xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ ปชช. 75% ผิดหวัง ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน 56% หนุนเลื่อนโหวตแก้ รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอแบคโพลล์ สำรวจพบประชาชน 75% ผิดหวัง ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน เพราะเกิดขึ้นซ้ำซาก และไม่ควรเกิดขึ้น 81 % คิดว่าภาพวิดีโอเสียบบัตรแทนกันเป็นของจริง 67% เริ่มหมดความอดทนกับพฤติกรรมของ ส.ส.ในสภาฯ 56% หนุนเลื่อนโหวตร่างแก้ไข รธน.วาระ 3

น.ส.ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง “ความรู้สึกของประชาชนต่อพฤติกรรมของสภาผู้ทรงเกียรติ” จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ สงขลา ขอนแก่น ชลบุรี และเชียงใหม่ จำนวน 1,873 ตัวอย่าง โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 88.3 ติดตามข่าวสารการเมืองผ่านสื่อมวลชน ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา

โดยทัศนคติของประชาชนที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 75.8 รู้สึกผิดหวังต่อข่าวการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส. ในสภาผู้แทนอันทรงเกียรติ เพราะเกิดขึ้นซ้ำซาก และคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้วในสภาผู้แทนอันทรงเกียรติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือโดนกลั่นแกล้ง ในขณะที่ร้อยละ 24.2 รู้สึกเฉยๆ เพราะพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนเริ่มชิน

ขณะเดียวกัน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 81.1 คิดว่า ภาพวิดีโอการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส. ในสภาผู้แทนอันทรงเกียรติ เป็นเรื่องจริง และร้อยละ 18.9 คิดว่า ตัดต่อ

ที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มตัวอย่างกว่า 2 ใน 3 หรือร้อยละ 67.8 เริ่มหมดความอดทนต่อพฤติกรรมของรัฐสภา สภาผู้แทนอันทรงเกียรติในพฤติกรรมซ้ำซากที่เกิดขึ้นในขณะประชุมสภาฯ ตั้งแต่วันเปิดประชุมสภาฯ มาจนถึงวันนี้ ในขณะที่ร้อยละ 32.2 ยังทนได้อยู่

สิ่งสำคัญที่ประชาชนฝากถึงสภาผู้แทนอันทรงเกียรติในการประชุมสภาฯ ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้คือ ร้อยละ 89.6 ระบุว่า อยากเห็นการพูดคุย ถกเถียงกันอย่างสุภาพชน มีพฤติกรรม และมารยาทที่เหมาะสม น่าเคารพนับถือในฐานะผู้แทนของประชาชนทั่วทั้งประเทศ มีเพียงร้อยละ 10.4 เท่านั้น ที่ระบุว่าทำดีอยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร

อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างกว่าครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 56.3 คิดว่า ควรจะเลื่อนการลงมติวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ประเด็นที่มาของ ส.ว. เพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก ในขณะที่ร้อยละ 43.7 คิดว่าควรดำเนินการต่อไปเพราะคิดว่าน่าจะเป็นไปตามวาระการประชุม

น.ส.ปุณฑรีก์ กล่าวว่า ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่ค้นพบครั้งนี้น่าจะชัดเจนเพียงพอว่า ประชาชนตอบโต้กับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของ “ต้นแบบ” ของสังคมในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาอันทรงเกียรติอย่างน่าพิจารณา เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ความเสื่อมเสียครั้งแรกที่สาธารณชนรับทราบ แต่เคยรับทราบกันมา ทั้งการดูภาพโป๊เปลือย การท้าตีท้าต่อย การใช้ถ้อยคำรุนแรง การขว้างปาสิ่งของ การทุ่มเก้าอี้ และล่าสุด การเสียบบัตรแทนกัน เป็นต้น แต่สังคมของกลุ่มคนที่น่าจะเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีแห่งสภาอันทรงเกียรติก็ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำซากกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นกัน ต่อไปอาจจะมีเรื่องร้ายแรงบานปลายขึ้นได้ในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ได้

ดังนั้น กลไกของสภาอันทรงเกียรติต้องทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพในการควบคุมให้สมาชิกมีพฤติกรรมที่เหมาะสม มากกว่ามีพฤติกรรมแบบพวกล้าหลังของการพัฒนา และหากปล่อยให้เกิดขึ้นเช่นนี้ต่อไปจะทำลายความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตย และฝ่ายการเมือง เพราะฝ่ายการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องทำหน้าที่ลดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ไม่ใช่กลายเป็นตัวปัญหาความขัดแย้งเสียเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น