xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลแจงสภา อ้างจำนำข้าวคนจนลด - ปชป.ยำ 10 เรื่องเหลว สับจัดการน้ำให้อีสานนิดเดียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รัฐบาลแจงผลงาน 1 ปี วันที่ 2 ปชป.ลุยฉะ กู้ 5 ครั้ง 3.3 ล้านล้าน เจียดจัดการน้ำให้อีสานนิดเดียว แนะนายกฯ เข้าสภาบ่อยๆ จวกโยนบาปท่วม 54 ไร้ความรับผิดชอบ ยก 10 เรื่องเหลว ซัดการศึกษาห่วย แท็บเล็ตไม่ช่วยอะไร “นิวัฒน์ธำรง” อ้างจำนำข้าวชาวนาได้ประโยชน์ โอ่คนจนน้อยลง กระตุ้นจีดีพี ปัดทำลายกลไกตลาด ลั่นเดินหน้า โวขายรัฐต่อรัฐ 11.7 ล้านตัน ย้ำกฎไม่ได้บังคับเด็กต้องตัดเกรียน

วันนี้ (25 ก.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณารับทราบรายงานผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปีที่ 1 ระหว่างวันที่ 23 สค. 54 - 23 ส.ค. 55 ในวันที่ 2 (25 ก.ย.) ได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.10 น. โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่การอภิปรายนายเจริญแจ้งว่า ทางรัฐบาล และส.ส.พรรคเพื่อไทยได้ใช้เวลาอภิปรายไปแล้วกว่า 1 ชั่วโมง เหลือเวลาที่ใช้ได้อีกประมาณ 3 ชั่วโมง ขณะที่พรรคฝ่ายค้านใช้เวลาไปแล้วกว่า 5 ชั่วโมง ดังนั้นจะเหลือเวลาอภิปรายได้อีกกว่า 4 ชั่วโมง

จากนั้นนายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าตลอดการบริหารราชการของรัฐบาลที่ผ่านมามีการกู้เงินไปแล้ว จำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 3.3 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นสถิติการกู้เงินที่มากที่สุดที่เคยมีประเทศไทยมา อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากการใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ในโครงการที่ดำเนินการล่าสุด คือ ตามโครงการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท พบว่ามีสัดส่วนลงไปในพื้นที่ภาคอีสานเพียงเล็กน้อย หากเทียบก็เหมือนเนื้อข้างเขียง ทั้งที่คนอีสานเลือกผู้แทนจากพรรครัฐบาลมากที่สุดถึง 104 คน และมีปัญหาความเดือดร้อนมากกว่าพื้นที่อื่น เช่น พื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง มีมากกว่า 3.5 หมื่นหมู่บ้าน ขณะที่ภาคเหนือและภาคกลาง มีพื้นที่ประสบภัยแล้งเพียง 2 หมื่นหมู่บ้าน

ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายแนะนำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปรับปรุงในประเด็นของการเข้าร่วมการประชุมสภาฯ เพราะจากสถิติในเดือน ส.ค. 2555 ที่มีการประชุมสภา จำนวน 5 ครั้ง พบว่านายกฯ ได้มาร่วมลงชื่อเข้าประชุม แต่ไม่พบการลงมติในเรื่องต่างๆ ซึ่งที่ประชุมมีการลงมติไปมากถึง 55 ครั้ง ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามที่นายกฯ ระบุว่าจะยึดมั่นระบอบรัฐสภา และให้นำปัญหามาหารือในสภาฯ นายกฯ ต้องปรับปรุง นอกจากนั้นแล้วการบริหารของรัฐบาลรอบ 1 ปีที่ผ่านมาในเรื่องของการฟื้นฟูประชาธิปไตย พบว่ามีการทำเพียงเรื่องเดียว คือ การให้เงินเยียวยาคนเสื้อแดงที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง จำนวน 7.5 ล้านบาท

ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าการทำรายงานแสดงผลงานรอบ 1 ปีของรัฐบาลมีการทำเอกสารรายงานที่ผิด โดยเฉพาะเรื่องอุทกภัยในปี 2554 ที่ระบุว่าเป็นเพราะการบริหารจัดการในอดีตไม่มีประสิทธิภาพ เท่ากับเป็นการโยนความผิดและแสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบ

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว. พาณิชย์ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ว่าการจัดทำรายงานผลงานรัฐบาลรอบ 1 ปี เป็นผลการทำงานที่เป็นจริงทั้งหมด สำหรับข้อท้วงติงของ ส.ส.ที่มีถึงโครงการต่างๆ ตนขอชี้แจง คือ โครงการรับจำนำข้าว ยืนยันว่าเป็นการทำโครงการที่มีประสิทธิภาพและชาวนาได้รับประโยชน์ โดยรัฐบาลสามารถเพิ่มรายได้ให้กับชาวนาได้มากถึง ปีละ 1.43 ล้านบาทต่อหัว หรือเฉลี่ยต่อตนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 6.6 หมื่นบาท ทั้งนี้เมื่อดูจำนวนคนจนในประเทศปีล่าสุดพบว่ามีอัตราคนจนลดน้อยลง และช่วยกระตุ้นจีดีพีของประเทศได้จำนวนร้อยละ 1 ทั้งนี้โครงการจำนำข้าวถือเป็นโครงการทางเลือก และไม่ได้เป็นการทำลายกลไกในตลาดแต่อย่างใด ดังนั้นรัฐบาลยืนยันจะดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป

นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวต่อว่า สำหรับปริมาณการรับจำนำข้าวตั้งแต่ที่รัฐบาลเข้ามาบริหาร รวม 2 ฤดูกาล จะมีปริมาณข้าวเปลือกที่รับจำนำ จำนวน 44 ล้านตัน หรือคิดเป็นข้าวสารจำนวน 27.4 ล้านตัน และใช้เงินในโครงการเฉลี่ยปีละ 3.4 แสนล้านบาท ขณะที่การระบายข้าวสารได้ดำเนินการไปแล้ว 11.7 ล้านตัน ผ่านการทำสัญญารัฐต่อรัฐ, การขายในตลาดล่วงหน้า แต่ยังเหลืออีก 10.8 ล้านตัน โดยส่วนดังกล่าวมีภาระผูกผันอยู่ 5 ล้านตัน ทั้งนี้อีก 1-2 สัปดาห์จะมีการลงนามขายข้าวให้กับ จำนวน 1.2 ล้านตัน กับรัฐวิสาหกิจชื่อเป่ยต้าฮวง มณฑลเฮยหลงเจียง

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายถึงผลงานของรัฐบาลว่า ตนขอจัด 10 อันดับความล้มเหลวมากที่สุดของผลงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดังนี้ คือ 1.การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพงเพราะแพงทั้งแผ่นดิน 2. การปรองดองสมานฉันท์ แก้ไขไม่ใช่แก้แค้น 3. คุณภาพการศึกษาตกต่ำ ยุบโรงเรียน เด็กอ่านหนังสือไม่ออก 4. การปฏิรูปทางการเมือง การออกกฎมายนิรโทษกรรมและแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5. การแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ 6. การทุจริตโครงการจำนำข้าว 7. การแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ 8. การคืนภาษีบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก 9. การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท การขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท และ10. การสร้างหนี้ 1 ล้านล้านบาท และจะกู้เพิ่มอีก 2 ล้านล้านบาท

“2 ปีที่ผ่านมา เรื่องคุณภาพการศึกษาล้มเหลวอย่างมาก เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งนักเรียนประท้วงอดอาหาร ยุบโรงเรียน เปลี่ยนทรงผม ปิดโรงเรียนให้ครูอบรมวัดธรรมกาย เด็กอ่านหนังสือไม่ออก 8 แสนราย เรื่องแท็บเล็ตวันนี้พบความจริงเป็นนโยบายประชานิยม ไม่สนองตอบคุณภาพการศึกษา” นายชินวรณ์กล่าว

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ กล่าวว่า ผลของการศึกษาที่เห็นปัจจุบันว่าเด็กไทยอ่านหนังสือไม่ออกไม่ใช่พึ่งจะมี แต่มีมาประมาณ 6-7 ปีแล้ว ส่วนการยุบโรงเรียนต้องยอมรับว่าโรงเรียนที่เด็กจำนวนน้อยต้องยอมรับว่าคุณภาพการศึกษาเทียบเด็กจำนวนมากไม่ได้ ส่วนการเปลี่ยนทรงผม หัวเกรียนที่ยังใช้กันอยู่ หลายคนอึดอัดใจ ถามเหตุผลทำไมต้องไว้แบบนั้น ตนดูกฎกระทรวงพบว่าไม่ได้บังคับให้นักเรียนชายต้องตัดเกรียนแบบนั้น แค่บอกอย่าให้ผมยาวเกินตีนผม และการตัดผมที่อยากตัดรองทรงก็ตัดได้ แต่บางโรงเรียนไม่เข้าใจ บังคับให้เด็กตัดเกรียน พอมีการร้องเรียนกรรมการสิทธิมนุษยชน ตนจึงไปดูพบว่าสามารถตัดรองทรงได้และออกกมาคุ้มครองเด็กๆ เราเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญเพราะพยายามให้พวกเขาเป็นพลเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตย ถ้าจะบังคับให้เขาทำอะไรเราต้องมีเหตุผลด้วย










กำลังโหลดความคิดเห็น