สะเก็ดไฟ
การเมืองเข้มข้นในสภายังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ตามความต้องการของรัฐบาล “ปูกรรเชียง” ที่มี “นักโทษหนีคดี” ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้กำกับ
เร่งผลักดันกฎหมายเป็นชุดหลังแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 2 มาได้อย่างทุลักทุเล ต้องอภิปรายกันยาวนานกว่า 10 วัน และยังติดด่านศาลรัฐธรรมนูญอยู่
ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทก็ผ่านสภาผู้แทนราษฎรตามมาติดๆ ท่ามกลางเสียงต่อต้าน กู้ชาตินี้ใช้ชาติหน้าโครงการขาดความโปร่งใสตรวจสอบได้ยาก หวั่นใจจะเกิดปฏิบัติการชักหัวคิวกินเปอร์เซ็นต์ จาก “ขาใหญ่ในรัฐบาล” ตามเสียงลือเล่าอ้างที่พูดกันหนาหู แต่งบ 2 ล้านล้านบาท ก้อนโตมหาศาล แค่ชักไป 20 เปอร์เซ็นต์ คิดดูก็แล้วกันว่ามันเท่าไหร่
และแน่นอนว่าต้องติดด่านสกัดจากองค์กรอิสระเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองจากวุฒิสภาอีกชั้นหนึ่งก่อนแต่รับประกันซ่อมฟรีผ่านฉลุย
เพราะ ส.ว.โดยเฉพาะสายเลือกตั้ง เจอเงินอุดปากทั้งยังได้ประโยชน์แลกเปลี่ยนจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.หลับหูหลับตาเออออห่อหมกด้วยแน่ จิตสำนึกแห่งการตรวจสอบไม่เหลือแล้ว!!
จากนี้ไปต้องจับตา “วาระร้อน” ของรัฐบาลเชื่อว่าเรื่องแหลมคมรุนแรง รัฐบาลยังไม่กล้าเสี่ยงตอนนี้เพราะอายุรัฐบาลเพิ่งเข้าสู่กลางเทอม จะไปเสี่ยงวัดดวงก็ช่วงปลายรัฐบาลดีกว่า
ตอนนี้ตามปฏิทินวันที่ 24-25 ก.ย.เป็นเรื่องของการแถลงผลงานรัฐบาลที่ค้างท่อ ค้างปี ทำงานมา 2 ปี ผลงานปีแรกยังไม่แถลง ไม่รู้ว่าติดขัดบัดสีอะไรถึงไม่แถลงสักทีหรือมันไม่มีอะไรให้แถลง ผลงานไม่มีเลยหรือไง??
เวทีนี้ฝ่ายค้านตั้งเขียงรอสับไว้อยู่แล้วเพราะพูดได้หลายมิติเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลว่ามันฉาวโฉ่ ฉ้อฉลอย่างไร เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติแต่รัฐบาลรู้เกม วางแท็กติกปิดปากตามสันดานเดิม ให้เวลาอภิปรายน้อยๆ เต็มที่แค่ 2 วัน หรือ 15 ชม.
ที่น่าจับตาคือวันที่ 28 ก.ย.นี้ ที่รัฐสภาประกาศนัดลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. วาระ 3 ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แม้จะมีเรื่องคาอยู่ในชั้นศาล
รัฐบาลประกาศไม่สนใจเดินหน้าลุยแหลกแม้ศาลจะดองเรื่องไว้ หรือสั่งให้ชะลอลงมติก็ตามต้องดูว่าจะหักด่านเพิ่มความผิดทับซ้อนเข้าไปอีกเงื่อนปมหรือไม่
หลังผ่านสัปดาห์นี้ไปแล้ว รัฐบาลตั้งเป้าเอาการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 การทำสัญญาระหว่างประเทศเข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไปคงได้อภิปรายกันน้ำท่วมทุ่งเหมือนเดิม
จากนั้นต้องรอดูท่าฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตอนไหนถือเป็นไฮไลต์ของการประชุมสภาสมัยประชุมนี้จะมีทีเด็ดทีขาดน็อกรัฐบาลที่กำลังซวนเซเพลี่ยงพล้ำอย่างไร
ถ้าทำได้ดีชี้ทุจริต รมต.ชัดๆ ได้สักคนสองคน ก็น่าจะเรียกศรัทธากลับคืนมาได้บ้าง แต่ถ้าไม่ได้มีหวังกู่ไม่กลับ
จับสัญญาณอาการช่วงปลายนี้ถึงต้นปีหน้า รัฐบาลจะยังไม่ผลักดันกฎหมายสุ่มเสี่ยงเข้ามามากมายเท่าใดนักเพราะไปดูฤกษ์ดูยามแล้วพบว่า รัฐบาลอาการไม่ค่อยดี ดวงชะตาอาจถึงฆาต หากทำอะไรผลีผลาม ฝ่ายตรงข้ามเล็งลัคนาล้มรัฐบาลอยู่แบบตาขวาง
เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 237 แก้ไขอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และเรื่องยุบพรรคถือว่าสุ่มเสี่ยงเกินไปที่จะหยิบจับมาเล่นตอนนี้ หากพลาดพลั้งไปรัฐบาลอาจมีหวังล้มทั้งกระดาน
เพราะแน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงทำอะไรผิดหลักผิดขั้นตอนมีหวังเจอตอกกลับหน้าหงายพังกันเป็นแถบแน่
เรื่องนิรโทษกรรมก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะกล้าเดินฝ่ากระแสต้านเอามาเขย่าความเห็นขัดแย้งสังคมอีกหรือไม่ เรื่องร้อนๆ พวกนี้รัฐบาลวางเกมเอาไว้ว่ากันช่วงที่พร้อมจะกลับไปเลือกตั้งใหม่แล้ว
เอาเรื่องงบประมาณผ่านเรื่องง่ายๆ ผ่านไปก่อน เรื่องยากๆ ไว้ลุยกันสุดซอย แบบพังเป็นพัง!!
การเมืองเข้มข้นในสภายังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ตามความต้องการของรัฐบาล “ปูกรรเชียง” ที่มี “นักโทษหนีคดี” ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้กำกับ
เร่งผลักดันกฎหมายเป็นชุดหลังแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 2 มาได้อย่างทุลักทุเล ต้องอภิปรายกันยาวนานกว่า 10 วัน และยังติดด่านศาลรัฐธรรมนูญอยู่
ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทก็ผ่านสภาผู้แทนราษฎรตามมาติดๆ ท่ามกลางเสียงต่อต้าน กู้ชาตินี้ใช้ชาติหน้าโครงการขาดความโปร่งใสตรวจสอบได้ยาก หวั่นใจจะเกิดปฏิบัติการชักหัวคิวกินเปอร์เซ็นต์ จาก “ขาใหญ่ในรัฐบาล” ตามเสียงลือเล่าอ้างที่พูดกันหนาหู แต่งบ 2 ล้านล้านบาท ก้อนโตมหาศาล แค่ชักไป 20 เปอร์เซ็นต์ คิดดูก็แล้วกันว่ามันเท่าไหร่
และแน่นอนว่าต้องติดด่านสกัดจากองค์กรอิสระเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองจากวุฒิสภาอีกชั้นหนึ่งก่อนแต่รับประกันซ่อมฟรีผ่านฉลุย
เพราะ ส.ว.โดยเฉพาะสายเลือกตั้ง เจอเงินอุดปากทั้งยังได้ประโยชน์แลกเปลี่ยนจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.หลับหูหลับตาเออออห่อหมกด้วยแน่ จิตสำนึกแห่งการตรวจสอบไม่เหลือแล้ว!!
จากนี้ไปต้องจับตา “วาระร้อน” ของรัฐบาลเชื่อว่าเรื่องแหลมคมรุนแรง รัฐบาลยังไม่กล้าเสี่ยงตอนนี้เพราะอายุรัฐบาลเพิ่งเข้าสู่กลางเทอม จะไปเสี่ยงวัดดวงก็ช่วงปลายรัฐบาลดีกว่า
ตอนนี้ตามปฏิทินวันที่ 24-25 ก.ย.เป็นเรื่องของการแถลงผลงานรัฐบาลที่ค้างท่อ ค้างปี ทำงานมา 2 ปี ผลงานปีแรกยังไม่แถลง ไม่รู้ว่าติดขัดบัดสีอะไรถึงไม่แถลงสักทีหรือมันไม่มีอะไรให้แถลง ผลงานไม่มีเลยหรือไง??
เวทีนี้ฝ่ายค้านตั้งเขียงรอสับไว้อยู่แล้วเพราะพูดได้หลายมิติเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลว่ามันฉาวโฉ่ ฉ้อฉลอย่างไร เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติแต่รัฐบาลรู้เกม วางแท็กติกปิดปากตามสันดานเดิม ให้เวลาอภิปรายน้อยๆ เต็มที่แค่ 2 วัน หรือ 15 ชม.
ที่น่าจับตาคือวันที่ 28 ก.ย.นี้ ที่รัฐสภาประกาศนัดลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. วาระ 3 ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แม้จะมีเรื่องคาอยู่ในชั้นศาล
รัฐบาลประกาศไม่สนใจเดินหน้าลุยแหลกแม้ศาลจะดองเรื่องไว้ หรือสั่งให้ชะลอลงมติก็ตามต้องดูว่าจะหักด่านเพิ่มความผิดทับซ้อนเข้าไปอีกเงื่อนปมหรือไม่
หลังผ่านสัปดาห์นี้ไปแล้ว รัฐบาลตั้งเป้าเอาการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 การทำสัญญาระหว่างประเทศเข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไปคงได้อภิปรายกันน้ำท่วมทุ่งเหมือนเดิม
จากนั้นต้องรอดูท่าฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตอนไหนถือเป็นไฮไลต์ของการประชุมสภาสมัยประชุมนี้จะมีทีเด็ดทีขาดน็อกรัฐบาลที่กำลังซวนเซเพลี่ยงพล้ำอย่างไร
ถ้าทำได้ดีชี้ทุจริต รมต.ชัดๆ ได้สักคนสองคน ก็น่าจะเรียกศรัทธากลับคืนมาได้บ้าง แต่ถ้าไม่ได้มีหวังกู่ไม่กลับ
จับสัญญาณอาการช่วงปลายนี้ถึงต้นปีหน้า รัฐบาลจะยังไม่ผลักดันกฎหมายสุ่มเสี่ยงเข้ามามากมายเท่าใดนักเพราะไปดูฤกษ์ดูยามแล้วพบว่า รัฐบาลอาการไม่ค่อยดี ดวงชะตาอาจถึงฆาต หากทำอะไรผลีผลาม ฝ่ายตรงข้ามเล็งลัคนาล้มรัฐบาลอยู่แบบตาขวาง
เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 237 แก้ไขอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และเรื่องยุบพรรคถือว่าสุ่มเสี่ยงเกินไปที่จะหยิบจับมาเล่นตอนนี้ หากพลาดพลั้งไปรัฐบาลอาจมีหวังล้มทั้งกระดาน
เพราะแน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงทำอะไรผิดหลักผิดขั้นตอนมีหวังเจอตอกกลับหน้าหงายพังกันเป็นแถบแน่
เรื่องนิรโทษกรรมก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะกล้าเดินฝ่ากระแสต้านเอามาเขย่าความเห็นขัดแย้งสังคมอีกหรือไม่ เรื่องร้อนๆ พวกนี้รัฐบาลวางเกมเอาไว้ว่ากันช่วงที่พร้อมจะกลับไปเลือกตั้งใหม่แล้ว
เอาเรื่องงบประมาณผ่านเรื่องง่ายๆ ผ่านไปก่อน เรื่องยากๆ ไว้ลุยกันสุดซอย แบบพังเป็นพัง!!
