xs
xsm
sm
md
lg

เสียงข้างมากโหวตผ่าน ม.8-9 ที่มา ส.ว.! “ไพบูลย์” สับ “นิคม” มีส่วนได้เสียแต่ไม่ออกห้องประชุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รัฐสภาถกแก้ รธน.ต่อ “ส.ว.ไพบูลย์” ประชดให้ วุฒิสภาสังกัดพรรค ซัด “นิคม” ตัวอย่างที่ไม่ดี มีส่วนได้เสียแต่ไม่ออกห้องประชุม “ค้อนปลอม” ขึ้นนั่งบัลลังก์ ส.ส.ลพบุรี เพื่อไทย ได้ทีเสนอโหวต เจ้าตัวขอให้พูดอีก 3 ก่อนเสียงข้างมากชนะผ่านมาตรา 8 ตามคาด ต่อด้วยมาตรา 9 แล้วปิดประชุม นัดใหม่ 11 ก.ย.

วันนี้ (10 ก.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมร่วมรัฐสภา วาระแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาวุฒิสภา เมื่อเริ่มเข่าสู่การพิจารณามาตรา 8 ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา แทนตำแหน่งที่ว่างลง นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ในฐานะประธานที่ประชุม ได้พยายามควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความราบรื่น โดยให้มีการนำเสนอแปรญัตติของผู้อภิปรายโชว์ขึ้นป้ายแสดงผลบนห้องประชุม พร้อมให้เจ้าหน้าที่ส่งเนื้อหาชวเลขมาให้ตนเองด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกอภิปรายซ้ำและนอกประเด็นในการแปรญัตติ

ทั้งนี้ผู้อภิปรายส่วนใหญ่ทั้ง ส.ว.สรรหา และ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ต่างโจมตีภาพรวมของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เกรงว่าจะทำให้สภาพวุฒิสภากลับไปเหมือนรัฐธรรมนูญ 40 และสร้างปัญหาให้ประเทศชาติ และเรียกร้องให้กรรมาธิการเสียงข้างมากนำกลับไปแก้ไขทั้งหมด เพราะมิเช่นนั้นเรื่องจะต้องไปยุติที่ศาลรัฐธรรมนูญ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.อภิปรายเหน็บแนมการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ว่า เป็นการแก้ ส.ส.ให้เป็น ส.ว.หรือให้ ส.ว.เป็น ส.ส.เพราะต่อไปในอนาคตอาจจะมี ส.ว.ที่เข้ามาและเอารองเท้ามาวางบนโต๊ะในห้องประชุมวุฒิสภาอย่างเช่นในเวทีสภา ซึ่งมีเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว นอกจากนี้ยังเห็นว่า หากมีการแก้ไขให้บุพการีลงสมัครรับเลือกตั้งได้ หรือลาออก 1 วันลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ก็ควรเสนอให้วุฒิสภาต้องสังกัดพรรคการเมืองเป็นเวลา 90 วัน

“ขอฝากไปที่ประธานนิคม ปกติหากใครมีส่วนได้เสียในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ต้องออกจากห้องประชุม แต่ท่านไม่ได้ออกห้องประชุม แต่ยังดำเนินการประชุมเสียเอง ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเยาวชน” นายไพบูลย์ ระบุ

จนเมื่อเวลา 15.15 น.นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ได้ขึ้นสลับทำหน้าที่บนบัลลังก์ นายพหล วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติปิดอภิปรายมาตรา 8 เพราะเห็นว่าสมาชิกอภิปรายซ้ำไปวนมาในประเด็นเดิม แต่ นายสมศักดิ์ ได้ขอประนีประนอมให้สมาชิกอภิปรายอีก 3 คนโดยใช้เวลาประมาณคนละ 10 นาที เพราะต้องการให้บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี ซึ่งนายพหล ก็ยอมถอนญัตติออกไป จนเมื่อสมาชิกได้อภิปรายครบถ้วน ประธานได้ขอมติที่ประชุม ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ 362 เสียง เห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก ส่วน 115 เสียง ไม่เห็นด้วย

ต่อมา 16.10 น.นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ในการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว.ในมาตรา 9 ว่าด้วยการแก้ไขมาตรา 241 วรรค 1 คือในช่วงประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งห้ามจับ คุมขัง หรือหมายเรียกจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยสมาชิกจำนวนน้อยที่สงวนคำแปรญัตติ ทำให้การพิจารณาเป็นไปอย่างราบรื่น และใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่า ก่อนที่จะมีมติเห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 358 ต่อ 96 เสียง

จากนั้นนายนิคมได้หารือเห็นควรให้เลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันพรุ่งนี้ แต่ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอขอให้พิจารณา มาตรา 10 ว่าด้วยเรื่องกรอบระยะเวลาของวุฒิสภาจำนวน 200 คน ในการดำรงตำแหน่งภายหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ให้แล้วเสร็จก่อนและจึงปิดประชุม แต่ นายประเสริฐ พงษ์สุวรรศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ประท้วง โดยยืนยันว่าวันนี้มีการตกลงร่วมกันกับวิป 3 ฝ่ายว่าจะพิจารณามาตรา 9 จบ และจะปิดการประชุม มิเช่นนั้นจะมีการตกลงกันทำไม ทำให้ นายนิคม ได้ขอนัดประชุม 09.30 น.วันที่ 11 ก.ย.ก่อนสั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 17.30 น.


กำลังโหลดความคิดเห็น