“ประยุทธ์” จัดทัพนายพัน เลื่อนขั้นบูรพาพยัคฆ์, ทหารเสือราชินี พวกปราบแดงขึ้นตามไลน์ ปรับหน่วยคุมกำลังใหม่ ขยับทีมดูพระวิหาร, สายการข่าว
วันนี้ (5 ต.ค.) มีรายงานจากองบัญชาการกองทัพบกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้ลงนามในคำสั่ง ทบ.ที่ 287/2556 เรื่องให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือน หรือโผโยกย้ายระดับ พันเอกพิเศษ หรือผู้บังคับการกรม 304 นาย เมื่อค่ำวานนี้ (4 ต.ค.) โดยเป็นการโยกย้ายที่รองรับการโยกย้ายระดับนายพล ที่เพิ่งประกาศไป ทั้งนี้พบว่า ในคำสั่งโยกย้ายนี้ นายทหารที่เป็น ผบ.หน่วย ที่นำกำลังเข้ากระชับพื้นที่ เสื้อแดงเมื่อปี 2553 ไม่ได้ถูกสกัดกั้นแต่อย่างใด และมีการจัดผู้บังคับการกรมหน่วยคุมกำลังใหม่ ทั้งทหารราบ ทหารม้าและปืนใหญ่
โดยกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ พ.อ.ธรรมนูญ วิถี ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.12รอ.) (ตท.22) เป็น รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.พล.ร.2รอ.), พ.อ.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 (รอง ผบ.มทบ.14) ซึ่งเคยเป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21รักษาพระองค์ (ผบ.ร.21รอ.) ทหารเสือราชินีฯ ได้กลับเข้าไลน์ เป็น รอง ผบ.พล.ร.2รอ., พ.อ.วรยุทธ์ แก้ววิบูลย์พันธ์ (ตท.24) รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.ร.21รอ.) เป็น เสธ.พล.ร.2 รอ., พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ (ตท.23) จาก รอง ผบ.ร.12รอ.เป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.12 รอ.)
พ.อ.วิรัฏฐ์ วงษ์จันทร์ (ตท.23) จาก ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.31รอ.) หน่วยคุมกำลังปฏิวัติของกองทัพภาค 1 ที่ จ.ลพบุรี ขยับเป็น รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (รอง ผบ.มทบ.11 ) และให้ พ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ (ตท.26) รอง ผบ.ร.31รอ.ขึ้นเป็น ผบ.ร.31รอ.แทน โดย พ.อ.กัณฑ์ชัย เมื่อครั้งเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นใช้ชื่อว่า พ.ท.โอรส แต่ถูกคนเสื้อแดงโจมตีอย่างหนัก สกัดกั้นต่อต้านไม่ให้ขึ้นคุมอำนาจ จนต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็น กัณฑ์ชัยในเวลาต่อมา ในส่วนของกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) หน่วยคุมกำลัง กาญจนบุรี ซึ่งก็มาร่วมกระชับพื้นที่ด้วยนั้น, พ.อ.อดิศร โครพ (ตท.20) ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 (ผบ.ร.19) ขึ้นเป็น รอง ผบ.พล.ร.9, พ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ (ตท.24) ผบ.ร.112 มาเป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 (ผบ.ร.19), พ.อ.วาสิฏฐ์ มณีโชติ (ตท.22) ผบ.ร.29 เป็น รอง ผบ.พล.ร.9
ขณะที่ พ.อ.วุฒิชัย นาควานิช (ตท.23) รอง ผบ.ร.29 น้องชาย พล.ท.ธีระชัย นาควานิช แม่ทัพภาค 1 คนใหม่ ขึ้นเป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 (ผบ.ร.29), พ.อ.กล้าณรงค์ ไพรีพ่ายฤทธิเดช (ตท.23) เป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 112 (ผบ.ร.112) พ.อ.นฤดล ท้าวฤทธิ์ (ตท.24) รอง ผบ.ป.9 เป็น ผู้บังคับการกรมปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ คุมกำลังปฏิวัติในกรุงเทพฯ (ผบ.ป.1รอ.), พ.อ.พงษ์สันต์ สายทอง (ตท.20) รอง ผปยส.พล.ป.เป็น ผู้บังคับการกรมปืนใหญ่ที่ 71 (ผบ.ป.71)
ส่วน กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) ซึ่งเป็นหน่วยกำลัง ในกรุงเทพฯ มีการขยับ พ.อ.สุรใจ จิตต์แจ้ง (ตท.19) จากเสนาธิการศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก (เสธ.ศปภอ.ทบ.) มาเป็น รองผู้บัญชาการกองพล ปตอ.(รอง ผบ.พล.ปตอ.) แล้วขยับ พ.อ.วิวัฒน์ นาคจู ผู้บังคับการกรมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 (ผบ.ปตอ.1) มาเป็น เสธ.ศปภอ.ทบ., พ.อ.วรวุฒิ วุฒิศิริ (ตท.23) ขยับจาก ผู้บังคับการกรมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 (ผบ.ปตอ.2) มาเป็น ผบ.ปตอ.1, พ.อ.พัลลภ เฟื่องฟู (ตท.20) เสธ.พล.ปตอ.เป็น ผบ.ปตอ.2
กองพลทหารราบที่ 6 (พล.ร.6) พล.อ.ประยุทธ์ ได้จัดกำลังที่ดูแลชายแดนเขาพระวิหารไทย-กัมพูชา ใหม่ โดยดึง พ.อ.สมชาย เพ็งกรูด (ตท.18) จาก รอง ผบ.จังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด (รอง ผบ.จทบ.ร้อยเอ็ด) กลับมาเป็น รอง ผบ.พล.ร.6, พ.อ.ธเนศ วงศ์ชุ่ม (ตท.21) จาก ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 6 (ผบ.ร.6) มาเป็น รอง ผบ.พล.ร.6 แล้วให้, พ.อ.ธนะศักดิ์ มิตรภานนท์ (ตท.23) เสธ.พล.ร.6 อดีต ผบ.กรมทหารพรานที่ 23 ที่ดูแลเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นนายทหารสายเหยี่ยว กลับมาเป็น ผบ.ร.6 ที่จะมาเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกองกำลังสุรนารีที่ 1 ที่ดูแลเขาพระวิหารด้วย
พ.อ.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ (ตท.23) รอง ผบ.ร.16 เป็น เสธ.พล.ร.6 แล้วให้ พ.อ.วิชิต วันทา เป็น (ตท.18) จาก รอง ผบ.ร.6 มาเป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 16 (ผบ.ร.16) แทน, พ.อ.สัญชัย รุ่งศรีทอง (ตท.22) รอง ผบ.ร.3 เป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3) ภาคอีสาน, พ.อ.ยงยุทธ เหล่าเขตรการ (ตท.25) จาก รอง ผบ.ม.3 เป็น ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 3 (ผบ.ม.3) ภาคเหนือ, พ.อ.เทอดศักดิ์ งามสนอง (ตท.23) ผอ.กองส่งกำลังบำรุง ทัพน้อย 3 เป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 4 (ผบ.ร.4) จ.ตาก, พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ (ตท.25) รอง ผอ.กองยุทธการ กองทัพภาค 4 เป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 5 (ผบ.ร.5) กองทัพภาค 4 ภาคใต้
นอกจากนี้มีการปรับสายการข่าวใหม่ เช่น พ.อ.จตุพร กลัมพสุต (ตท.20) ผอ.กองข่าว กองทัพภาค 4 เป็น เสนาธิการจังหวัดทหารบกปัตตานี แล้วดึง พ.อ.ชุมพล แก้วล้วน (ตท.19) จากนายทหารประจำ สลก.ทบ.เป็น ผอ.กองข่าว กองทัพภาค 4, พ.อ.วินิจ พัสดุ (ตท.20) เป็น ผบ.หน่วยข่าวกรองทางทหาร นสศ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ พ.อ.สงคราม ดอนนางพา (ตท.21) จาก ผบ.หน่วยข่าวกรองทางทหาร นสศ. เป็น ผบ.หน่วยข่าวกรองกองทัพภาค