xs
xsm
sm
md
lg

“กิตติรัตน์” หวังกู้ 2 ล้านล้านผ่าน ติง ปชป.ไม่ควรยื่นศาล รธน.เบรก แนะช่วยระวังโกงแทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (แฟ้มภาพ)
“กิตติรัตน์” อ้างนักธุรกิจหนุนกู้ 2 ล้านล้าน หวังกฎหมายผ่าน บางเรื่องทำได้ทันทีรอแค่เงิน ติงฝ่ายค้านไม่ควรยื่นศาล รธน. ยังงงขัดตรงไหน ขอร่วมเร่งพัฒนาโครงสร้าง แนะศึกษากฎหมายให้ชัด ช่วยระวังโกงจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ด้านสภารับหลักการชื่อร่างแล้ว “ชลน่าน-จ่าประสิทธิ์” แย่งซีนประท้วงเหมือนเคย

วันนี้่ (19 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวถึงการร่วมประชุมหารือและรับประทานอาหารค่ำกับสมาคมธนาคารไทย เมื่อค่ำวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า นักการธนาคาร และนักธุรกิจหลายคนเห็นด้วยที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ และตนอยากให้ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระ 2 ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อกฎหมายผ่านไปแล้ว โครงการใดที่สามารถดำเนินการได้ก็จะทำทันที เช่น เรื่องด่านศุลกากรกว่า 40 แห่ง สามารถดำเนินการได้ก่อนกว่า 20 แห่ง เพราะการออกแบบ และทีโออาร์พร้อมแล้ว และหลายโครงการก็มีความพร้อม โดยเฉพาะเรื่องการทำถนน แต่ตอนนี้รอเพียงตัวเงินที่จะมาดำเนินการ ส่วนอีกหลายโครงการที่ต้องรอเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก็ทำตามกฎหมาย และหากกฎหมายผ่าน การประกาศทีโออาร์ให้ผู้สนใจมาจัดซื้อจัดจ้างก็ทำได้ภายในไม่กี่สัปดาห์

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเพราะกฎหมายอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ก็ไม่ควรเพราะกฎหมายที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความต้องเป็นกฎหมายที่ส่อต่อการขัดรัฐธรรมนูญ แต่การออกกฎหมายกู้เงินเพื่อนำเงินมาพัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคมของประเทศ ยังมองไม่เห็นว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญตรงจุดไหน อย่างไรก็ตามก็จะทำความเข้าใจกับฝ่ายค้านและขอความร่วมมือ ที่จะช่วยกันเร่งพัฒนาโครงสร้างของประเทศ ทั้งนี้ตนไม่กังวล เพราะหลักการสำคัญก่อนร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านการไตร่ตรองโดยรัฐบาล และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงแน่ใจว่าไม่มีส่วนใดของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขัดรัฐธรรมนูญ หวังว่าผู้ที่เตรียมยื่นศาลตีความจะเปลี่ยนใจ เพราะเห็นแก่เป็นประโยชน์ของประเทศ จึงขอความกรุณาคนที่จะไปยื่นให้ศาลตีความ ได้ศึกษากฎหมายให้ชัดเจน และเชื่อว่าขั้นตอนสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาจะได้ไต่ตรองเรื่องเหล่านี้ในการอภิปรายอย่างเต็มที่

นายกิตติรัตน์กล่าวต่อว่า การขอความร่วมมือฝ่ายค้าน จะขอทั้งในที่ประชุมสภา และจะขอต่อไป หากฝ่ายค้านจะกรุณาทุ่มเทความสนใจไปที่เรื่องกระบวนการที่ไม่ให้มีการทุจริต ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง และตรงนี้ผมเชื่อว่าเป็นความต้องการของทุกฝ่ายที่ไม่อยากเห็นเรื่องของการทุจริต และอยากเห็นการเดินหน้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเกิดขึ้น โดยโครงการต่างๆ จะต้องมีการผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทุกโครงการในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้น หากฝ่ายค้านทุ่มเทไปในเรื่องสอบการทุจริตมากกว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นประโยชน์กับประเทศเป็นอย่างมาก และฝ่ายค้านอาจจะชนะใจผู้ที่ออกเสียงเลือกตั้งได้ด้วย ซึ่งรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตนเอง

ขณะที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งขอประเทศ (พ.ร.บ.กู้เงินฯ) วงเงิน 2 ล้านล้านบาท หลังจากที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ แล้วเสร็จ ในส่วนของการอภิปราย ชื่อร่างพระราชบัญญัติ ที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 7 คนสงวนความเห็นแก้ไข แต่มีผู้ใช้สิทธิ์อภิปรายจริง จำนวน 4 คน คือ ใช้เวลาพิจารณานานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที ทั้งนี้นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ฐานะกรรมาธิการที่ปรึกษา ชี้แจงว่าการดำเนินการขนส่งต้องทำในภาพรวมของทั้งระบบ เป็นการลงทุนในระยะยาว ตามที่ระบุว่าจะเป็นการสร้างหนี้นั้นตนไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมีคนที่ก่อนหนี้ไว้ให้ก่อนแล้วหรือไม่

จากนั้นที่ประชุมได้มีการลงมติ ผลปรากฏว่า เสียงข้างมาก 286 เสียงยืนยันให้ใช้ชื่อร่าง พ.ร.บ.ตามที่ได้เสนอในชั้นรับหลักการ ไม่เห็นด้วย 103 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง สำหรับภาพรวมการอภิปรายดังกล่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน, จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ ได้ลุกประท้วงอยู่เป็นระยะ เนื่องจากเห็นว่าส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่อภิปรายแก้ไขชื่อร่าง พ.ร.บ. ขัดต่อข้อบังคับการประชุมอีกทั้งขัดต่อหลักการแห่งการรับร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากมีการแก้ไขเพิ่มเติมชื่อร่าง พ.ร.บ. ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ที่ประชุมสภาฯ ได้ลงมติรับหลักการในวาระแรก ทั้งนี้ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้วินิจฉัยเปิดโอกาสให้ผู้ที่สงวนความเห็นได้อภิปรายแต่ขอให้อยู่ในกรอบของร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย แม้ว่าระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาฯ จะไม่ห้ามอภิปรายในประเด็นที่ขัดต่อหลักการ


กำลังโหลดความคิดเห็น