ข่าวปนคน คนปนข่าว
เป็นประเด็นฮือฮา ก่นด่าทางสังคมอีกครั้งรัฐบาลชุดนี้ชอบจริงๆทำตัวให้คนนินทาหมาดูถูก กรณีล่าสุดสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท.ควบคุมกำกับโดยรัฐบาล ประกาศ “สั่งแบน” รายการ “คนค้นฅน” ตอน “ศศิน เฉลิมลาภ 388 กิโลเมตร จากป่าสู่เมือง”
โดยให้เหตุผลแบบควายๆว่า เป็นการนำเสนอเพียงด้านเดียวหากต้องการออกอากาศต้องนำเสนอ 2 ด้าน โง่หรือแกล้งโง่กันแน่ชื่อรายการก็บอกว่าคนค้นคน ย่อมต้องมีคนต้นเรื่องคนใดคนหนึ่งที่เดินเรื่องไม่ใช่รายการข่าวที่ต้องเสนอให้ครบ 2 ด้าน จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เด็กอมมือยังรู้ว่าเหตุผลแท้จริงคือคนในรัฐบาลสั่งงดออกอากาศ เพื่ อปิดหูปิดตาประชาชน
ที่ควรรับรู้ข้อมูลข่าวสารอีกด้านเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยคนในรัฐบาลอย่างนายปลอดประสพสุรัสวดี รองนายกฯและประธาน กบอ.เที่ยวป่าวประกาศว่าแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้ แต่ไฉนถึงกลัวจนต้องสั่งงดฟ้าผ่าเช่นนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วเขื่อนแม่วงก์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย อย่างที่กลุ่มต่อต้านบอกกลัวการนำเสนอมันจะไปสะกิดแผลหรือกลัวมันจะไปกระแทกกระเทือนใจคนได้รู้เห็นความจริงอีกด้านหนึ่ง
ทั้งที่ความจริงแล้ว หากไปนั่งดูเนื้อหาแล้วก็ไม่มีอะไรเลยเป็นการเดินไป คุยไปเพื่อสะท้อนความเห็นอีกมุมของคนที่คลุกคลีอยู่กับป่าและเห็นต่างด้วยการลงทุนเดินเกือบ 400 กิโลเมตร เพื่อคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ด้วยความเชื่อเหมือนกับคนไทยอีกหลายส่วนว่า การสร้างเขื่อนนี้ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแต่อย่างใด
หรือหากช่วยก็ช่วยได้เพียงเสี้ยวเดียว คิดแล้ว แค่เปอร์เซ็นต์เดียวซึ่งไม่คุ้มกับการต้องแลกด้วยผืนป่าจำนวน13000ไร่อันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้
รัฐบาลวิตกจริตเหมือนพวกวัวสันหลังหวะ กลัวว่าสิ่งที่กำลังจะคิด กำลังจะทำ มีอันต้องล้มเลิกเสียหน้าเสียราคาไป รัฐบาลชุดนี้ “เสียอะไรข้าไม่ว่า เสียหน้าไม่มีทาง”อย่างโครงการรับจำนำข้าวที่เจ๊งบักโกรกนั่นปะไร ถูลู่ถูกังกระเตงกันไปสุดซอยชาติจะฉิบหายก็ช่างแม่มัน!!
กรณี “คนค้นฅน”ไม่ใช่รายแรกที่โดนมาตรการสั่งสอนห้ามออกอากาศกระทันหัน เพราะก่อนหน้านี้ละคร “เหนือเมฆ“เคยโดนมาแล้ว และคงมีรายอื่นต่อๆไปหากใครหน้าไหนมันกล้านำเสนอความเห็นหรือทัศนคติที่รุนแรงต่อรัฐบาลทิ่มแทงรัฐบาลให้เจ็บปวดใจ
พวกนั้นคือ “ศัตรู”ที่รัฐบาลต้องจัดการให้หมดสิ้นจะได้ไม่เป็นหอกข้างแคร่ ให้รำคาญหู รำคาญตา
สันดานเผด็จการ บ้าอำนาจไม่เคยเปลี่ยน ยุคไหนยุคนั้น ภายใต้การกำกับของ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีเครือข่ายตระกูลชินวัตร ต้องมีให้เห็นหากเป็นสื่อมวลชนเสนอข่าวหรือเขียนตีรัฐบาลมากๆก็จะมีมาตรการสั่งสอนไม่ให้โฆษณาจากทั้งภาครัฐและล็อบบี้เครือข่ายภาคเอกชนไม่ให้ช่วยเหลือตัดกำลังให้ง่อยเปลี้ยเสียขา
หากเป็นภาคธุรกิจก็จะไปกลั่นแกล้งให้เขาทำมาหากินลำบากจนหลายรายต้องยอมศิโรราบในที่สุด เหล่านี้คือพฤติกรรมซึ่งเคยทำมาและยังทำต่อไป
“เผด็จการเงียบ- เผด็จการเสียงข้างมาก-เผด็จการประชาธิปไตย” แล้วแต่คนจะเรียกขาน แต่ล้วนเหมาะกับรัฐบาลชุดนี้หลายคนก็เลยอยากถามว่าเมื่อใช้อำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้แล้วจะมาถามหาความปรองดองทำขี้เกลือมะเขือเผาอะไร!!
แนวทางปฏิรูปประเทศไทยแสวงหาหนทางหลีกหนีความขัดแย้ง สร้างวาทกรรมสวยหรู “ปูกรรเชียง”ออกหน้าเอาคะแนน แต่เดินมาถึงวันนี้แล้วผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไรทุกคนพอเห็นลางๆแล้ว
เงียบเป็นเป่าสากไม่มีใครอยากเข้าร่วมเป็นหมากเดินเกมสร้างภาพ มีแต่พวกคนคุ้นเคยของรัฐบาลนั่นเพราะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาก็แค่กระดาษไม่กี่แผ่น เศษขยะไม่มีทางเห็นผลเป็นรูปธรรม แล้วจะกระโดดเข้าไปในกองขยะให้ตัวแปดเปื้อนให้คนนินทาหมาดูถูก เพื่ออะไร
จะเข้าไปเพื่อให้รัฐบาลได้หน้าว่าสิ่งที่ข้าทำอยู่เพื่อชาติ เพื่อประชาชน ทั้งที่ความจริงแค่วงปาหี่ไร้ซึ่งความจริงจัง จริงใจในการแก้ปัญหาตั้งขึ้นมาเพื่อลดกระแสด่าทอของสังคมที่มีต่อรัฐบาล ไร้น้ำยาในการบริหารประเทศจ้องแต่หาผลประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้อง
หากรัฐบาลจริงใจและอยากเห็นความปรองดองเกิดขึ้นจริงเหตุใดไม่นำข้อเสนอของคณะกรรมการหลายต่อหลายชุดที่เคยศึกษาและเสนอไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมแทนที่จะเสียเวลาและงบประมาณศึกษาหาแนวทางใหม่ ซึ่งผลที่ได้ คงไม่แตกต่าง
แต่ก็นั่นแหละเมื่อไม่ได้ตั้งใจให้เกิดตั้งแต่แรก จะทำให้เหนื่อยทำไมบางทีความขัดแย้งอาจเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้แฮปปี้ก็ได้ขัดแย้งแล้วรัฐบาลได้ประโยชน์ ได้อยู่ในอำนาจแล้วต้องสร้างทำไมความปรองดอง ถ้าปรองดองแล้วต้องเสียทุกอย่างไป
วันนี้ทุกคนเห็นชัดเจนถึงพฤติกรรมรังเกียจความเห็นต่างเดียดฉันท์ “ความคิดแปลกแยก”ของฝ่ายอื่นๆ รัฐบาลชุดนี้พยายามปิดกั้น อำพรางซ่อนเร้น ความคิดความเห็นที่รัฐบาลรู้สึกว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ไม่ถูกอกถูกใจโดยใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่มีอยู่โละทิ้ง สั่งแบน แล้วก็นำเสนอแต่ความสวยงามสร้างโลกสวย
ใครประจบสอพลอเก่งก็อยู่ง่ายใครขัดขืนแข็งข้อก็โดนรังควาน อยู่ยากจริงๆกับการเมืองภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย
เมื่อสันดานพื้นฐานเป็นอย่างนี้ ก็ป่วยการที่จะไปขอความร่วมมือหรือไปขอความช่วยเหลือจากใคร เขาเบือนหน้าหนีกันหมดเพราะรู้กำพืดดีแท้ว่ารัฐบาลนี้เก่งแต่สร้างภาพแต่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต
วันนี้รัฐบาลมองคนเห็นต่างเป็นศัตรูมองกลุ่มพันธมิตรฯ มองพรรคประชาธิปัตย์เป็นศัตรูมองเป็นเสี้ยนหนามขัดขวางเส้นทางทำมาหารับประทานของรัฐบาลพยายามฆ่าเท่าไหร่ก็ฆ่าไม่ตาย หนำซ้ำตัวเองต่างหากที่ต้องเสียหายฉะนั้นจึงเปลี่ยนเกมพลิกแผนมาชักชวนให้ร่วมเวทีปฏิรูปมาร่วมการสังฆกรรมสร้างภาพสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาล
แต่คงไม่มีทางสำเร็จ เพราะคนรู้ทันทักษิณรู้ทันรัฐบาลปูกรรเชียง มีเต็มไปหมด รู้ดีว่ารัฐบาลกำลังเล่นเกมอะไรใช้ใครเป็นเครื่องมือ “หลงจู๊” บรรหารศิลปะอาชา ที่ยอมเสียคนตอนแก่เป็นเครื่องมือให้รัฐบาลใช้สอยนัยว่าเป็นการต่างตอบแทนของการร่วมรัฐบาล ยึดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นสมบัติประจำตระกูล ออกเดินสามขาหยั่งไม้เท้าเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้ ก็โดนตอกหน้าหงายออกมาทุกคราครั้งไปที่ถ้าไม่ติดลูกเกรงใจว่าเป็น “บรรหาร” ป่านนี้ไม่ได้ออกจากบ้านมือเปล่า ได้รองเท้าติดหน้าไปด้วย
ดังนั้นภายใต้รัฐบาลปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอหน้าเนื้อใจเสือเยี่ยงนี้ อย่าหวังความจริงจังในเรื่องใดๆอย่าหวังความจริงใจในการปฏิรูปปรองดอง หรือการยอมเสียสละใดๆเลยแค่ความเห็นแตกต่างยังไม่ยอมรับ ปิดกั้น ทุบตี ชาติหน้าบ่ายๆถึงจะสมานฉันท์ปรองดองได้!!