“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” งดจัดรายการ ส่ง “กิตติรัตน์-ชัชชาติ” แจง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ยืนยันการกู้จะเป็นไปตามกรอบวินัยการคลัง ไม่เกินระดับหนี้สาธารณะ 50% ของจีดีพี โวแม้ประเทศจะมีหนี้มาก ต้องใช้ถึง 50 ปี แต่เราจะมีสาธารณูปโภคที่มีมูลค่ามหาศาล เชื่อไม่ขัด รธน. “ชัชชาติ” บอกจำเป็นต้องพัฒนาการคมนาคมอย่างเป็นระบบ เพื่อตอบโจทย์การขนส่งของประเทศทุกด้าน ส่วนการกู้ต้องเป็นไปตามขั้นตอนเหมือนงบประมาณปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” เช้าวันนี้ (21 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม งดจัดรายการ มอบหมายให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ชี้แจง ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลแยกกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายเฉพาะก็เพื่อให้เห็นว่าโครงการลงทุนด้านการคมนาคมครั้งนี้มีโครงการอะไรบ้าง และทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนแยกจากภารกิจอื่น สำหรับข้อคำถามที่ว่า เพราะอะไรไม่ร่วมทุนกับเอกชนในโครงการดังกล่าวนั้นก็ต้องบอกว่า การร่วมทุนกับเอกชนนั้นไม่ใช่เรื่องได้เปล่า และเอกชนมักต้องการผลประโยชน์ตอบแทนค่อนข้างจะสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ร่วมกับลงทุนเลย เพราะถ้าโครงการใดภาคเอกชนมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่ารัฐ หรือองค์กรรัฐวิสาหกิจก็สามารถดำเนินการร่วมกับเอกชนได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ศึกษาทั้งหมดแล้ว ทั้งด้านการลงทุน ความมั่นคง และวินัยทางการเงินการคลัง ซึ่งตัวเลขต่างๆ ที่ออกมาทุกฝ่ายก็มั่นใจได้ โดยกรอบวินัยการคลังของประเทศจะมีการประกาศโดยกระทรวงการคลัง และจะระมัดระวังไม่ให้ระดับหนี้สาธารณะอยู่ไม่กรอบที่เรากำหนดคือ 50% ของจีดีพี โดยได้มีการเผื่อระดับเอาไว้ทั้งหมด
ส่วนการชำระหนี้ทั้งหมดจนถึงบาทสุดท้ายนั้น อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีแต่เราจะได้สาธารณูปโภคที่มีมูลค่ามากมายตั้งแต่วันนี้เป็นของเราเองทันที ซึ่งในอีก 50 ปีข้างหน้า โครงสร้างพื้นฐานที่เรามีอยู่ก็มีมูลค่ามากกว่าวันนี้อีกหลายเท่า และหากเราต้องการจะใช้หนี้ให้หมดเร็วก็เพียงแต่เพิ่มเงินต้น โดยคนที่ซื้อบ้านจะเข้าใจดีว่าหากเราต้องการใช้หนี้บ้านให้หมดเร็วก็เพียงแค่เพิ่มเงินต้นไปนิดหน่อย ระยะเวลาในการใช้หนี้ซื้อบ้านก็จะเร็วขึ้น แต่ระหว่างที่เราผ่อนบ้านอยู่นั้นเราจะได้บ้านมาเป็นของตัวเองทันที โดยไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าบ้าน แต่เหนืออื่นใดตลอดระยะเวลาที่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้อาจจะขัดรัฐธรรมนูญ และจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้นเราไม่ได้หนักใจในข้อกฎหมาย เพราะได้มีการศึกษาเอาไว้ทั้งหมดแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ยืนยันในแนวทาง ที่สำคัญคือ มั่นใจว่าในท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายต่างๆ จะมองเห็นผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นเรื่องสำคัญ
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า พ.ร.บ. สร้างอนาคตไทย 2020 มีทั้งหมด 53 โครงการ แต่ร้อยละ 40 จะลงไปที่ระบบรางซึ่งเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ สถานีขนส่งสินค้า ถนน 4 เลน และท่าเรือ ซึ่งจะครอบคลุมไปทุกด้าน เนื่องจากที่ผ่านมาเรามองเฉพาะอย่าง หรือทำเฉพาะถนน ก็จะไม่ตอบโจทย์อะไร แต่ครั้งนี้เรามองภาพรวมทั้งระบบ ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาของกระทรวงคมนาคมก็คือมีงบประมาณอยู่น้อย การพัฒนาระบบการขนส่งต่างๆ ก็เลยมีการพัฒนาเป็นช่วงๆ ไม่ได้มีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ซึ่งครั้งนี้เรามองว่าจำเป็นต้องพัฒนาอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะตอบโจทย์การคมนาคมขนส่งของประเทศทุกด้าน โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงนั้น ในอนาคตจะต้องมีการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ชาวบ้านในต่างจังหวัด และกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยู่ในภูมิภาคจะมีโอกาสมากขึ้น เพราะความเจริญจะกระจายไปสู่ต่างจังหวัด และภูมิภาคต่างๆ มากขึ้น
ทั้งนี้ ในรายละเอียดของโครงการต่างๆ นั้น จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนเหมือนในงบประมาณประจำปีปกติ โดยต้องขอความเห็นชอบ ทั้งจากสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ถึงจะดำเนินการเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งวงเงินทั้งหมดกว่าร้อยละ 80 นั้น จะเป็นการลงทุนในระบบกลาง และจะทำให้สัดส่วนการลงทุนนั้น ด้านการขนส่งสามารถลดต้นทุนได้กว่าร้อยละ 12
อย่างไรก็ตาม การกู้เงินดังกล่าวนั้นเป็นการทยอยกู้เงิน ในระยะเวลา 7 ปี เฉลี่ยเท่ากับการใช้เงินอยู่ที่ประมาณปีละ 3 แสนล้านบาท จึงไม่ให้วงเงินที่สูงมากจนน่ากังวล
