“จารุพงศ์” ระบุวิธีแก้ม็อบยางนครศรีฯ ต้องตัดท่อน้ำเลี้ยง เผยรู้แล้วใครอยู่เบื้องหลัง กำลังดำเนินการอยู่ เล็งสอบพ่อค้าตุนยางขอให้หยุดหนุนม็อบ ถ้ายังเฉยเจอเล่นงานแน่
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของเกษตรกรชาวสวนยางที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่าหลังจากที่มีการปิดถนนเผารถยนต์ 9 คัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ต้องมีการวางแผนเพื่อให้เกิดความรัดกุม โดยแผนจะต้องเผื่อไปยังสถานที่ราชการ เพราะรัฐบาลไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าอาจจะมีการวกกลับไปเผาสถานที่ราชการได้ด้วย จึงต้องมีการวางแผนเพื่อดูแลความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงไม่มีการเคลียร์พื้นที่ให้เด็ดขาด หลังต่ออายุ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไปอีก 12 ชั่วโมง นายจารุพงศ์กล่าวว่า ความเด็ดขาดในที่นี้ถ้าเกิดถึงขั้นแตกหัก ก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหาย ไม่คุ้ม ดังนั้นจึงต้องทำด้วยความนุ่มนวล ส่วนการหาทางออกในเรื่องดังกล่าวโดยเร็วนั้น ต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนหนุนหลัง สายธารมาจากที่ใด ต้องตัดท่อน้ำเลี้ยงให้ได้ ซึ่งเรารู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง และกำลังดำเนินการอยู่ สำหรับ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ วันนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง
ส่วนถ้ารัฐบาลคิดว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังเหตุใดจึงไม่เจรจากัน นายจารุพงศ์กล่าวว่า เราไม่ได้บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง แต่รู้แล้วว่าเป็นใคร ซึ่งขณะนี้มีการคุยอยู่แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีการคุยอะไรอย่างไร ขณะเดียวกันหากสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีฝ่ายที่หนุนหลังผู้ชุมนุม และมีการเล่นเกมการเมือง หรือผลประโยชน์เช่น พ่อค้าที่ตุนยางไว้มาก อยากได้ราคาที่สูงขึ้น รัฐบาลยอมไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลรู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังจึงขอให้หยุด ถ้าไม่หยุดเราจะไปตรวจให้รู้แล้วรู้รอดไป
นายจารุพงศ์กล่าวว่า เช้าวันนี้ (18 ก.ย.) ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช รายงานมาว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ ในพื้นที่โทรศัพท์มาบอกว่ามีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งจะเข้าไปช่วยเคลียร์ปัญหาให้ รัฐบาลไม่ได้มีความขัดข้องแต่อย่างใด ใครก็ตามที่ต้องการทำให้ปัญหายุติลงรัฐบาลพร้อมรับฟัง
“เชื่อว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ในวันนี้ถ้าเราดูเจตนาของเกษตรกรที่มาชุมนุม ก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่ยอมรับและมีความพอใจต่อการดำเนินการของรัฐบาลในการทำให้ยางพารามีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 90 บาท ทั้งนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคนมีความพอใจหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความไม่พอใจของคนส่วนน้อยไปสร้างความรุนแรง ก็ถือว่าไม่เหมาะสม”
