เครือข่าย ปชช.พร้อม หน.พลังงานไทย ยื่นผู้ตรวจฯ สอบมติ ครม.พร้อม พ.ร.บ.ที่เปิดโอกาส ขรก.-อัยการ นั่งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เอื้อประโยชน์ต่างตอบแทน ขัดเจตนารมณ์ รธน.ม.279 ยก ปตท.เป็นตัวอย่างที่ ปชช.เสียสิทธิใช้พลังงานราคาถูก
วันนี้ (27 ก.ย.) พ.ท.แพทย์หญิง กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ พร้อมด้วย นายวิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ หัวหน้าพรรคพลังงานไทย เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษ์เกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาว่า พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ฉบับที่ 5 และฉบับที่ 6 พ.ศ.2550 ที่กำหนดให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจนั้นสามารถไปดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการ หรือบอร์ดในรัฐวิสาหกิจอื่นๆ รวมทั้งรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 วรรคหก ที่กำหนดให้พนักงานอัยการ สามารถไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 จริยธรรมเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีผลประโยชน์ทับซ้อน และขัดเจตนารมณ์ของอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ทำให้บุคคลเหล่านี้ที่เข้าไปดำรงตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ในลักษณะบอร์ด และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนในรูปของเบี้ยประชุมกรรมการ โบนัส ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าว ทำให้คนเหล่านี้ ไม่กล้าที่จะตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ
นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบกรณีของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยมติ ครม.ที่เห็นชอบตามคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เสนอให้สัมปทานกับบริษัทต่างชาติให้สามารถเข้ามาจุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในราคาถูก รวมถึงมีมติต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นทรัพยากรของแผ่นดินได้ในราคาถูกและเป็นธรรม ซึ่งขัดกับอนุสนธิสัญญาและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ของสหประชาชาติ ทั้งที่รัฐบาลชุดนี้เป็นผู้ที่ไปลงนามไว้
วันนี้ (27 ก.ย.) พ.ท.แพทย์หญิง กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ พร้อมด้วย นายวิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ หัวหน้าพรรคพลังงานไทย เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษ์เกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาว่า พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ฉบับที่ 5 และฉบับที่ 6 พ.ศ.2550 ที่กำหนดให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจนั้นสามารถไปดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการ หรือบอร์ดในรัฐวิสาหกิจอื่นๆ รวมทั้งรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 วรรคหก ที่กำหนดให้พนักงานอัยการ สามารถไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 จริยธรรมเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีผลประโยชน์ทับซ้อน และขัดเจตนารมณ์ของอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ทำให้บุคคลเหล่านี้ที่เข้าไปดำรงตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ในลักษณะบอร์ด และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนในรูปของเบี้ยประชุมกรรมการ โบนัส ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าว ทำให้คนเหล่านี้ ไม่กล้าที่จะตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ
นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบกรณีของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยมติ ครม.ที่เห็นชอบตามคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เสนอให้สัมปทานกับบริษัทต่างชาติให้สามารถเข้ามาจุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในราคาถูก รวมถึงมีมติต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นทรัพยากรของแผ่นดินได้ในราคาถูกและเป็นธรรม ซึ่งขัดกับอนุสนธิสัญญาและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ของสหประชาชาติ ทั้งที่รัฐบาลชุดนี้เป็นผู้ที่ไปลงนามไว้