xs
xsm
sm
md
lg

กห.โชว์ผลงานลุยโจรใต้ปี 56 จับได้ 104 คน ดับ 12 สกัดก่อเหตุ 24 ครั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“กลาโหม” แจงผลงานดับไฟใต้ปี 56 จับโจรใต้ได้ 104 คน ผู้ก่อเหตุดับ 12 คน ยึดอาวุธได้อื้อ สกัดเหตุระเบิดได้ 24 ครั้ง ระบุมี 5 เว็บไซต์หนุนโจรใต้ก่อเหตุ ซัดไร้มนุษยธรรมบึ้มถี่ สมช. แนะอย่าฟังบีอาร์เอ็น ปล่อยข่าวผ่านเว็บไซต์ เชื่อแค่แผนโยนหินถามทาง ยันไทยอยู่ระหว่างศึกษา 5 ข้อเสนอ เผยบีอาร์เอ็นปัดก่อเหตุถี่ รับปากจะหากลุ่มก่อเหตุให้ ด้านกลาโหมเน้นใช้ยางพาราทำถนน ยางรถยนต์ รองเท้า แก้ปัญหาราคาตกต่ำ

พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าประชาสัมพันธ์ส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และประธานอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.ต.สุรชาติกล่าวว่า สถานการณ์ในรอบสัปดาห์มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้ง จนทำให้เกิดความสูญเสียและกระทบต่อขวัญและกำลังใจของประชาชนทุกคน จึงอยากให้ช่วยกันประณามการกระทำของคนกลุ่มนี้ที่ไร้มนุษยธรรม ซึ่งคนกลุ่มนี้มักจะอ้างว่ามีอุดมการณ์ และทำเพื่อคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม แต่แท้ที่จริงแล้ว เปรียบเสมือนโจรที่อ้างอุดมการณ์ ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ในช่วงนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามโจมตีเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงานเพื่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทาง กอ.รมน.จึงหวังว่าประชาชนในพื้นที่จะเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติในพื้นที่ต่อไป เพื่อความปลอดภัย และความสันติสุขของประชาชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ทั้งนี้ สำหรับการปฏิบัติการต่อผู้ก่อเหตุรุนแรงของ กอ.รมน.ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2556 สรุปได้ ดังนี้ 1. สามารถควบคุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ 104 คน 2. ผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องหาเข้ารายงานตัวแสดงความบริสุทธ์ 32 คน 3. ตรวจยึดยุทโธปกรณ์ของผู้ก่อเหตุรุนแรง 144 รายการ 4. มีการปะทะกับผู้ก่อเหตุรุนแรง 9 เหตุการณ์ ทำให้สมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 12 คน 5. สามารถทำลายความพยายามในการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรง 24 ครั้ง โดยตรวจยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิดและตรวจพบหลุมที่ขุดเตรียมไว้สำหรับลอบวางระเบิดพิสูจน์ทราบพื้นทื่การฝึกของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ 2 แห่ง คือ พื้นที่บ้านบูเกะลาดอ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และบ้านบูกิ๊ตยือแร ต.รือเสาะ จ.นราธิวาส

7. พิสูจน์ทราบแหล่งบ่มเพาะซ่องสุม รวมทั้งแผ่นปลิวของผู้ก่อเหตุรุนแรง 23 ครั้งรวม 242 ผืน 8. จับกุมคดีเกี่ยวกับปัญหาภัยแทรกซ้อนได้ 73 คดี แยกเป็นยาเสพติดพ 62 คดี น้ำมันเถื่อน 7 คดี สินค้าหนีภาษี 2 คดี แรงงานต่างด้าว 1 คดี และคดีตัดไม้ทำลายป่า 1 คดี 9. ติดตามเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่เป็นเครือข่ายแนวร่วมที่เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง 5 เว็บไซต์

ด้าน พ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังจากที่ผู้อำนวยความสะดวกประเทศมาเลเซียได้ส่งรายละเอียด 5 ข้อ เสนอของบีอาร์เอ็น จำนวน 30 หน้า มาให้ทางการไทยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นดำเนินการแปลเอกสารเป็นไทย รวมถึงการส่งเอกสารเหล่านี้ให้ทุกภาคส่วน ประกอบด้วย นักวิชาการ และผู้รับผิดชอบโดยตรงใน 4 ส่วน 7 กลุ่มงาน รวมถึงการไปศึกษาเรื่องกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการเพื่อให้เกิดความรัดกุม รอบคอบไม่ให้เรามีข้อเสียเปรียบ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดอยู่ระหว่างการวิเคาระห์ของแต่ละกลุ่มงาน เพื่อจะได้ชี้แจงต่อในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ในครั้งต่อไป ซึ่งทาง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศปก.กปต. ได้เน้นย้ำให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้ได้ข้อยุติ

“คณะที่ไปพูดคุยถือเป็นตัวแทนของเป็นคนไทย เปรียบเสมือนกลุ่มที่นำเราไปสู่สันติสุข จึงขอให้เชื่อมั่นว่าเราทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งตัวแทนไทยทั้ง 15 คน ได้ตระหนักถึงหน้าที่บทบาท ก่อนจะไปพูดคุยทุกครั้งว่าจะต้องมีการหารือจนตกผลึกก่อน ทั้งนี้ขอความร่วมมือกับสื่อมวลชน ให้รับฟังในสิ่งที่เป็นทางการ ผ่านผู้อำนวยความสะดวก อย่าทำให้สถานการณ์ตึงเครียด โดยนำสิ่งที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย มากดดันพวกเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี อยากให้เสนอในสิ่งที่อ้างอิงและจับต้องได้”

พ.อ.จรูญกล่าวว่า สำหรับการพูดคุยกับบีอาร์เอ็นในครั้งต่อไป หากทั้งผู้ประสานงาน มาเลเซีย ไทย และบีอาร์เอ็น มีความพร้อม คาดว่าจะเป็นสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือน ต.ค. แต่หากเรายังหารือเรื่องรายละเอียด 30 หน้าของ บีอาร์เอ็น ไม่ตกผลึก ก็ยังไม่มีการนัดหมาย

ส่วนกรณีที่กลุ่มบีอาร์เอ็นพยายามใช้ช่องทางทางโซเชียลมีเดียในการนำเสนอข้อมูลนั้น ถือเป็นวิธีการ และกลวิธีที่จะทำให้ข้อมูลเหล่านั้นมาถึงเรา เหมือนกับการโยนหินถามทางเพื่อดูปฏิกริยาของฝ่ายไทย ดังนั้นสื่อมวลชนอย่าไปกระพือข่าวและตกเป็นเครื่องมือเขา ส่วนการลดความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน แต่กลับยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางไทยได้สอบถามไปยังกลุ่มบีอาร์เอ็นว่าเป็นฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางบีอาร์เอ็นปฏิเสธว่าไม่ใช่กลุ่มตน และรับปากว่าจะช่วยหากลุ่มก่อเหตุดังกล่าวให้ แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แจ้งมา และในการพูดคุยในครั้งที่ 4 ก็จะมีการสอบถามอีกครั้ง

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม ได้เป็นประธานในการประชุมหาแนวทางแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ภายหลังจากในที่ประชุมสภากลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ยางพาราราคาตกต่ำ และมอบหมายให้หน่วยขึ้นตรง กระทรวงกลาโหม ช่วยหาแนวทางการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำอย่างเร่งด่วน

สำหรับผลการประชุมการแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำสรุปได้ ดังนี้ 1. การนำยางพารามาเป็นส่วนประกอบในการสร้างถนน โดยจะใช้ยางพาราผสมกับยางมะตอยในการสร้างถนนลาดยาง โดยมีหน่วยงานของกระทรวงกลาโหมรับผิดชอบดำเนินการจำนวน 2 หน่วยงาน คือ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาจะดำเนินการก่อสร้างผิวถนนลาดยางแบบ cape seal ในปีงบประมาณ 2557 ระยะทาง 127 กิโลเมตร โดยจะใช้ยางพารา 72 ตัน ส่วนกรมทหารช่างมีแผนงานก่อสร้างถนนลาดยางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 36 เส้นทาง ระยะทาง 128 กิโลเมตร โดยมีความต้องการยางพารา 250 ตัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจเส้นทาง เพื่อเสนอขอใช้งบประมาณจากรัฐบาลต่อไป 2. การนำยางพารามาเป็นส่วนประกอบในการผลิตยางรถยนต์ทหาร

3. การนำยางพารามาเป็นส่วนประกอบในการผลิตพื้นรองเท้าหนัง 4. การใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราที่ผลิตภายในประเทศ โดยกรมการอุตสาหกรรมทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ได้เสนอให้หน่วยต่างๆ ภายในกระทรวงกลาโหมส่งเสริมและสนับสนับสนุนภาคเอกชนไทยที่ใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้า





กำลังโหลดความคิดเห็น