รองโฆษกสำนักนายกฯ ยัน รบ.ไม่บิดพลิ้วทำตามมติ ครม.ยาง กก.90 บ. พร้อมค่าชดเชย ยันได้ทั่วถึง พร้อมตั้ง 3 คณะอนุ กก.ยาง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายคดี และตรวสอบเอกสารใช้สิทธิ์ปลูกยาง ปัด นายกฯบินเที่ยว อ้างส่งผลดีการค้า สร้างความเชื่อมั่น ชี้สอบได้เหตุนำสื่อตามตลอด ยกเป็นประเพณีผู้นำ ไม่กระทบแก้ปัญหาต่างๆ แขวะผู้นำมือเปื้อนเลือด ตปท.ไม่ยอมรับ ย้อน ปชป.ดูผลงาน “นายกฯมาร์ค”-เชิญผู้หญิงร่วมโครงการสมาร์ท เลดี้ อย่าแคร์คำว่าอีโง่
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางของรัฐบาลที่ชดเชยปัจจัยการผลิตและจ่ายเงินสมทบให้ราคายางอยู่ที่ 90 บาทต่อกิโลกรัม อาจจะไม่คงราคานี้ตลอด ว่า รัฐบาลมีมาตรการระยะยาวในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยางให้มีราคาดีขึ้น และขณะนี้มีกลไกทั้งรูปคณะกรรมการเฉพาะกิจและคณะกรรมการถาวร ที่มีการเพิ่มให้เกษตรกรมีที่นั่งในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) จำนวน 2 คน ซึ่งทำให้เกษตรกรมีช่องทางสื่อสารกับรัฐบาลมากขึ้น จึงขอให้เกษตรกรชาวสวนยางเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะไม่บิดพลิ้ว และวางใจว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามมติ ครม. และการชดเชยเงินเกษตรกรที่ให้เป็นเงินก้อน ไม่ใช่วิธีการแทรกแซงราคาหรือประกันราคา แต่เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยเทียบเท่าเช่นกัน และยืนยันว่ามาตรการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวจะช่วยเหลือชาวสวนยางได้ทั่วถึง ทั้งเจ้าของสวนยางและผู้ที่รับจ้างกรีดยาง ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะจ่ายให้ครอบคลุมจำนวน 991,717 ราย ครอบคลุมพื้นที่สวนยาง 8,970,000 ไร่ ส่วนเกษตรกรที่มีปัญหาเอกสารสิทธิ์ได้มอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หาแนวทางช่วยเหลือแล้ว และหากมีประเด็นใดที่เกษตรกรยังเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลก็ขอให้พูดคุยกันเพื่อหาทางออก
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 3 คณะ ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การแก้ไขปัญหายางพารา ที่มี นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรฯ เป็นประธาน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เป็นรองประธานฯ 2.คณะอนุกรรมการฝ่ายคดีเกี่ยวกับปัญหายางพารา ที่มี พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.เป็นรองประธาน และ 3.คณะอนุกรรมการตรวจสอบเอกสารสิทธิในการใช้พื้นที่ปลูกยางพารา มีนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรฯ เป็นประธาน มี นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย เป็นรองประธาน
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในระยะนี้ ว่า ไม่ใช่การเดินทางไปเที่ยว อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา แต่การเยือนต่างประเทศของนายกฯ ได้ก่อให้เกิดผลดี ทางด้านการค้า การลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล และสามารถตรวจสอบได้ โดยรัฐบาลได้นำคณะสื่อมวลชนติดตามการปฏิบัติภารกิจด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้ การเดินทางเยือนต่างประเทศก็เป็นประเพณีปฏิบัติของผู้นำทั่วโลก และก็ไม่ได้กระทบกับการแก้ปัญหาภายในประเทศ เพราะแม้นายกฯ จะอยู่ต่างประเทศ ก็ยังสามารถติดตามดูแลการแก้ไขปัญหาที่สำคัญต่างๆได้ เช่น ปัญหาชาวสวนยาง ที่สะท้อนให้เห็นว่านายกฯ ไม่ได้ทอดทิ้ง ซึ่งแตกต่างกับผู้นำบางจำพวก เช่น ผู้นำมือเปื้อนเลือด หรือมีประวัติด่างพร้อยในเรื่องการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือก้าวเข้าสู่อำนาจโดยผลพวงจากการปฏิวัติ บุคคลประเภทนี้อาจไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก ซึ่งทำให้พลอยเสียโอกาสด้านการค้าการลงทุนไปด้วย ดังนั้น แทนที่พรรคประชาธิปัตย์จะมาโจมตีนายกฯ ควรถามตัวเองว่า ในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ได้สร้างผลงานดีเด่นด้านต่างประเทศให้คนจดจำได้บ้างหรือไม่
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเชิญชวนผู้หญิงอายุระหว่าง 18-25 ปี สมัครเข้าร่วมโครงการสมาร์ท เลดี้ โดยขอให้ผู้หญิงอย่าได้ลังเลที่จะสมัครเข้าโครงการดังกล่าว เพียงเพราะคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ที่กล่าวบนเวทีผ่าความจริงพาดพิงและใช้คำพูดว่าอีโง่ และเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ระวังคำพูดของตัวเอง อย่าใช้อคติส่วนตัว มาทำลายวัตถุประสงค์อันดีของโครงการที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบทบาทสตรีของรัฐบาล และขณะนี้มีผู้หญิงส่งใบสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 4,000 คน จากที่ตั้งเป้า 15,000 คน โดยจังหวัดที่มีผู้หญิงส่งใบสมัครมากที่สุดขณะนี้คือ จ.ปทุมธานี จำนวน 727 ใบ