ผู้ประสานกลุ่มกรีน เชื่อ “นายกฯ” บิน ตปท.ตามบงการพี่ชาย ชี้ชัดก่อรูปรัฐพลัดถิ่น ครอบงำอำนาจบริหารเหนือรัฐบาลที่มาตาม รธน.ไทย เตรียมรวบรวมหลักฐานร้องศาล รธน.วินิจฉัยสถานะรัฐบาล พร้อมจี้ “ยิ่งลักษณ์” เปิดวาระเจรจาทั้งไปและกลับ พิสูจน์วาระซ่อนเร้น
วันนี้ (8 ก.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน แสดงความเห็นถึงการเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ว่า กว่า 45 ประเทศที่เดินทางไปตลอด 2 ปีที่ผ่านมาถือเป็นมาร์เกตติ้งทางการเมืองที่ลงทุนสูง แต่ไม่มีผลกำไร ซ้ำยังขาดทุนด้วยซ้ำ เพราะรายจ่ายค่าเดินทางมหาศาล เป็นเงินภาษีประชาชนและคนไทยเสียโอกาสที่จะได้เห็นรัฐบาลใส่ใจทุ่มเทการแก้ปัญหาปากท้องมากกว่านี้ การเดินทางต่างประเทศของนายกฯ ที่ผ่านมา มีพฤติกรรมชัดเจนว่าเดินตามทางที่พี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกแบบให้ และมักมีข่าวตามมาพร้อมๆ กันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังลงทุนทางธุรกิจในประเทศเหล่านั้นด้วย
นายสุริยะใส เผยต่อว่า ล่าสุดกรณีที่นายกฯ เตรียมเดินทางเยือนสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และมอนเตรเนโก ระหว่างวันที่ 8-13 กันยายนนี้ ก็ไม่มีวาระชัดเจนว่าจะไปเจรจาเรื่องอะไรบ้าง พูดแต่กว้างๆ ว่าไปชวนนักลงทุนและนักท่องเที่ยว และก็เป็นที่ทราบกันดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สัญชาติและเป็นพลเมืองมอนเตรเนโกแล้ว เพราะลงทุนและทำธุรกิจที่นั่น
“ผมจึงขอเรียกร้องให้นายกฯ แถลงวาระการเดินทางอย่างชัดเจนว่าไปเจรจาเรื่องอะไรบ้าง และเมื่อเดินทางกลับต้องทำรายงานชี้แจงต่อประชาชนคนไทยอย่างเป็นรูปธรรมเช่นกัน เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีวาระส่วนตัวหรือตระกูล” นายสุริยะใส ระบุ
นายสุริยะใส เผยอีกว่า พฤติกรรมของนายกฯ ที่ใช้เวลาครึ่งหนึ่งในตำแหน่ง โดยการชักจูงของพี่ชายที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ และมีวาระส่วนตัวของครอบครัวและพี่ชายที่ยังคุมอำนาจเหนือรัฐบาลอยู่นั้น ทำให้รัฐบาลไทยที่ถูกจัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ถูกครอบงำจากคนที่กำลังพลัดถิ่นหลบหนีคดีอยู่ต่างแเดน กลายเป็นการก่อรูปรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นมาอีกหนึ่งสถานะ มีอำนาจสั่งการตัดสินใจต่อการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ตรวจสอบไม่ได้ และที่สำคัญไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ซึ่งในประเด็นนี้กลุ่มกรีนกำลังรวบรวมหลักฐานทั้งหมด และเตรียมร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสถานภาพของรัฐบาลชุดนี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรค 2 การได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ หรือไม่