ที่ประชุมสภาฯ นัดพิเศษมีมติ 287 ต่อ 105 เสียง ผ่านร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทฉลุย ก่อนส่งต่อวุฒิฯ ช่วยเข็นอีกแรง แล้วส่งคืนให้นายกฯ ทูลเกล้าฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย “ยิ่งลักษณ์” ดอดร่วมลุ้น ส.ส.ปชป.จวกรัฐปกปิดรายละเอียด อัดงบประมาณเผื่อเหลือเผื่อขาด น่าเกลียดที่สุด
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เวลา 23.25 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท มีมติผ่านวาระ 3 ด้วยคะแนน 287 ต่อ 105 เสียง ภายหลังนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในฐานะประธานในที่ประชุมได้สั่งปิดการประชุมในเวลาประมาณ 23.30 น.
ทั้งนี้ บรรยากาศในช่วงค่ำที่ผ่านมา การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น โดยที่ประชุมมติผ่านตั้งแต่มาตรา 6 ถึง 19 ไปอย่างรวดเร็ว ส.ส.ลุกขึ้นอภิปรายจำนวนไม่มาก มาตราละ 1-2 คน และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ไม่มีการประท้วง และแต่ละมาตรามีการลงมติเห็นด้วยตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก และบางมาตราไม่มีผู้อภิปราย ก็ไม่มีการลงมติ คือ มาตรา 8, 9, 12, 13, 15 และ 19 ส่วนมาตรา 18 ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยตามกรรมาธิการให้มีการตัดออก นอกจากนี้ ยังมีผู้แปรญัตติให้มีการเพิ่มมาตรา 20-21 แต่ที่ประชุมมีมติไม่เห็นด้วยกับผู้แปรญัตติ
จากนั้นเป็นการพิจารณาในส่วนของบัญชีแนบท้าย มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง เช่น นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการเสียข้างน้อย อภิปรายว่า รัฐบาลตั้งธงว่าจะไม่ยอมใน 2 เรื่องคือ ไม่เห็นด้วยที่จะนำรายละเอียดโครงการทั้งหมดเข้ามาใส่ไว้ในบัญชีแนบท้าย และไม่ปรับลดงบประมาณลงตามที่กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อยเสนอปรับลดลงมา 1.1 หมื่นล้านบาท แต่กลับนำใส่ไว้ในงบประมาณเผื่อเหลือเผื่อขาดที่มีอยู่แล้ว 9.2 พันล้านบาท รวมงบฯ ดังกล่าว 2.1 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้มีอายุถึง 7 ปี ไม่จำเป็นงบเผื่อเหลือเผื่อขาด ถือว่าเป็นการกระทำที่น่าเกลียดที่สุด
ส่วนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณที่ประชุม พร้อมกับยืนยันว่า จะดูแลการใช้งบเงินกู้เงินนี้อย่างโปร่งใส ก่อนจะมีการลงมติและสั่งปิดประชุมดังกล่าว
อนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้อยู่ร่วมการประชุมด้วย
ทั้งนี้ หลังจากการลงมติร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทฉบับดังกล่าวผ่านพ้นวาระที่ 3 ไปแล้ว จะนำไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภาอีก 3 วาระ เช่นเดียวกับการตราพระราชบัญญัติทั่วไป ได้แก่ วาระที่ 1 หากมีมติรับไว้พิจารณา ให้พิจารณาต่อไป ก็จะนำไปสู่วาระที่ 2 ส่งให้คณะกรรมาธิการสามัญ หรือวิสามัญ หรือกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณา และสภาพิจารณา
จากนั้นก็จะนำไปสู่วาระที่ 3 หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบก็จะส่งร่าง พ.ร.บ.ไปยังสภาผู้แทนราษฎร หากเห็นด้วยกับที่วุฒิสภาเสนอก็จะให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับร่าง พ.ร.บ. จากนั้นพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม 40 ส.ว. เคยออกมาเปิดเผยว่าอาจจะมีการนำ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เข้าสู่การตีความจากการพิจารณาของของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจะดำเนินการก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
