หน.ปชป.แนะรัฐประเมินท่าทีเจรจาสันติภาคใต้ หลังคู่กรณีใช้ยุทธศาสตร์เดินสองขา อีกด้านขอให้เดินหน้าใช้งบ 57 หลังศาลรัฐธรรมนูญชี้ไม่ขัดต่อกฎหมาย แจงคนละประเด็นกับยื่นตีความร่างแก้รัฐธรรมนูญ เตือนลูกพรรคควรบอกกล่าวกันก่อน จะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.หรือพรรค เรียกร้องรัฐบาลเร่งางหลักเกณฑ์ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมให้ชัดเจน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (4 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ซุ่มโจมตีชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่รัฐบาลจะมีการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นในเร็วๆ นี้ โดยในระยะหลังต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ตกเป็นเป้ามากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะเป็นแนวการเดินของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ ในการนำมาเป็นอำนาจต่อรองในการพูดคุย และประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ตนแนะนำรัฐบาลมาตลอดว่าจำเป็นที่จะต้องหยิบมาพูด ว่ากติกาการพูดคุยและกติกาในพื้นที่จะปฏิบัติอย่างไร
ทั้งนี้ เพราะความรุนแรงเกิดขึ้นทั้งสองส่วน คือกลุ่มความรุนแรงที่ยังไม่ได้เข้ามาในเวที และอีกส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการเจรจา แต่เป็นเหมือนการเดินสองขา เพราะฉะนั้นต้องมีการประเมินพูดคุยเพื่อนำไปสู่แนวทางลดความรุนแรงก่อนที่จะพูดคุยประเด็นแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป และการเปลี่ยนกลุ่ม หรือเปลี่ยนบุคคลในการเจรจาก็ต้องมีความชัดเจนว่าสามารถจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ส่วนกระแสข่าวที่จะมีกลุ่มก่อการร้ายอีก 2 กลุ่มมาพูดคุยด้วยเพิ่มเติม ก็เป็นเรื่องที่ดีถ้าได้หลายฝ่ายมาพูดคุยเพิ่มเติม และจะต้องทำให้ลงตัว เพราะไม่ทราบท่าทีของฝ่ายบีอาร์เอ็นที่มีต่อกลุ่มอื่นๆ ด้วย
ส่วนกรณี นายฮัดซัน ตอยิบ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น จะมีการพูดคุยกับกลุ่มพูโล แต่ยังยืนยันเงื่อนไขเดิม 5 ข้อนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องเงื่อนไข 5 ข้อ รัฐบาลก็ยังมีการพิจารณาอยู่ แต่เวลานี้การเจรจาผ่านมากว่า 8 เดือน แต่ความคืบหน้าในการหาจุดร่วมมีน้อยมาก การพูดคุยจึงควรจะเริ่มจากจุดร่วมก่อน ซึ่งปัญหาขณะนี้คือเนื้อหาสามารถที่แท้จริงกลับยังไม่มีการพูดคุย การเผยแพร่คลิปจึงเป็นการช่วงชิงนำเสนอผ่านสื่อมากกว่า จึงอยากแนะนำให้รัฐบาลกำหนดมาตรการลดความรุนแรง ซึ่งเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งในช่วงรอมฎอน แต่ผลไม่เป็นที่พอใจ แต่ก็ควรพยายามทำอีก เพื่อสร้างความไว้ใจต่อกันให้กระบวนการเดินหน้าต่อไปได้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 57 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากที่กลุ่ม ส.ส.และ ส.ว.ขอให้ตีความการตัดงบในส่วนสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงาน ป.ป.ช.ว่า หากไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญก็เดินหน้าต่อไป ทุกคนก็จะได้สบายใจว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเดินหน้าไปได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการตีความคนละประเด็นกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และตนก็มาทราบทีหลังว่ามี ส.ส.ของพรรคร่วมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วย
ขณะที่ที่ประชุม ส.ส.ของพรรคก็ไม่เคยมีการพูดเรื่องนี้ แต่ก็เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ที่จะใช้สิทธิ์ตรงนั้นตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีการพูดคุยว่าบางครั้งก็อาจเกิดความสับสนว่าเป็นการใช้เอกสิทธิ์ส่วนตัวหรือพรรค ก็ควรจะมีการบอกกล่าวกันก่อน แต่ในเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีหลายอย่าง ที่มีหลักฐานชัดถึงขั้นมีการกดบัตรลงคะแนนแทนกัน มีการเปลี่ยนร่างที่ใช้ในการพิจารณา มีการปิดกั้นไม่ให้เสนอการแปรญัตติ ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ ขัดข้อบังคับ หากฝ่ายค้านนิ่งเฉยก็เท่ากับว่าไม่ทำหน้าที่
นายอภิสิทธิ์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศหลักเกณฑ์การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนมีความสบายใจ เพราะว่าเกิดความเสียหายกับที่อยู่อาศัย กระทบชีวิตความเป็นอยู่ และพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ไม่มีการประกันรายได้พืชผลทางการเกษตร เมื่อได้รับความเสียหายก็ไม่มีไปจำนำด้วย และชาวนาบางส่วนต้องเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำ ในช่วงที่ไม่มีโครงการรับจำนำ ก็เกิดผลกระทบ ฝากไม่ได้ ขายไม่ได้ และไม่เห็นความจำเป็นที่จำต้องสำรวจความเสียหายหรือต้องรอให้น้ำลดก่อนจึงจะบอกได้ว่าช่วยเหลืออย่างไร แต่หากเร่งตัดสินใจตรงนี้ก็จะคลายความทุกข์ประชาชนได้