ปชป. แนะรอฟังคำวินิจฉัยศาล รธน.ในการแก้ไข รธน.ที่มา ส.ว. ติง “นิคม” ไม่ควรยุให้ประธานรัฐสภาเร่งโหวตวาระ 3 โดยไม่ต้องรอศาลฯ ตีความ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของ ส.ว. ว่า เป็นกระบวนการพิจารณาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามข้อบังคับ และพรรคประชาธิปัตย์ได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นร้องต้อศาลรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่เป็นไปตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และมีการกระบวนการหลายขั้นตอนที่ลิดรอนสิทธิการทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ขอ งส.ส. แต่ปรากฏว่า นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กลับระบุว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ระงับการลงมติวาระ 3 ออกไปก่อน นายนิคม ก็จะประสานไปยังนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อให้ยืนยันสิทธิในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ผมคิดว่าความคิดดังกล่าวของ นายนิคม ไม่น่าจะถูกต้องเหมาะสม และไม่สมควรอย่างยิ่ง จึงควรปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอิสระในการพิจารณาคำร้อง และเมื่อคำวินิจฉัยรัฐธรรมนูญออกมา ทุกคนจะต้องเคารพในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ”
นายองอาจ กล่าวว่า ส่วนการที่ฝ่ายรัฐบาลบอกว่า ไม่ควรรอฟังคำวินิจฉัยขององค์กรใดๆ ทั้งสิ้น และเมื่อครบ 15 วัน ควรดำเนินการในการลงมติวาระ 3 ไปเลยนั้น ตนคิดว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเร่งให้มีการลงมติทันทีโดยที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เสร็จสิ้น อาจเกิดผลกระทบบานปลาย กลายเป็นปัญหาต่อการดำเนินงานของรัฐสภาในอนาคต
ดังนั้น การรับฟังความคิดเห็นของศาลรัฐธรรมนูญน่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพิจารณาแก้ไข อีกทั้งควรนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. มาเป็นบทเรียนสำหรับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก 2 ฉบับที่เหลือ และไม่ควรใช้เสียงข้างมากลากไป หรือใช้ในการอภิปรายของฝ่ายค้าน แต่ควรรับฟังเสียงข้างน้อย เพราะฝ่ายค้านไม่ได้ต้องการยื้อ หรือถ่วงเวลาในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พิจารณาทบทวนการทำงานของฝ่ายเสียงข้างมากในสภา