัดประชุม ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ออกไปจนกว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามประเด็นที่มีผู้ยื่นร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มมาตราดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ทั้งนี้เพื่อลดเงื่อนไขการนำความขัดแย้งทางการเมือง การเผชิญหน้าของมวลชน และรัฐสภา ไปสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนมองว่าเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง
“แม้ว่าการกำหนดวันลงมติวาระสาม ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มมาตราที่มา ส.ว.จะทำได้โดยชอบรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อพิจารณาในเงื่อนไขของการนำร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายใน 20 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 150 กำหนด และเมื่อพิจารณาเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ 151 ที่ระบุเรื่องของการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ต่อกระบวนการตราร่างรัฐธรรมนูญ เป็นรัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้ ประกอบกับขณะนี้ยังมีเรื่องที่มีผู้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระพิจารณาความชอบธรรม ผมจึงเห็นว่าควรจะชะลอการลงมติวาระ 3 ออกไปก่อน” นายวิชาญระบุ