รัฐบาลหว่านงบ 4,300 ล้านบาท ช่วยเกษตรกรข้าวโพด ขยายเวลารถเมล์-รถไฟฟรี อีก 6 เดือน สั่งคมนาคมศึกษาแผนลดค่าครองชีพใหม่ อีกด้านยังไม่ขยายเวลาโครงการรับจำนำข้าว สั่งหารือชาวนา หวังเยียวยาทดแทน กำชับ อคส.-อ.ต.ก.เน้นคุณภาพ รับนาปีรอบใหม่
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดภาคเหนือ ที่มีการชุมนุมในหลายจังหวัด โดยข้อเรียกร้องประกอบด้วย 1.เรื่องความไม่ชัดเจน ความสับสนในการจดทะเบียนออกใบรับรองเกษตรกร ทำให้เกษตรกรบางส่วนไม่มั่นใจว่าจะได้สิทธิหรือไม่ 2.เรื่องราคาข้าวโพดที่ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งเป้าหมายราคาข้าวโพดจะอยู่ที่ 9 บาทต่อที่ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้มอบหมายให้ นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยได้พูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด เกษตรกร ผู้ประกอบการผู้ซื้อข้าวโพด ซึ่งได้สรุปปัญหาและเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดแห่งชาติ เพื่อนำเรื่องเข้า ครม.โดยผลสรุปนั้นเรื่องสิทธิใบรับรองเกษตรกรมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งเกษตรกรที่ได้เคยรับสิทธิการช่วยเหลือเรื่องข้าวโพดก็มีสิทธิได้แน่นอน และเป็นขั้นตอนการปฏิบัติที่กรมส่งเสริมการเกษตรและทางจังหวัด ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่จะดำเนินการต่อไป
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า สำหรับเรื่องราคานั้น ผู้ซื้อข้าวโพดรายใหญ่โดยเฉพาะข้าวโพดคุณภาพดี ที่จะนำแปรรูปเป็นอาหารสัตว์นั้น ประมาณ 5 บริษัท ได้ช่วยรัฐบาลรับซื้อข้าวโพดตามราคาเป้าหมาย ทั้งนี้ในส่วนข้าวโพดที่มีคุณต่ำ รัฐบาลก็จะเข้าไปแทรกแซงราคา เพื่อที่จะทำให้ราคาข้าวโพดได้ราคาตามที่ควรจะเป็น รวมถึงการเร่งระบายในการส่งออก ทั้งนี้การช่วยเหลือทั้งหมดจะใช้งบประมาณ 4,300 ล้านบาท
ขณะที่ นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนด้านการเดินทาง เป็นระยะที่ 13 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56 - 31 มี.ค.57 วงเงินชดเชยรวมทั้งสิ้น 2,085 ล้านบาท ทั้งนี้ มาตราการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายจัดรถโดยสารธรรมดา จำนวน 800 คันต่อวัน ใน 73 เส้นทาง ให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประมาณค่าใช้จ่ายในวงเงินจำนวน 1,553 ล้านบาท อีกทั้งมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ดำเนินการผ่านรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายรถไฟชั้น 3 เชิงสังคม จำนวน 164 ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน 8 ขบวนต่อวัน ให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประมาณค่าใช้จ่ายในวงเงินจำนวน 532 ล้านบาท นอกจากนี้ ครม.ได้ให้กระทรวงคมนาคม ศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางที่มีความชัดเจน และเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ก่อนสิ้นสุดการดำเนินการมาตรการลดค่าครองชีพด้านการเดินทางระยะที่ 13 ด้วย
อีกด้านหนึ่ง นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ที่มี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานว่า ที่ประชุมยังไม่อนุมัติให้ขยายเวลาการรับจำนำข้าวเพิ่มช่วงระหว่างวันที่ 16-30 ก.ย. 2556 เนื่องจากมีเกษตรกรจำนวนหนึ่งปลูกข้าวล่าช้าไม่สามารถนำข้าวเข้าโครงการรับจำนำครั้งที่ 2 ปี 2556 ได้ทันวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปหารือกับเกษตรกรในวงกว้างเป็นรายจังหวัดมากขึ้น ซึ่งอาจจะเสนอการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นทดแทน เช่น การช่วยเหลือ เยียวยา เป็นเงินแทนการรับจำนำ เนื่องจากมีชาวนาบางส่วนขายข้าวไปแล้ว จะมีปัญหาหากเปิดรับจำนำให้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมได้กำชับให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เข้มงวดจัดระบบการรับจำนำข้าวนาปีรอบใหม่ปี 2556/2557 ให้เน้นเรื่องคุณภาพมากขึ้นทั้ง คลังสินค้า โกดังข้าว โรงสี เพื่อให้แนวทางการรับจำนำข้าวรอบใหม่ครั้งนี้ดูแลสิทธิชาวนามากขึ้น เช่น การออกใบประทวนต้องรวดเร็ว การดูแลไม่ให้ถูกตัดราคาเกินความเป็นจริงจากเรื่องความชื้น การดูแลเรื่องน้ำหนักไม่ให้ถูกโกง จะต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของชาวนาให้มากขึ้น เนื่องจากการรับจำนำรอบนี้ชาวนาถูกลดผลประโยชน์ โดยจำกัดการรับจำนำไม่เกินรายละ 350,000 บาท นอกจากนี้จะต้องปิดช่องทางทุจริตทุกช่องที่จะเป็นไปได้ รวมถึงการสวมสิทธิ์ชาวนาด้วย
