xs
xsm
sm
md
lg

ศาล ปค.ไต่สวนขึ้นค่าก๊าซเสร็จแล้ว ยังไม่ระบุคำสั่ง “รสนา” แฉรัฐเอาไปโปะกองทุนน้ำมัน-เลี่ยงภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศาลปกครองไต่สวนคดีระงับขึ้นราคาก๊าซเสร็จสิ้น ยังไม่ระบุมีคำสั่งเมื่อใด “รสนา” เผยภาคประชาชนได้รับข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะราคาที่ขึ้นรัฐเอาไปไว้ในกองทุนน้ำมัน ไม่ได้เอาไปไว้ในเนื้อก๊าซ ยันจุดยืนต้องการราคาที่เป็นธรรม

วันนี้ (10 ก.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ได้มีการไต่สวนในคดีหมายเลขดำที่ 1696/2556 กรณีที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. น.ส.สาลี อ๋องสมหวัง ตัวแทนมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และพวกรวม 5 ราย ฟ้องนายกรัฐมนตรี ครม. คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ รมว.พลังงาน และคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เป็นผู้ถูกฟ้องคดี 1-5 เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติ ครม.ที่เห็นชอบให้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือน ขึ้นอีก 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 56 จนสะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 24.82 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่าเป็นมติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 61 ที่กำหนดให้ผู้บริโภคมีสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองในการได้รับข้อมูลที่เป็นความจริง แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 กลับไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และยังไม่เคยรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการบังคับใช้มติ ครม.ดังกล่าวเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้ การไต่สวนในคดีดังกล่าวศาลได้ใช้เวลาเกือบตลอดทั้งวันในการรับฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย โดยศาลไต่สวนเสร็จเมื่อเวลา 19.00 น.ซึ่ง น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.ผู้ฟ้องคดี กล่าวหลังไต่สวนว่า ภาคประชาชนได้ชี้ให้ศาลเห็นว่า 1.การปรับขึ้นราคาก๊าซดังกล่าวยังมีปัญหาโครงสร้างราคาที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากการผูกขาดของ ปตท.โดยการกำหนดราคาต้นทุนที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะไม่รู้ว่าคิดจากฐานอะไร 2.กองทุนน้ำมันมีปัญหา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ซึ่งผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลเรียกข้อมูลดังกล่าว 3.เงินที่เรียกเก็บจากการขายน้ำมันเป็นเงินของประชาชน ไม่ใช่เงินงบประมาณของรัฐ จึงเหมือนกับประชาชนช่วยเหลือกันเอง อีกทั้งเงินที่อยู่ในและนำส่งกองทุนน้ำมัน ก็เหมือนเป็นการประกันกำไรให้กับ ปตท. 4.หากปล่อยมีการขึ้นเต็มเพดาน 6 บาทต่อกิโลกรัม ย่อมเป็นเรื่องยากที่ราคาสินค้าจะลดลง ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

โดยการฟ้องศาลในคดีนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ภาคประชาชนได้รับข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน อย่างในเรื่องเงินที่ได้จากการขึ้นแอลพีจีครั้งนี้ ทำให้รู้ว่ารัฐเอาไปไว้ในกองทุนน้ำมัน ไม่ได้เอาไปไว้ในเนื้อก๊าซ ดังนั้นถ้ามีคำสั่งระงับการปรับขึ้นก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการบริหารงานของรัฐแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน การดำเนินการดังกล่าวยังเป็นการเลี่ยงภาษี อีกทั้งการปรับราคาก๊าซครั้งนี้ ที่อ้างว่าเพื่อลดภาระผู้ใช้น้ำมัน แต่ข้อเท็จจริงผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ยังถูกเรียกเก็บภาษีเพื่อนำส่งไปเข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 7 บาท ขณะเดียวกันที่ในเรื่องของต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน พบว่า ภาพรวม 5 ใน 6 โรงกลั่น ปตท.เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ดังนั้นการจะกำหนดราคา จึงมีการฮั้วกันได้ ไม่น่าเชื่อถือ ส่วนเรื่องปิโตรเคมี ทางผู้แทนของรัฐบาล ยอมรับว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ไม่มีอำนาจที่จะให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ก๊าซจากโรงแยกก๊าซได้ก่อน และยังพบว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเครือปตท.ใช้ก๊าซจากโรงแยกก๊าซ ปตท.ถึงร้อยละ 40 ซึ่งในส่วนของภาคประชาชน จะมีการส่งเอกสารเพิ่มเติมต่อศาลในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าการฟ้องคดี ทางภาคประชาชนไม่ได้ต้องการราคาก๊าซหรือน้ำมันที่ต่ำ แต่ต้องการราคาที่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ทางตุลาการได้แจ้งว่า หากศาลยังมีข้อสงสัยในเรื่องใด ก็จะมีการเรียกเอกสารเพิ่มเติม และจะมีการพิจารณาเพื่อมีคำสั่งโดยเร็ว

อ่านประกอบ : ศาล ปค.กลาง เริ่มไต่สวนคดี “รสนา” ฟ้อง เพิกถอนและระงับมติ ครม.ขึ้นค่า LPG
กำลังโหลดความคิดเห็น