เลขาฯ สมช.เชื่อผู้ต้องหาในรัฐเคดาห์เชื่อมโยงเหตุความรุนแรงภาคใต้ ชี้เคยมีผู้ก่อเหตุแล้วหลบหนีเข้ามาเลย์ ยัน 5 ข้อเสนอบีอาร์เอ็นไม่ขัด รธน.
วันนี้ (10 ก.ย.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าการจับกุมคนไทย 3 คน พร้อมอาวุธสงครามและสารประกอบระเบิดจำนวนมาก ที่รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน และประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลไทยกับมาเลเซีย เพื่อขยายผล โดยเบื้องต้นได้มีการเฝ้าระวัง เนื่องจากเกรงจะเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพราะผู้ที่ถูกจับกุมมีประวัติเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ส่วนจะนำผู้ต้องหามาสอบสวนในประเทศไทยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องกฎหมายของทางฝ่ายมาเลเซีย เพราะกฎหมายมาเลเซียแรงอยู่แล้ว คงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ลักษณะการก่อเหตุในไทยแล้วหลบหนีไปประเทศมาเลเซีย ลักษณะแบบนี้มีบ่อยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ในอดีตคงเป็นลักษณะเช่นนั้น แต่ตอนนี้จากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจึงทำให้มีการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
เมื่อถามว่าจะมีความเชื่อมโยงกับการค้าอาวุธในไทยหรือไม่นั้น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า อยู่ในขั้นขยายผล ซึ่งเบื้องต้นได้ตั้งสมมติฐานไว้ 2 ประเด็นคือ เหตุการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และประเด็นการค้าอาวุธ เมื่อถามว่า ผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้องเป็นแนวร่วมกลุ่มอาร์เคเคหรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ขณะนี้ยังสอบสวนไปไม่ถึง แต่เบื้องต้นมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เป็นกลุ่มเล็กไม่ใช่กลุ่มใหญ่
เลขาฯ สมช.กล่าวอีกว่า ข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็น 5 ข้อนั้น ได้รับข้อเรียกร้องขยายรายละเอียดจากฝ่ายขบวนการผ่านผู้อำนวยความสะดวกมาเลเซียแล้ว ประมาณ 30 หน้า เป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทยในระดับหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของเรา ซึ่งในวันที่ 13 ก.ย.จะมีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ซึ่งจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาในประเด็นดังกล่าว หลังจากนั้นจะส่งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อไปศึกษา
เมื่อถามว่า กรณีที่กลุ่มบีอาร์เอ็นอ้างว่า 5 ข้อเรียกร้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญไทย และยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะทำภายใต้รัฐธรรมนูญไทย และจะมีการพูดคุยกันต่อไปนั้น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า จะต้องไปศึกษาว่าข้อเรียกร้องนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่จะส่งไปให้ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และภาคประชาชนที่จะร่วมกันพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในระดับหนึ่ง แต่ทางเราก็มีการดำเนินการเรื่องนี้ในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าการพิจารณาเสร็จแล้วและได้ข้อยุติ ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นหลักการและหลังจากนั้นก็จะคุยรายละเอียดต่อไป ซึ่งมีการยัดหมายไว้ช่วงกลางเดือนต.ค.หรือสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ต.ค.
“เบื้องต้นโดยส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องศึกษารายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยจะต้องระมัดระวังเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ” เลขาฯ สมช.กล่าว
พล.ท.ภราดร กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีอยู่ แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง เพราะอยู่ในพื้นที่ควบคุมของเจ้าหน้าที่
