xs
xsm
sm
md
lg

“คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 6 ก.ย. 2556 (ต่อ)...

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ ต้องเป็นเบอร์ 3 นะคะ ฉะนั้นกระบวนการ Water Ironizer จะมีค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าเป็นลบ ที่เราเรียกค่าว่า โออาร์พี ค่าโออาร์พีนี่ล่ะค่ะ ทำให้มีการต้านอนุมูลอิสระและไฮดรอกไซด์อิออน ซึ่งไม่เสถียร จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับสารพิษ จนหมดฤทธิ์ความเป็นพิษลง นั่นหมายถึงว่า เรามองกลับกันว่า แสดงว่าการกินน้ำด่าง คือไม่ต้องถึงเบอร์ 3 นะคะ เรากินแค่ 1 หรือ 2 มันจะมีฤทธิ์อันเดียวกัน คล้ายๆ กัน แต่ผักมันจะมีสารพิษปนเปื้อนสูงมาก

สนธิ - ก็เลยต้องใช้เบอร์ 3

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ อ.ปานเทพ ก็เลยไปทดลองด้วยทั้ง 3 วิธี

สนธิ - เข้าห้องแล็บ

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ เข้าห้องแล็ป ทำตามกระบวนการวิทยาศาสตร์เลยนะคะ คือวิธีการแรกที่เขาใช้ก็คือการใช้อุลตราโซนิค ปรากฏว่า เขาบอกว่าพอแช่เข้าไป และใช้กระบวนการคลื่นความถี่สูง ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไอ้สารเมโทมิล มันจะลดลงเหลือ 63.32 จาก 77.31 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ที่เราพบในผัก ก็ปรากฏว่า คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วมันจะลดไปประมาณ 18.09 เปอร์เซ็นต์

กมลพร - เราลองกับผักที่มันมีสารผิดเยอะที่สุดคือ คะน้า

จินดารัตน์ - ใช่ คะน้า พออันที่ 2.คือโอโซน 15 นาทีเหมือนกัน ปรากฏว่า สารพิษลดลงไป 25.09 เปอร์เซ็นต์ สูงขึ้นมาอีกนิดนึงนะเก๋ สุดท้ายเราใช้โอโซนกับคลื่นความถี่สูงจากอุลตราโซนิครวมกันก่อน สารพิษลดลงไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ทีนี้เราลองน้ำด่างเบอร์ 3 จากเครื่องทำน้ำด่างของเรานะคะ แช่ผักเอาไว้ 15 นาที ปรากฏว่า สารพิษมันลดลงไปถึง 33.90 เปอร์เซ็นต์ แล้วอาจารย์ปานเทพบอกว่า งั้นเอาอย่างนี้ลองอย่างนี้ พอไป 15 นาที มันลดลงไป 33 เปอร์เซ็นต์แล้วใช่ไหม มาแช่ต่ออีก 15 นาที คือเทน้ำทิ้งก่อน และใส่น้ำใหม่น้ำด่างนี่แหละ เบอร์ 3 แช่อีก 15 นาที ปรากฏว่า เป็นอย่างไร

กมลพร - สารพิษลดลง สารเมโทมิลลดลงไปประมาณ 90.97 เปอร์เซ็นต์

จินดารัตน์ - คือแทบไม่เหลือเลย เราก็เลยคุ้มไง

กมลพร - เก๋กำลังรอผลวิจัยในห้องแลปของอาจารย์ปานเทพอีกตัวหนึ่ง กับเนื้อ เนื้อสัตว์ ก็อาจารย์บอกจะลองเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง

จินดารัตน์ - ถ้าได้ผลยังไงเดี๋ยวจะเอามารายงาน เอาอย่างนี้นะคะ วันนี้เริ่มต้นเลยไปซื้อผักมาจากตลาด คุณผู้ชมแค่เปิดน้ำด่างเบอร์ 3 ของเรา จากเครื่องทำน้ำด่างแช่ผักเอาไว้ 15 นาที จากนั้นเทน้ำทิ้ง และเอาใหม่อีก 15 นาที น้ำด่างเบอร์ 3 เหมือนเดิม นั่นแหละสารพิษหมดเลย

สนธิ - หายไป 90 เปอร์เซ็นต์

จินดารัตน์ - 90.97 เปอร์เซ็นต์

กมลพร - ปลอดภัยด้วย สบายใจด้วย และไม่ต้องซื้อผักแพงด้วยนะ เพราะว่าอย่างที่บอกมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคไปตรวจ บางยี่ห้อที่เรามั่นใจว่า ออแกนิคไม่มีสารพิษ แพงมาก

สนธิ - ไปซื้อผักตามตลาดได้เลย ตลาดเปิด ไม่ใช่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เอามาแช่ตีซะว่า อาหารที่ทำด้วยผักไปให้แม่บ้านเตรียมตัวไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เพื่อล้างผักไปเลย เป็นอัตโนมัติ แล้วสารพิษที่อยู่ในผักทุกอย่างหายไป 90 เปอร์เซ็นต์คือ มันสมบูรณ์แบบมาก โชคดีมาก ผมเองยังนึกไม่ถึงเลย พอ อ.ปานเทพ เอาผลทดสอบจากห้องแล็ปมาผมก็ดีใจ ที่ผมดีใจไม่ใช่อะไร ผมดีใจที่ประชาชนมีทางออกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่พี่น้องของเราที่ซื้อเครื่องทำน้ำด่างเราไป นอกจากรับประทานน้ำด่างแล้ว น้ำด่างจะมาช่วยต้านอนุมูลอิสระในตัวเราได้ลดความเป็นกรดของเราได้ ยังสามารถที่จะกดเบอร์ 3 แล้วล้างสารพิษผักออกได้ มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เจ้าอื่นทำไม่ได้ ไม่มี

จินดารัตน์ - เพราะเมื่อก่อนแอนพยายามไปซื้อผักที่ปลอดสาร ไร้สาร พอมารู้ความจริงจากเพื่อนบางคนเขาทำธุรกิจ บอกว่า บางยี่ห้อไม่ได้ปลอดสารจริงนะ อย่างผักที่เราเห็นที่ใบเป็นรูๆ เป็นแมลง เขาใช้ทรายสาดเอาค่ะ มันก็เลยกลายเป็นรู เล่นกันขนาดนี้เลยเหรอ

กมลพร - หรือเครื่องหมายที่รับรองว่า ปลอดสารพวกนี้

จินดารัตน์ - สบายใจได้ คุ้มค่ามาก

กมลพร - สบายใจยิ่งกว่านั้น เหมือนคอลเซ็นเตอร์เลยไหม สบายใจยิ่งกว่านั้นเรามีเครื่องที่สามารถจะจ่ายเงินแล้วหิ้วได้เลย ที่เอเอสทีวีช็อป มาแล้ว ได้ยินแว่วๆ 200 เครื่อง

สนธิ - ใครที่อยากจะได้เครื่องเลยเอาเงินไปจ่ายที่เอเอสทีสีช็อปแล้วขนเครื่องไปได้เลยนะ ตอนนี้มีสำรองให้ 200 เครื่องแล้ว หรือจะโทรศัพท์ไปที่คอลเซ็นเตอร์ก็ได้ ซึ่งเขามีเก็บให้ 100 เครื่อง

กมลพร - คอลเซ็นเตอร์ของเราเบอร์โทรศัพท์ 02-633-5353

จินดารัตน์ - ถ้าไปซื้อเองที่เอเอสทีวีช็อป อย่าลืมซื้อข้าวสารด้วยนะคะ

สนธิ - มันคุ้มครับมันคุ้ม คุ้มหมดที่1 เป็นเครื่องกรองน้ำ 2 น้ำด่างรักษาโรคภัยไข้เจ็บหลายประการได้ 3 ล้างผักที่มีสารพิษ ทำให้ครอบครัวที่บ้านไม่ได้ถูกพิษจากพวกสารเคมีต่างๆ สารก่อมะเร็งทั้งนั้น เรื่องพวกนี้ต้องระวัง สังคมมันบัดซบมากพอแล้ว อย่าต้องมาให้สิ่งแวดล้อมที่เราต้องใช้ประจำวันไม่ว่าจะเป็นน้ำที่กิน หรืออาหารที่รับประทาน ผักที่ต้องมาทำให้ลูกหลานเราทานหรือให้เราทานเอง ยิ่งคนที่ชอบทานสลัดนะ ผัดผัก ผักกวางตุ้ง คนไทยบางคนชอบทานผัดผักกวางตุ้งกับหมู คะน้านี่ตัวดีเลย น่ากลัวมาก แต่ด้วยน้ำด่างเบอร์ 3 คะน้าจะไม่น่ากลัวแล้ว

จินดารัตน์ - งั้นเดี๋ยวเราพักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้ากลับมา เรามาพูดถึงเรื่องความรู้สึกกัน ว่าอันไหนคือความรู้สึก อันไหนคือของจริง พักกันสักครู่ค่ะ

ช่วงที่ 2

จินดารัตน์ - มาถึงเรื่องความรู้สึกแพงไม่แพง เดี๋ยวต้องฟังเถ้าแก่วิเคราะห์ เพราะตกลงเอ๊ะมันใช่ความรู้สึก มันยังไง อะไรยังไง เพราะว่าเถ้าแก่สั่งให้นักข่าวไปทำการบ้านมาเลย เพื่องานนี้โดยเฉพาะ เพื่ออาซิ้ม ปลัดกระทรวงพาณิชย์

กมลพร - เพื่อให้ซิ้มได้มีความชัดเจนว่า เขาอยู่ฝ่ายตรงข้าม อีก็เลือกจะพูดเรื่องนี้ ไปถามชาวบ้านแล้วนะ ลงไปถามเองเลยนะ แม่ค้าก็ไม่ได้บอกว่าแพง

จินดารัตน์ - คือเรื่องของเรื่องมันมาจากวลีเด็ดของ คุณวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่วันก่อนเอาราคาของแพงไม่แพงมาเปรียบเทียบกับปีที่แล้วปีก่อน ว่าเห็นไหมราคาโดยเฉลี่ยมันก็ไม่ได้แพงขึ้น ก็ไปถามแม่ค้าแล้ว คือนักข่าวก็ถามว่า ทุกคนก็บอกว่าแพงขึ้นนะ มันเป็นความรู้สึกมากกว่ามั้ง ความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล

กมลพร - จะเอาความรู้สึก หรือจะเอาของจริง หรืออยากจะไปฟังเสียงคุณวัชนีคะ

จินดารัตน์ - เปิดเสียงหน่อย

กมลพร - มีแต่แกเท่านั้นแหละค่ะ ที่พูดประโยคนี้แล้วได้อารมณ์ที่สุด งั้นไปฟังค่ะ

*****************(VTR)*****************

จินดารัตน์ - ป้าแกบอกว่า มันความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล งั้นวันนี้คนที่รู้สึกว่าของแพงขึ้น หรือไปซื้อน้ำมันแพงจริงๆ โดนผลักให้อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลหมดเลย

สนธิ - แสดงว่าพวกแม่ค้าขายข้าวแกง แม่ค้าขายของในตลาดอยู่ตรงข้ามรัฐบาลหมดแล้ว

จินดารัตน์ - ก็ที่หน้าแผงอาจจะมีรูปคุณยิ่งลักษณ์ด้วยซ้ำไป

สนธิ - ถูกต้อง ต้องถือว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้นะ ที่ท่านปลัดกระทรวงพาณิชย์ท่านจะเกษียณอีก 20 กว่าวันแล้ว ผมคิดว่าท่านขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ถือว่าเป็นเวรกรรมของชาติบ้านเมือง เสียดายอย่างที่ท่านเพิ่งจะไปปีนี้ ท่านน่าจะไปได้ตั้งนานแล้วเพระาว่าเท่าที่ผมดูประวัติท่านทุกหน่วยงานที่ท่านอยู่มีแต่ของแพงทั้งนั้นเลย ท่านอยู่กรมการค้าภายในมา คือท่านอยู่ที่ไหนที่ต้องดูแลเรื่องราคาของในพื้นที่ที่ท่านดูแล ขึ้นตลอดเวลา ไม่เคยมีปีไหนที่ท่านอยู่ ดูรก คือพูดอีกก็ถูกอีก เกษตรกรต้นทุนเท่าดีเขาก็ต้องขายแพงขึ้น อันนี้ไม่มีความจำเป็นต้องพูดแต่คำถามคือคนที่มีหน้าที่ดูแลข้าของว่าแพงหรือไม่แพง มันต้องดูแลทั้งกระบวนการ ไม่ใช่ดูแลตอนจบว่าราคาเท่านี้ ต้นทุนเกษตรกรเท่านี้ ต้องมองย้อนหลังว่าต้นทุนมีประกอบด้วยอะไรบ้าง ค่าขนส่ง ค่าน้ำมันรถ เงินเดือนที่ขึ้น ค่าแรงที่ขึ้น 300 บาท ทุกอย่างต้องประมวลแล้วก็ชี้แจงให้รัฐบาลฟัง ว่าของที่แพงนี้เนื่องจากน้ำมันแพง ฉะนั้นรัฐบาลต้องหาทางไม่ให้ ปตท.มันกำไรมากจนเกินไปในขณะเดียวกันต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ซึ่งปลูกพืชไร่นั้น ตอนนี้ต้นทุนปุ๋ยมันแพง มันก็เลยทำให้คะน้ากำหนึ่งบมันแพงกว่าเก่า ก็ต้องไปลดตรงนี้ ในขณะเดียวกัน หมู เนื่องจากมีการผูกขาดอาหารสัตว์ โดยบริษัทบางบริษัททำให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูสูงขึ้น รัฐบาลหรือกระทรวงพาณิชย์มีอยู่แล้ว คณะกรรมการป้องกันการผูกขาด ก็ต้องบอกให้คณะกรรมการฯ บอกว่าไอ้บริษัทนี้มันผูกขาดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ต้องคุมน้ำอย่าให้น้ำมันแตกให้อยู่ในท่อ บึง พวกนี้ หน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ต้องทำเช่นนี้ ไม่ใช่มาจบลงด้วยการสรุปง่ายๆ แบบเด็กประถม 1 หรือว่าคนขอทาน หรือคนกวาดถนน ก็สรุปได้ว่าต้นทุนผมเท่านี้ ผมก็ต้องบวกไปเท่านี้ คือถ้ากระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่มาประกาศอย่างนี้ เราไม่จำเป็นต้องมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอีกประการหนึ่ง เมื่อกี้ ถ้าเราสังเกตดูในทีวีดีๆ เวลาแกพูด แกพูดแล้วแกหาข้อมูล

จินดารัตน์ - หาสคริปต์อยู่

สนธิ - หาสคริปต์ แสดงว่าอะไรรู้มั้ย ผู้ใหญ่ในกระทรวง ในวงการราชการ มันมีหน้าที่อยู่อย่างเดียวก็คือว่า ให้ลูกน้องทำข้อมูลมา ไอ้ลูกน้องก็ไม่อยากที่จะถูกชะงักชะงันในเรื่องของความก้าวหน้าในหน้าที่ ก็ต้องทำข้อมูลในลักษณะที่เอาใจเจ้านาย ถูกมั้ย ก็บอกว่า ท่านครับ มันไม่ได้แพงหรอก มันขึ้นนิดหน่อย ดูซีพีไอสิ เพราะฉะนั้นแล้ว มันก็เลยเป็นกระบวนการทั้งกระบวนการเลย ทำเพื่อเอาใจนักการเมือง นี่ถ้าผู้ชายเขาเรียกว่าเชลียร์ เลียนักการเมือง แต่ผู้หญิงมันไม่ได้

กมลพร - ทำไมคะ มันแลไม่งามเหรอคะ

สนธิ - มันไม่งาม มันจะเบี้ยนไป มันไม่เหมาะ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอะไรกันแน่ เก๋ชำนาญเรื่องนี้ เก๋ต้องอธิบายได้

กมลพร - ไม่สามารถจะหาคำนิยามให้คุณวัชรีได้ คุณวัชรีอาจจะอยาก พอออกจาก ... อีกไม่กี่วันจะเกษียณ อาจจะอยากก้าวหน้าเหมือนคุณเบญจาก็ได้

สนธิ - เหมือนคุณยรรยง พวงราช

กมลพร - เหมือนคุณยรรยงก็ได้

สนธิ - รุ่นพี่

จินดารัตน์ - อยากเป็นรัฐมนตรี

กมลพร - มันก็ต้องประมาณนี้ หยิบซีพีไอ หรือดัชนีผู้บริโภคบางตัวมาพูดให้มันดูดี

สนธิ - ซึ่งคุณวัชรี ผมจะทำนายอนาคตแกล่วงหน้าเลยนะ ผมเข้าใจว่าวันหนึ่งข้างหน้าแกต้องตกเป็นจำเลยในเรื่องของการจำนำข้าว ถึงแม้จะเกษียณไปแล้วก็ตาม

จินดารัตน์ - ใช่ ก่อนหน้านี้ออกตัวแรงมาก

สนธิ - เพราะแกออกตัวแรงมาก แกออกตัวให้กับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แรงมาก ผมเสียดายแก สัญชาติญาณผมอาจจะ ... ขอเป็นพ่อหมอฟันธงแล้วกันว่า แกต้องตกเป็นหนึ่งในจำเลยหลายๆ คน ร่วม และจำเลยที่ 1 จะชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเรื่องการจำนำข้าว จำเลยที่ 2 จะชื่อกิตติรัตน์ ณ ระนอง จำเลยที่ 3 คือบุญทรง และจำเลยที่ 4 คือวัชรี

จินดารัตน์ - เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ดีๆ เถอะ

สนธิ - เตรียทางหนีทีไล่นะ ใครรู้จักคุณวัชรี ไปบอกแกด้วยว่าผมพูดอย่างนี้ ไม่เกิน 3 ปีนี้ได้เห็นแน่นอน ว่าแกโดนแน่นอนงานนี้

จินดารัตน์ - แกพยายามเอาตัวเลขออกมา เหมือนกับกลบเกลื่อนความจริง จนเขาบอกว่ามันมีคำโกหกเปรียบเปรยในสำนวนภาษาอังกฤษเหรอคะ คุณสนธิ ว่ามันมี 3 ประเภท คือการโกหก

สนธิ - Lie, Damn lie and Statistics

จินดารัตน์ - แปลเป็นไทยด้วย

สนธิ - โกหก โคตรตอแหล แล้วก็สถิติ

จินดารัตน์ - ใช้ตัวเลขสถิติ

สนธิ - ใช้ตัวเลขสถิติมาโกหกต่อ

จินดารัตน์ - คนเขาอ่านข่าวนี้เสร็จ ...

สนธิ - ใช้ตัวเลขสถิติมายืนยันความโกหกของตัวเอง

จินดารัตน์ - มันเป็นเรื่องจริงนะ มันมีตัวเลข ซึ่งคุณวัชรีพูดไม่หมด หยิบมาเฉพาะบางตัวที่มันขึ้นไม่มาก คนที่ผ่านข่าวปลัดพาณิชย์เสร็จปุ้บคอมเมนต์ท้ายข่าวเลย ความเห็นหนึ่งของคุณวรนันท์ บอกว่า ซิ้มนี่เคยไปเดินตลาดบ้างไหม แหกตาดูราคาของรอบๆเอวป้ามากนะ (พอเหอะๆ ไอ้ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เอามาจากผีอีเม้ย เหรอ) อันนี้เป็นหนึ่งในความเห็น

สนธิ - ยกเป็นตัวอย่างให้ท่านผู้ชมดู งานนี้พอรู้ว่าจะต้องพูดเรื่องนี้ ผมส่งทีมลงไปค้นข้อมูลเลย อ้างอิงราคาสินค้าขายส่ง ณ ตลาดไท ตลาดกลางสินค้าเกษตรแห่งประเทศไทย วันที่ 4 กันยายน 2555 ปีที่แล้วเนื้อหมูแดงราคาส่ง 10 กิโลฯ ประมาณ 95-100 บาทต่อกิโลฯ 1 ปีผ่านไปขึ้นเป็น 125-130 บาทต่อกิโลฯ 30 เปอร์เซ็นต์ ไก่ตัว 60-65 บาท ปีที่แล้ว ปีนี้ 70 บาท เพิ่มไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เนื้อหมูแดงเพิ่ม 30 เปอร์เซ็นต์ ไก่ตัวเพิ่มประมาณ 7-8 เปอร์เซ็นต์ น่องไก่ 65 บาท เพิ่มเป็น 75 บาท เพิ่ม 10 เปอร์เซ็นต์ ก็เพิ่มประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ อกไก่ 75 บาท ขึ้นเป็น 85-90 บาท เพิ่ม 10 เปอร์เซ็นต์ ก็เพิ่มประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ เนื้อวัวปลีก 145-190 บาท เพิ่ม 30 บาท เกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ปลาทูนึ่งนะขนาดใหญ่ 35-60 บาทต่อเข่ง เป็น 50-70 บาทต่อเข่ง เพิ่มเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ อันนี้เห็นได้ชัดเป็นตัวเลขที่ไปค้นมา แล้วคุณท่านปลัดกระทรวงพาณิชย์จะบอกยังไงว่า เป็นความรู้สึก นี่คือความจริงว่าเมื่อปีที่แล้ว จ่ายปลาทูนึ่งจ่าย 35 บาท วันนี้จ่าย 50 บาท นี่คือความจริงมันจะเป็นความรู้สึกได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ นั่นคือตลาดไทนะครับ มันก็ยังมีอีกหลายตลาด ซึ่งเราไปค้นมาดูนะครับ เอาดูไข่ 4 กันยายน 2555 นะครับ กับ 4 กันยายน 2556 1 ปีที่ผ่านมา ไข่ไก่เบอร์ 0 คือใหญ่ที่สุด ราคา 2.90 บาท มาปีนี้ 3.90 เพิ่ม 1 บาท 1 บาทนี่เพิ่ม 34.5 เปอร์เซ็นต์ นึกว่าน้อยหรอ ไข่ไก่เบอร์ 1 2.70 บาท ปีนี้เพิ่มเป็น 3.60 บาท เพิ่มเกือบ 1 บาทถึง 90 สตางค์ 33 เปอร์เซ็นต์ ไข่ไก่เบอร์ 2 2.60 เพิ่มเป็น 3.50 เพิ่ม 90 สตางค์ เพิ่ม 34 เปอร์เซ็นต์ ไข่ไก่เบอร์ 3 2.50บาท เพิ่มเป็น 3.40 บาท เพิ่ม 90 สตางค์ 36 เปอร์เซ็นต์ ไข่ไก่เบอร์ 4 2.30 บาท เมื่อปี 55 วันที่ 4 กันยาฯ เมื่อวานซืนนี้ 1 ปีที่ผ่านมา 3.20 เพิ่ม 39 เปอร์เซ็นต์ ไข่ไก่เบอร์ 5 คือเบอร์เล็กสุดเลยนะ คนจนซื้อกันนะครับ 2.10 บาท เมื่อปีที่แล้ว ผ่านมาปีนึงเพิ่มเป็น 3 บาท เพิ่ม 90 สตางค์ เท่ากับเพิ่ม 42.86 เปอร์เซ็นต์ และไข่นี่เป็นอาหารหลักสำหรับคนจน ข้าวไข่เจียว ผมก็เลยถามว่า อันนี้เขาเป็นราคาไข่ไก่ ราคาสินค้าขายส่งหน้าตลาดไทอีก

กมลพร - คือไม่ใช่ราคาขายปลีกค่ะ ปลีกแพงกว่านี้อีก

สนธิ - ปลีกแพงกว่านี้ นี่ขายส่งนะ

จินดารัตน์ - เขาบอกเขาดูตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์ที่เอาออกมานี่นะคะ จากทั้งหมดสินค้าอุปโภค-บริโภค 180 รายการ ดัชนีราคาผู้บริโภคหลายรายการสูงขึ้นผิดปกติ และส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในหมวดอาหารและพลังงาน

กมลพร - แต่ที่คุณวัชรีพยายามพูดนั่นคือ เอาตัวเลขที่บอกว่า เฉลี่ย 2 ปี มันประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์เอง ที่เหลือรู้สึก

จินดารัตน์ - ขึ้นทางด่วนอีก 5 บาท ขอใช้ความรู้สึกจ่ายได้ไหม

สนธิ - เอาอย่างนี้ คุณวัชรีบอก 2 ปีใช่ไหม เราก็ไปสำรวจมาดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทยปี 2556 โดยใช้ปี 2554 เป็นฐานก็คือ 2 ปี โดยที่ฐานของปี 2554 ฐาน 100 จะเห็นได้ว่า อาหารปรุงที่บ้าน 108.57 เพิ่ม 8 เปอร์เซ็นต์กว่า สัตว์น้ำ 115 เพิ่ม 15เปอร์เซ็นต์ ผักผลไม้ 118 เพิ่ม 18 เปอร์เซ็นต์ ผักสดแปรรูปเป็นอื่น 115 เพิ่ม 15 เปอร์เซ็นต์ ผักสด 119 เพิ่ม 19 เปอร์เซ็นต์ ผักสด ผลไม้สดแปรรูปและอื่นๆ 123 เปอร์เซ็นต์ เพิ่ม 23 เปอร์เซ็นต์ ผลไม้สด 123 เพิ่ม 23 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดเบ็ดเสร็จแล้ว 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ต่ำสุดก็คือ 8 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า เมื่อใช้ปี 54 เป็นฐานแล้ว ที่ผ่านมาเพิ่มตลอด ไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว

กมลพร - นี่ยังไม่รวมที่เราต้องเจอพวกเอฟทีที่ปรับขึ้นนะ

จินดารัตน์ - ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาจากฐาน 100 เป็น 125.81

กมลพร - แอลพีจีที่คุณวัชรี นี่แม่นเลย คุณวัชรีบอกว่า ดิฉันไปคุยกับแม่ค้าขายแก๊สเองเลยนะคะ ถามแม่ค้าว่า แพงไหม เขาบอกว่าไม่แพง มาเลยคุณวัชรีคะ ตัวเลขเชื้อเพลิงในบ้าน 101.75 เปอร์เซ็นต์ นี้คือตัวเลขที่ยังไม่ได้ไปดูเรื่องของการปรับขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีในวันที่ 1 กันยายนนะ

จินดารัตน์ - ใช่ จากถังละ 290 เป็นถังละ 380 ในที่สุดและสุดท้าย

สนธิ - ผมว่าไปฟังคำพูดแม่ค้าหน่อยดีไหม

กมลพร - ดีค่ะ

สนธิ - ลองดูดีกว่าว่าแม่ค้าที่คุณวัชรี บอกว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม เขาพูดว่ายังไงบ้าง

จินดารัตน์ - เขารู้สึกกันไปเองหรือเปล่า

สนธิ - เขารู้สึกกันไปเองหรือเปล่า

กมลพร - มีค่ะ เรามีถึง 7 ท่านด้วยกัน

จินดารัตน์ - เราไปฟังกันค่ะ

(******* คลิป******* )

กมลพร - คนสุดท้ายคือนายกสมาคมภัตตาคารไทยนะคะ ก็ฟังมาทุกท่าน

สนธิ - สรุปแล้วพวกนี้เป็นพวกที่ต่อต้านรัฐบาลหมดเลยใช่ไหมท่าทาง ตามที่ท่านปลัดกระทรวงพาณิชย์ว่า

กมลพร - แกคงเห็นอะไรเหลืองๆ

สนธิ - ตกลงคิดว่าใช่

กมลพร - ดูแม่ค้าไก่สดบ่นแบบมีน้ำโหหน่อยไหมคะ อันนี้ผลสำรวจที่ทางด้านเอเอสทีวี ผู้จัดการน่าจะไปทำมานะ

จินดารัตน์ - บ่นแบบมีน้ำโห

กมลพร - ใช่ เขาเขียนอย่างนี้เลย หมายเหตุแม่ค้าไก่สด อันนี้ผลสำรวจที่ตลาดนนทบุรี เมื่อวานนี้เอง แม่ค้าไก่สดบ่นแบบมีน้ำโหว่า ถ้ารัฐบาลกินกันเสร็จแล้ว รบกวนให้ประชาชนได้กินบ้างได้ไหมคะ โดยระบุว่า ราคาไก่แพงขึ้นมาก แพงเกินไป ค่าแรง 300 บาท ไม่พอใช้ เพราะแค่แบงก์ร้อยใบเดียวซื้อไก่ 1 ตัวก็หมดแล้ว

จินดารัตน์ - เพราะฉะนั้นต้องใช้ทฤษฎี 2 สูงหรือเปล่าคะ แบบเจ้าสัวซีพีบอก เจ้าสัวซีพีบอกอย่างนี้ค่ะว่า พยายามทำให้ประชาชนมีเงินเหลือ ซึ่งประชาชนจะประหยัดการใช้เงินโดยอัตโนมัติ เนื่องจากของแพง 2 สูงก็คือ ขึ้นเงินเดือนตามราคาสินค้าเกษตร แก้เศรษฐกิจประเทศ เขาบอกว่าญี่ปุ่นก็ใช้ค่ะคุณสนธิ

สนธิ - โดยพื้นฐานแล้วของมันจะขึ้นก่อนที่เงินเดือนจะได้ขึ้นด้วยซ้ำ ขอให้ได้ข่าวว่า จะมีการปรับเงินเดือนก่อนล่วงหน้า

จินดารัตน์ - ซึ่งยังไม่รู้ว่า จะขึ้นจริงหรือเปล่า

สนธิ - และก็ในทางกลับกัน ตัวดีก็คือบริษัทใหญ่อย่างบริษัทเจ้าสัว เป็นคนที่วางแผนขึ้นก่อนล่วงหน้า ใช่ไหมครับ คือท่านเจ้าสัวพูดแล้ว คนที่ได้เปรียบคือ บริษัทท่านเจ้าสัว ใช่ไหมครับ แต่พวกตัวเล็กๆ น้อยๆ พวกคนค้าระดับเล็กระดับกลางเจ๊งฉิบหายวายป่วงหมดเลย อยู่ไม่ได้ ร้านอาหารเล็กๆ ร้านอาหารขนาดกลาง ถ้ายอดขายตก 10 เปอร์เซ็นต์ 20 เปอร์เซ็นต์ เขาไม่เจ๊งหรอ ร้านอาหารเล็กๆ เหมือนอย่างที่คนเคยซื้อหมูที 2 โล เอาไปทำที่บ้านกลายเป็นซื้อแค่ครึ่งโล ยอดขายก็ตกไป เหตุผลเพราะว่ามันแพงไป คนก็เลยกินน้อยลง ไอ้ที่น่าสงสารคือ ประชาชนที่อยู่ลักษณะเกือบจะหาเช้ากินค่ำลำบากมาก และในขณะเดียวกันมันมีผลกระทบต่อชนชั้นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกลูกจ้างบริษัทนะครับ
เรามาดูรายได้ เรามาดูนะครับปี 2554 เขาบอกว่า รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี ตก 41,000 บาทต่อเดือน รายได้เฉลี่ยนะครับ 2556 ขึ้นมาอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เฉลี่ยต่อเดือนเป็น 45,000 บาท เรามาดูกันเราเอาตัวเลขในกรุงเทพฯ ยังไม่ต้องต่างจังหวัด เรามาดูว่า มีพ่อแม่และลูก 2 คน ซึ่งเป็นครอบครัว เดือนหนึ่งใช้อะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือน 1 ค่าน้ำมันรถ 2554 จ่ายเดือนละหมื่น ค่าน้ำมัน 2556 เป็น 11,000 บาท ผมว่าที่เขียน 11,000 บาทยังต่ำไปเสียด้วยซ้ำนะ เทียบเมื่อ 2 ปีที่แล้ว น้ำมันปีนี้น่าจะแพงกว่าปีที่แล้วประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ มันน่าจะเป็นที่ 12,000 บาท แต่ไม่เป็นไรตีเอา 11,000 ค่าทางด่วนจาก 2,000 บาท ปี 54 พอปี 56 เป็น 22,000 บาท ค่าเทอมลูกหารเฉลี่ยต่อเดือน 4,000 บาท เพิ่มเป็น 4,400 ค่าขนมลูกเดือนละ 22 วัน 2,000 บาท ปี 56 3,000 บาท ค่าน้ำ 400 ปี 56 เพิ่มเป็น 500 ค่าไฟปี 54 เป็น 2,500 ปี 56 เพิ่มเป็น 3,000 ค่าแก๊ส ปี 54 800 ปี 56 1,000 ค่าอาหารและของใช้เบ็ดเตล็ดเพิ่มจากสัปดาห์ละ 2,000-3,000 บาท ปี 54 ใช้ประมาณ 8,000 บาท สัปดาห์ละ 2,000 บาท ปี 56 ใช้ 12,000 ค่าโทรศัพท์ที่บ้าน มือถือ เคเบิล อินเตอร์เน็ต ปี 54 4,500 ปี 56 กลายเป็น 5,000 เท่ากับว่า ปี 54 ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของพ่อแม่และลูก 2 รวม 4 คน เดือนละ 34,200 บาท ปี 56 เพิ่มเป็น 41,100 บาท เท่ากับ 23เปอร์เซ็นต์ นี่ยังไม่นับค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าประกันสุขภาพ ค่าประกันชีรวิต ค่าใช้จ่าย ซื้อของ แต่งตัว เสื้อผ้า ค่าเลี้ยงดูบุพการี ยังไม่นับรวมถึงเงินออมอีก

กมลพร - นี่คิดให้ต่ำๆอย่างสำนักงานสถิติแห่งชาติ บอกว่า ถ้าคิดตามอันตราเพิ่มขึ้นของเงินเดือน ประมาณ 2 ปี 10เปอร์เซ็นต์ นะ ซึ่งจริงๆค่าใช้จ่ายไม่น่าจะอยู่แค่นี้

สนธิ - ค่าใช้จ่ายเท่าที่เราบวกให้ดูมันขึ้นมาเป็น 23เปอร์เซ็นต์

จินดารัตน์ - แต่เงินเดือนขึ้นแค่ 10 เปอร์เซ็นต์

สนธิ - อันนี้ชัดเจน มันพิสูจน์ว่า 2 ปีกว่า ที่รัฐบาลนายกฯที่แท้จริงคือนายทักษิณ ชินวัตร โดยใช้น้องสาวเป็นหุ่นเชิด พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้กลุ่มตัวเองร่ำรวย เพราะถ้าไม่พยายามทำให้กลุ่มตัวเองร่ำรวยค่าพลังงานจะไม่สูงขนาดนี้ แก๊สจะต้องอยู่ตัว น้ำมันนอกจากจะไม่ขึ้นแล้วยังต้องลดลงเสียอีก จำได้มั้ยที่ยัยยิ่งลักษณ์หาเสียงตอนแรก ประกาศเลย ชัดเจนว่าจะกระชากค่าครองชีพ กระชากค่าน้ำมันลงลิตรละ 7 บาทกว่า ไม่มีลง มีแต่ขึ้น นี่คือการโกหกตอแหล เพราะฉะนั้นแล้ว ไอ้หนังสือแหลเพื่อพี่ ของบัญชา คามิน มันพูดได้ถูกใจมาก แหลเพื่อพี่จริงๆ จะเห็นได้ชัดว่าประเทศไทยในขณะนี้ก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจที่มันชอกช้ำมาก และจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ค่าแรง 300 บาท ผมคุยกับคนในองค์กรเอสเอ็มอี บริษัทเล็กๆ เจ๊งไปแล้ว 4 แสนรายนะ 4 แสนราย รายหนึ่งตีว่ามีคนทำงานประมาณ 5 คนแล้วกัน 2 ล้านคนแล้วที่ตกงาน มันสู้ไม่ไหว ถามว่าผมอยากให้ค่าแรงสูงมั้ย อยาก แต่ว่าการขึ้นค่าแรงมันจะขึ้นเป็นแนวดิ่งไม่ได้ ขึ้นค่าแรงต้องขึ้นเป็นแนวนอน หมายความว่า อันไหนควร 300 ก็ 300 อันไหนถ้ายังจำเป็นต้อง 200 ก็ต้อง 200 เพราะว่าลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยวมันจะวันละ 300 ได้ยังไง ไม่ได้ หรือโรงงานน้ำแข็งเล็กๆ ซึ่งมีเด็กขนน้ำแข็ง ส่งน้ำแข็ง เคยเห็นมั้ย ขับปิกอัพเก่าๆ แล้วน้ำแข็งเต็มท้ายรถ มีเด็กติดท้ายรถคอยส่งน้ำแข็งวันละ 300 เถ้าแก่โรงน้ำแข็ง ซึ่งเป็นโรงงานทำน้ำแข็งเล็กๆ มันก็เจ๊งเหมือนกัน แต่อะไรที่มันถึง 500 มันก็ต้อง 500 ไม่ใช่แค่ 300 เพราะฉะนั้นแล้ว ค่าแรงมันจะต้องถูกปรับ ที่แท้จริง ปรับไปตามลักษณะของงาน และคุณภาพ มูลค่าของงาน มากกว่าที่จะเอาเป็นมาตรฐานตายตัว เงินเดือนขั้นต่ำของเด็กจบปริญญาตรี แทบไม่ต้องมีขั้นต่ำเลย ถ้าคุณค่าใครมี 15,000 เขาก็จ่าย 20,000 ยังจ่ายเลย ถูกมั้ย แต่ถ้าคุณค่าไม่มี ทำไมจะต้องเอาเด็กจบปริญญาตรีแล้วเงินเดือนหมื่นกว่า เขาก็เอาเด็กจบ ปวช. เงินเดือน 8,000 ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว การกำหนดราคาค่าแรงขั้นต่ำ เป็นการตั้งมาตรฐานที่ผิด เป็นการใช้ทฤษฎีที่ผิด ไม่ถูกต้องเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วก็พูดกันตรงๆ เลย ต่างจังหวัดไม่มีความจำเป็นต้อง 300 บาท ถึงแม้ว่าบางคนหรือแม้กระทั่งผม ครั้งหนึ่งผมก็เคยคิด ว่าน้ำมันที่ต่างจังหวัดมันก็แพงกว่าน้ำมันที่กรุงเทพฯ ก็จริงอยู่ แต่ค่าครองชีพอื่นมันไม่ถึง ค่าที่พักอาศัยไม่ต้อง

จินดารัตน์ - ค่าอาหารการกิน

สนธิ - อาหารการกินไม่ต้อง ที่พักอาศัยส่วนใหญ่อยู่กับพ่ออยู่กับแม่ ถูกมั้ย และค่าเดินทางบางที่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไป ไม่ต้องเสียค่าขับรถ เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างมันจะต้องออกแบบเพื่อพื้นที่นั้น เหมาะกับพื้นที่นั้่น อุปมา อุปไมย เหมือนระบบการเมืองเหมือนกัน ระบบการเมืองของประเทศนี้ต้องออกแบบตามวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมของประเทศนี้ แม้ในกระทั่งในประเทศเดียวกันระบบการเมืองระดับชาติกับระบบการเมืองระดับท้องถิ่นก็ยอมมีสิทธิ์ที่จะไม่เหมือนกันได้ ไม่ใช่จำเป็นต้องเหมือนกันหมดทุกอย่างเห็นไหม เพราะฉะนั้นแล้วไอ้ตัวทฤษฎีที่ว่าสองสูงของนายห้างธนินท์ คือสูงแล้วก็ฉิบหายทันที คือคนที่รวยคือนายห้างธนินท์ ซีพี เสี่ยเจริญรวย เจ้าของเนสกาแฟรวย วันนี้คุณไปถามสิ คนที่รู้ดีเลยว่าวันนี้ธุรกิจแย่มากๆ คือ สหพัฒน์ เพราะสหพัฒน์ขายทุกอย่างตั้งแต่กระดาษชำระ ไปถึงยาสระผมไปถึงยกทรงซาบีน่า วาโก้ ทุกอย่างหมด เพราะฉะนั้นแล้วคนเรา แล้วอีกอย่างหนึ่งแอนสังเกตุไหม แอนกับเก๋คงเคยไปเดินบ่อย ไปถามดูไอ้คนที่ชอบไปเดินแถวซอยละลายทรัพย์ หรือหลังการบินไทย ไปถามที่ร้านขายของพวกนี้มันจะบอกเลยว่าไม่มีคนซื้อของเลยทุกวันนี้

จินดารัตน์ - วันนี้แอนไปตลาดวังหลังมาค่ะ จากเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่แอนเคยไป คนเดินขวักไขว่ ซื้อของจับจ่ายกัน แต่วันนี้แอนไปคนแทบไม่มีเลยคุณสนธิ แอนยังตกใจเลยนะคะ เพราะคือช่วงเที่ยงที่เขาพักกัน ซึ่งร้านขายซื้อผ้ายืนหงอยมองทำตาปริบๆ

กมลพร - ทั้งๆ ที่ต้นเดือนด้วยนะ

จินดารัตน์ - เรายังรู้สึกแทนเขาเลยนะคะว่า

สนธิ - ไปดูร้านขายซื้อผ้าแถวสยามสแควร์ก็ได้เหมือนกัน

จินดารัตน์ - อยู่กันไม่ไหวหรอกของแบบนี้ เพราะโดยพื้นฐานธรรมชาติแล้ว พออาหารการกินแพงทุกอย่างแพง คนจะหยุดใช้จ่ายโดยอัตโนมัติ รัฐบาลชุดนี้มันฆ่าคนชนชั้นกลาง มันฆ่าการจับจ่ายใช้สอบด้วยอีรถคันแรก และนี้ยังจะออกล็อต 2 อีกแล้วนะ

กมลพร - ยังไม่หนำใจเหรอค่ะ

สนธิ - ยังไม่หน่ำใจ คือบ้านเมืองยังฉิบหายไม่พอ ยายยิ่งลักษณ์แค่นี้ยังไม่พอใช่ไหม ส่งสัยมัวแต่บูรณาการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอยู่

กมลพร - ก็อาจแยกไม่ออกว่าน้ำจริงๆ กับน้ำที่แกเห็นเป็นยังไง

สนธิ - ใช่ไหม เพราะฉะนั้นแล้วไม่ไหว

จินดารัตน์ - มันใกล้ค่ะ

สนธิ - มันใกล้ มันใกล้มากแล้ว ผมนี้นะไม่ค่อยอยากจะทายอะไรล่วงหน้าเลย ทายทีไรโดนด่าทุกที เหมือนที่เราเคยบอกว่าเมืองไทยต้องให้มันล่มสลายก่อน ไอ้คนที่ไม่รู้ ไอ้คนที่ไม่ได้ดูแบบผมดูมันก็หาว่าผมใจร้ายจริงๆ มันก็เป็นของมันแบบนี้จริงๆ นะ เวลาเรานั่งดูเราก็รู้ไงว่ามันเป็นจริงๆ ตัวเราเองเรายังไม่รู้จะเอาตัวรอดแค่ไหนเอเอสทีวี นี้พูดกันตรงไปตรงมา เราก็ยังยืนอยู่บนความไม่แน่นอนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วเหตุผลทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มันนอกเหนือตัวเราที่จะไปทำอะไรได้ เพราะเราได้รัฐบาลที่บัดซบ เราได้ระบบการเมืองที่เป็นระบบการเมืองเดรัจฉาน เพราะฉะนั้นคนไทยก็ต้องก้มหน้ารับกรรมไป แล้วเราเสือกมีคนไทยที่โง่ ลุ่มหลงหลงใหลในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไอ้ฝ่ายหนึ่งก็หลงทักษิณ ชินวัตร ไอ้ฝ่ายหนึ่งก็หลงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนนี้ดูให้ดีๆ นะมีอยู่ 2 ฝ่ายเท่านั้นเอง ส่วนที่เหลือเป็นเครื่องมือของแต่ละฝ่าย บุญจริงๆ ที่เราถอนตัวออกมาได้ ที่แกนนำพันธมิตรฯ ยุติบทบาท แล้วผมดูแล้วว่าไปไม่รอด เขาเรียกว่ารีบตีหักออกจากกรุงศรีอยุธยามาก่อนดีกว่า พาพลภักที่เข้าใจซึ่งกันและกันหลบออกมาแล้วมารวมเป็นชุมชนของเราเอง

กมลพร - สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง

สนธิ - สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง สร้างคุณภาพของคน ให้ปัญญาคนมากขึ้นๆ จะมีมากมีน้อยไม่สำคัญ ขอให้คนพวกนี้หลุดพ้นจากวังวนอุบาท แล้วก็เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน รู้ทันทุกอย่าง รู้จักหลักปฏิจจสมุปบาท รู้ว่าเหตุมันมีผลมันถึงมี เพราะฉะนั้นแล้ว เข้าใจถึงเหตุ เข้าใจป่าทั้งป่า เก็บตัวเงียบๆ มุ่งมั่นที่จะให้ปัญญาคน อีกอย่างหนึ่งผมอยากจะพูดเรื่องมหาวิทยาลัยเอเอสทีวี ก็คงจะเริ่มซีซั่นแรกประมาณปลายตุลาคม ตอนนี้เราร่างหัวข้อที่จะสอนกันแล้ว จะสอนทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทุกเสาร์ทุกอาทิตย์เลยนะ 10.30 น.-12.30 น. ถ่ายทอดสดเป็นรายการสดเลย แต่ว่าจะยินดีต้อนรับให้คนสมัครมานั่งฟังในห้องเรียนจริงๆ เลย เบ็ดเสร็จไม่น่าจะเกิน 40 คน ปริมาณอาจจะ 30-40 ต้องดูขนาดของห้องก่อน แต่ขณะเดียวกันต้องดูว่า เพราะว่าจะมีอยู่ช่วงหนึ่งให้ถามคำถามนะครับ ทีนี้หลักสูตรพอเขียนมาสมมุติว่า ผมจะสอนในเรื่องของประวัติศาสตร์ของโลก ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร และอะไรนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว โลกเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง มหาอำนาจอาณาจักรถูกพลิกผันจากอาณาจักรอังกฤษ มาเป็นอาณาจักรอเมริกา American Empire นัยมันอยู่ตรงไหน ทุนมันเริ่มอย่างไรไปเรื่อยๆ วิชานี้จะเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สื่อสารมวลชน อันนี้อาจจะต้องสอนกันประมาณ 4 อาทิตย์ 8 ชั่วโมง จะเป็นเหมือนกับประวัติศาสตร์โลก เศรษฐกิจและการเมือง 101 102 103 104 ใช้อย่างนี้ไปเลย

ทีนี้คนที่จะสมัครมาเรียน ถ้ารับแล้ว 101 ถ้าจะจอง 2 3 4 ได้ เพราะถือว่าวิชาเดียวกัน แต่ถ้าสมมุติสอนโดดๆ อย่างเช่น อาจารย์ปานเทพจะสอนเรื่องธรรมชาติบำบัด และของแกจบตรงนี้ และอาทิตย์ต่อไปจะเป็น สมมุติว่าผมเชิญ คุณณรงค์ โชควัฒนา มา และคุณณรงค์ คนที่จองอาจารย์ปานเทพ และขอจองคุณณรงค์ด้วยจะไม่ได้

จินดารัตน์ - แบ่งปันกันนะคะ

สนธิ - ปันกันให้คนอื่นเข้ามาบ้าง แต่ถ้าเป็นซีรีย์นี่ได้

จินดารัตน์ - เพราะยังไงเรามีถ่ายทอดสดอยู่แล้ว คือถ้าใครอยากจะฟังตอนต่อไป หรืออีกเรื่องนึง ถ้าได้เข้ามาเรียนแล้วก็แบ่งปันเพื่อน

สนธิ - คือช่วงที่มาฟังสด จะมีข้อดีอยู่ข้อนึง

กมลพร - ได้ถาม

สนธิ - ได้ถามนอกเวลา ระหว่างเบรกกินกาแฟ หรือว่าเลิกชั้นแล้ว ยืนคุยกันได้ถามนอกเวลาแค่นั้นเอง แต่ถ้าถามในชั้นทุกคนได้รู้หมด แต่ขณะเดียวกันก็ได้เปรียบตรงที่ว่า คนที่เข้ามานั่งฟังก็อาจจะถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้มานานแล้ว ถามได้ ทีนี้ใบสมัคร เรากำลังจะ upload ลงไปใน

จินดารัตน์ - เว็บไซต์

สนธิ - เว็บในเพจของคุณทุกเรื่องกับสนธิ หลายคนที่เป็นพันธมิตรฯ พันธุ์แท้สมัครมาเรียบร้อยแล้ว แต่เราจดชื่อเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

จินดารัตน์ - ทั้งที่ยังไม่รู้หัวข้อเลย

สนธิ - ยังไม่รู้หัวข้อแต่ว่าเรา จะตีตารางมาหมดเลย แล้วให้เขาระบุว่าจะเข้าอันไหน

จินดารัตน์ - มีมอบใบประกาศไหมคะ

สนธิ - ไม่มี ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาใบไปติดผนัง เป็นเรื่องเข้ามาเรียนรู้จริงๆ ถ้าระลึกก็ให้ผมเขียนสักใบหนึ่ง เศษกระดาษแผ่นหนึ่ง คุณอะไรครับ คุณกมลพร วรกุล ได้เรียนจบวิชานี้ ด้วยความเคารพ สนธิ ลิ้มทองกุล เท่อีก

กมลพร - แต่มันไม่มีความหมายเท่าเนื้อหานะ ฟังแล้วสนใจ

จินดารัตน์ - เดี๋ยวรอฟังข่าว ความคืบหน้าว่า เราจะเริ่มสัปดาห์ไหนแน่ หัวข้อเรื่องอะไร เป็นตารางเรียนมา

กมลพร - เราก็มีเรื่องการศึกษาเหมือนกันแต่สงสัยต้องไปพักก่อน เพราาะมันก็หมือนหมาขี้เรื้อน จิ้มไปตรงไหนก็มันก็ติดนิ้วขึ้นมาหมด งั้นช่วงพักปิดท้ายด้วยรูปนี้แล้วกัน แต่รู้สึกโปรดิวเซอร์จะมีนะ เป็นคนเอาไปโพสจนตอนนี้เป็นที่ฮือฮามาก อาซิ้ม แหลเพื่อพี่ สำหรับใครที่ฟังวิทยุ ก็จะเป็นการ์ตูนของพี่บัญชา คามิน "เจ๊ไม่ได้ถูกตบปากฉีกหรอก แต่มันเป็นแค่ความรู้สึก" แล้วมีเลือดไหลซิบๆมุมปาก

จินดารัตน์ - สำหรับคนที่พูดว่า ราคาสินค้าแพงเป็นแค่ความรู้สึก ถึงขั้นมีคนเข้าไปขู่ในฮอตไลน์ของกระทรวงพาณิชย์ ว่าระวังนะยะหล่อน ระวังโดนสาดน้ำกรด และนั่นคือแค่ความรู้สึก
งั้นเดี๋ยวพักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้ากลับมาเรื่องการศึกษาค่ะ

ช่วงที่ 3

จินดารัตน์ - กลับมาช่วงสุดท้ายกับรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องสำคัญตลอดมา แต่รัฐบาลไม่เคยเห็นถึงความสำคัญคือ เรื่องการศึกษา

กมลพร - ใช่ค่ะ

จินดารัตน์ - ล่าสุดโดนตบหน้าฉาดใหญ่

กมลพร - โดยการวัดผล เขาเรียกว่าผลการสำรวจคุณภาพระดับการศึกษา ในกลุ่มประเทศอาเซียน เราจะเห็นป้ายใหญ่ยักษ์มาก อะไรก็เออีซี โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการที่ผ่านมา ปรากฏว่า ข้อมูลจาก ศ.พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการบอกว่า จากการประชุม World Economic Forum ที่พูดกันถึงเรื่องการศึกษาได้พูดถึงเรื่อง การจัดคุณภาพการศึกษาในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับกลุ่มสุดท้าย อันดับที่ 8 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีคะแนนต่ำที่สุด รองจากประเทศเวียดนามซึ่งได้อันดับ 7 และประเทศกัมพูชา ซึ่งได้อันดับ 6 ผลการจัดอันดับสรุปได้ว่า เงินทุนไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดของการมีระดับการศึกษาที่ดี การที่ครูอาจารย์มีเงินเดือนสูงก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ความสามารถทางการสอนสูงตามไปด้วย สำหรับประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการผลักดันเรื่องเงินเดือนครู ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องเร่งรัดครูให้มีประสิทธิภาพในการสอนควบคู่กันไปด้วย

สนธิ - ไม่ใช่อันดับ 8 อยู่อันดับ 9

กมลพร - อันดับ 9 เลยหรอคะ

สนธิ - อันดับ 8 คือ โรฮิงญา

จินดารัตน์ - โห ต่ำกว่านั้นอีกหรอคะ

สนธิ - คืออย่างนี้ก่อนเราจะอ่านจดหมายฉบับนี้ เราพูดถึงภาพรวมก่อนคือ การศึกษาบ้านเราที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือ 1.คุณภาพต่ำมากตอนนี้ คุณภาพของคนมันต่ำ คุณภาพของคนซึ่งจบการศึกษามันต่ำ คุณภาพเด็กที่จบมหาวิทยาลัยก็ต่ำ คุณภาพเด็กที่จบปริญญาโทก็ต่ำ ทีนี้เมื่อมามองย้อนหลังแล้ว ที่มันต่ำเพราะว่า 1.คุณภาพเด็กที่จบมัธยมมันต่ำอยู่แล้ว มันก็เลยทำให้ปริญญาตรีต่ำ และปริญญาโทต่ำ และพอการศึกษาของไทยก้าวเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ประเภทจ่ายครบจบแน่ มันเลยทำให้ทุกอย่างต่ำลงไปหมดเลย เพราะมันเน้นที่ปริมาณ เนื่องจากปริมาณมันคูณด้วยค่าเล่าเรียน มันหมายถึงเงินก้อนมโหฬาร น่าสนใจอย่างหนึ่ง สมัยก่อนที่การศึกษายังไม่ออกนอกระบบ ทำไมการศึกษาคุณภาพมันสูง แต่พอออกนอกระบบแล้ว เขาบอกว่าทำให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยสถาบันศึกษา มีความคล่องตัวในการบริหาร แต่พอคล่องตัวแล้วคุณภาพเสือกต่ำกว่าอยู่ในระบบ บางทีเราอาจจะต้องกลับไปอยู่ในระบบเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นอันนี้คือข้อนึงที่ต้องจำเอาไว้ ข้อที่ 2 คือ ค่านิยมของการศึกษา สมัยหนึ่งเขามองว่า คนเราเรียนแค่จบ ม.8 ก็พอ หรือ ม.6 สมัยนี้แต่พอมาสมัยนี้แล้ว สมัยก่อนสมัยนี้ก็คือจบปริญญาตรี ทุกคนเรียนปริญญาตรี เดี๋ยวนี้ไปถามเด็กซึ่งเรียนขบปริญญาตรี แทบจะร้อยละ 80-90 จะบอกว่าอยากต่อโท ทุกคน โดยที่ไม่รู้ว่าต่อโทเพื่ออะไร รู้แต่ว่า มันจำเป็นเพราะว่าตรีจบต้องโทต่อ คล้ายๆว่าเป็นศักดิ์และเป็นศรีเพื่อประดับบ้าน เพื่อให้ได้รู้ว่าจบปริญญาโทแล้ว ฉะนั้นแล้วคุณค่าของคำว่าปริญญาโท ในเชิงของคุณภาพแทบจะไม่มีการพูดถึง แต่จะพูดถึงในเชิงภาพพจน์ ในเชิงของศักดิ์ศรีมากกว่า และเมื่อเราไปพิจารณาของระดับปริญญาโททั่วประเทศไทยไม่เว้นจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ จะเห็นว่าปริมาณเด็กที่เรียนปริญญาโทเยอะมาก ซึ่งแปลกมาก ค่าเรียน 40.000-50,000 บาท ทุกเจ้าต่อเทอม แล้วชั้นหนึ่งต้องมีไม่ต่ำกว่า 40 หรือ 50 บางแห่งเรียนปริญญาเอกของราชภัฏสวนดุสิต นักศึกษาปริญญาเอก บางคณะนักศึกษาปริญญาเอกเรียนถึง 40 คน นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง
ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ชัดว่าเมื่อค่านิยมมันผิดแล้ว คุณภาพการศึกษาเลยถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เอาค่านิยมมาตั้งไว้ข้างหน้าก่อน ทีนี้ผมจะพูดเรื่องคุณภาพการศึกษาจนกระทั่งแอนส่งจดหมายของคนที่เขาเขียนมาให้ เขาเป็นครูเก่า เขารักเอเอสทีวี จริงๆแล้วถ้าอานจดหมายฉบับนี้ให้จบ ระหว่างอ่านไปด้วย คิดไปด้วย เราจะเข้าใจว่าทำไมการศึกษาไทยยังต่ำมากนัก เดี๋ยวผมจะอ่านะครับ ตั้งใจฟังกันนิดหนึ่งนะครับท่านผู้ชม ผมอ่านถึงตรงไหนแล้วอยากจะให้หยุด แล้ววิเคราะห์ออกความเห็นวิพากษ์วิจารณ์บอกเลย

เรียนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และผู้ดำเนินรายการทุกท่าน ดิฉันเป็นครู ลาออกตั้งแต่ 30 กันยายน 2555 อายุ 58 ปี เป็นครูตั้งแต่อายุ 18 เป็นด้วยความรัก ศรัทธาในอาชีพครู ประสบการณ์อาชีพในอาชีพ 40 ปี ไม่เคยตั้งใจจะลาออก คิดจะอยู่ในอาชีพจนถึงเกษียณ แต่ต้องลาออก ณ วันที่ตัดสินใจลาออก ทนไม่ไหวแล้ว ไปนั่งชุมนุมกับคุณสนธิดีกว่า ทำไมเด็กไทยจึงไม่เก่ง ทำไมการศึกษาของไทยจึงตกต่ำ เพราะเด็กไม่ได้อะไรจากครู ใน 1 ปี มี 365 วัน เด็กได้เรียนหนังสือกี่วัน ปัญหาข้อที่ 1 ปิดเทอมภาคฤดูร้อน 16 มีนาฯ ถึง 15 พฤษภาฯ ปิด 2 เดอนน 60 วัน ปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เดือนละเฉลี่ย 8 วัน 10 เดือน 80 วัน ปิดวันสำคัญของชาติ ศาสนา ประมาณ 15 วัน ปิดภาคกลาง ตุลาคม 11-31 ตุลาคม 20 วัน ปิดเนื่องจากมีกิจกรรมวิชาการ กีฬาสี กีฬา อบต.ประมาณ 15 วัน รวมแล้วปิด 190 วัน 365 วัน ลบ 190 วัน เด็กได้เรียนปีละ 175 วัน ใน 175 วัน ไม่มีครูสอนเด็กต่อเนื่อง ครูต้องไปประชุมสัมมนา อบรม ดูงาน ประมาณปีละ 30 วัน เหลือวันได้เรียน 145 วัน แล้วครูยังลากิจ ครูป่วย ครูมีธุระส่วนตัว ครูทำผลงานให้ตัวเอง เด็กไทยจะได้เรียนหนังสือสักกี่วัน ปัญหาข้อที่ 2 นี่คือข้อเท็จจริงนะ นี่คือข้อเท็จจริงไง ผมถึงบอกว่าผมอ่านจดหมายฉบับนี้แล้วแทบจะไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว เอาจดหมายตัวนี้เป็นฐาน

ปัญหาข้อที่ 2 ผู้ปกครองตามใจครู แตะไม่ได้ ดุ ตี ไม่ได้ เอาใจเด็ก โดยฝึกให้ใช้จ่าย ไม่สนใจเด็ก ให้เด็กรู้จักใช้เวลาว่าง ให้มีนิสัยรักการอ่าน การเรียน การทำงาน ให้เด็กเล่นเกม เพราะคิดว่าเล่นเกมอยู่ในบ้านดีกว่าออกไปเล่นเกมนอกบ้าน

ปัญหาข้อที่ 3 ตัวเด็ก ขาดความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อการเรียน ไม่อยากไปโรงเรียน ติดเพื่อน ตามแบบอย่างเพื่อน ได้สติปัญญามาจากพันธุกรรม อาหาร และสิ่งแวดล้อม ไม่ตั้งใจเรียน ขาดความกระตือรือร้น ไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ถ้าเด็กต้องการเรียนกับครูตู้ รับสัญญาณจากโรงเรียนวังไกลกังวล ไม่มีครูควบคุมแนะนำ ดูแล นักเรียนจะไม่ตั้งใจเรียนและไม่ทำงาน เด็กจะนั่งเล่นหมดเวลาไปวันๆ แล้วเด็กไทยจะเก่ง ดี มีความสุขได้อย่างไร

ปัญหาข้อที่ 4 ตัวครู อันนี้น่าสนใจมาก ครูต้องไปอบรม เด็กถูกละทิ้ง ครูให้เด็กเรียนกับครูตู้ ไม่กำกับดูแล นั่งคุยกัน (ประชุมกันในโรงเรียน) ครูจะไปธุระส่วนตัวบ่อย ครูลากิจ ครูลาป่วย ครูมีปัญหาส่วนตัว เช่น ปัญหาครอบครัว ปัญหาหนี้สิน ไม่มีสมาธิที่จะเตรียมการสอนเพื่อเด็ก ครูตั้งหน้าตั้งตาทำแต่วิทยฐานะเพื่อเลื่อนตำแหน่ง เพื่อให้ได้เงินเดือนสูงๆ มีเงินประจำตำแหน่งคนละหลายๆ หมื่น ได้เงินแล้วทำอะไร เด็กไทยเรียนเก่งขึ้นไหม เด็กไทยเป็นเด็กดี มีคุณธรรมขึ้นไหม ครูที่ได้ตำแหน่งแล้วก็สอนเหมือนเดิม ตำแหน่งที่ครูอยากได้ คศ.3 คศ.4 เช่นครู คศ.3 บางคน ได้มาไม่รู้ตัว ได้มาอย่างไร จ้างเขาทำ ลอกเลียนแบบ ในสมัยที่ นช.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ ได้ไปสาธิตการสอนที่โรงเรียนอะไรจำไม่ได้ วันนั้น นช.ทักษิณ พูดว่า ถ้าครูสอนแล้วมีวิจัยการสอน จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นครู คศ.3 และ คศ.4 มีเงินประจำตำแหน่งให้ ตั้งแต่นั้นมา ระบบการเรียนของนักเรียนแย่ลง ผลการเรียนของนักเรียนตกต่ำมาเรื่อย ครูบางสอนได้สอนแก้ปัญหาโดยการทำวิจัยจริง ครูบางคนฉวยโอกาสจ้างทำผลงาน ครูบางคนรับจ้างทำผลงานคัดลอกผลงาน ดัดแปลง คละปนกันไปทั่วประเทศ

ปัญหาข้อที่ 5 ครูไม่พอเพียง แล้วจะสอนให้เด็กพอเพียงได้อย่างไร ครูนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้หลอกๆ เขียนแผนการสอนเพื่อส่งทำผลงาน แต่ความจริงเป็นผู้บริหารก็สอนตามหนังสือที่บริษัททำขาย ตามที่นักวิชาการหลากหลายเขียนขึ้นมา ซึ่งจริงๆ แล้วบางหลักสูตรไม่ได้เหมาะสมกับวัยผู้เรียน ไม่ได้เหมาะสมกับวุฒิภาวะ ความต้องการเรียนรู้ของผู้เรียน ทำให้เด็กไทยอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา สะสมความไม่รู้ไปจนถึงระดับมัธยม ครูไม่พอเพียง ปัจจุบันเงินเดือนครูสูงมาก ครูที่อายุ 40 ปีขึ้นไป เงินเดือนจะสูง ครูส่วนมากร่ำรวย มีที่อยู่อาศัย 1 หลังไม่พอ ต้องมี 2 หลัง 3 หลัง เบิกเงินค่าเช่าบ้า เช่าซื้อ ตลอดอายุราชการ ไม่รู้จักผ่อนหมด เพื่อให้ผู้อื่นเช่าอยู่ ครูกู้เงินไปทำห้องเช่า กู้เงินไปซื้อที่ดินจำนวนมากๆ ครูขับรถราคาหลักล้าน ครูเข้าโรงเรียนสาย กลับก่อน ครูมีธุระมาก ไปส่งภรรยาไปธุระ พาลูกไปเรียน ไปสอน ไปหาหมอ ครูไม่ลงทุน นำเงินงบประมาณของเด็กมาใช้เพื่อตนเอง เช่น ปากกา สมุด กระดาษ ครูเบิกใช้เพื่อทำผลงาน ครูแบบนี้มีอยู่ในประเทศไทยมาก

สหกรณ์ออมทรัพย์ของครู มีครูอยู่ 3 ประเภท ประเภทที่ 1 เงินเดือนฝากหมด ใช้เฉพาะเงินประจำตำแหน่ง เดี๋ยวนี้ครูจะฝากเงินสหกรณ์ ครูคนหนึ่งจะฝากโดยเฉลี่ย 3-6 ล้านบาท เพราะสหกรณ์ครูให้ดอกเบี้ยมากกว่าธนาคาร ประเภทที่ 2.พวกชอบกู้ แต่กู้ไปสร้างหลักทรัพย์ ซื้อบ้านคนละ 1 หลัง 2 หลัง 3 หลัง ซื้อที่ดินซื้อรถหรูๆ เวลาไปประชุมใช้อวดกัน ประเภทที่ 3 ครูบรรจุใหม่เงินเดือน 10,000-15,000 จะถูกครูรุ่นพี่เอาเปรียบ เพราะงานมากกว่าครูประเภทที่ 3 กู้เงินสหกรณ์ได้น้อย เงินเดือนน้อยไม่พอต่อค่าครองชีพ ถ้ารักจะเรียนต่อต้องประหยัดอดมื้อกินมื้อ ค่าครองชีพ น้ำมัน อาหารขึ้น ครูประเภท 3 เดือนร้อนมาก ครูประเภท 1 จะแต่งตัวสวยยิ่งกว่าคุณหญิงคุณนาย ใช้ของราคาแพง จะเที่ยวต่างประเทศทุกปีๆ ในช่วงปิดเทอมเดือนเมษายน ทำไมถึงไม่จัดอบรมช่วงปิดเทอม จัดกิจกรรมนักเรียนช่วงปิดเทอม เดี๋ยวนี้กิจกรรมวันเด็ก วันสำคัญทางศาสนา ถ้าตรงเสาร์-อาทิตย์จะจัดวันธรรมดาหมด เดี๋ยวนี้ไม่มีครูที่ไหนอุทิศเวลาให้ทางราชการหรอก มีแต่จะหาโอกาสจัดกิจกรรมในวันธรรมดา หมดเวลารับเงินเดือนรับทุกวัน แต่เวลาทำงานจ้องหาแต่วันหยุด การศึกษาไทยถึงตกต่ำที่สุด
ปัญหาข้อที่ 6. งบประมาณผู้บริหารครู ผู้บริหารและครูรู้กัน หรือผู้บริหารต้องการเงินรายหัวเด็ก เด็กได้ไม่ครบ แต่จะโยกย้ายซิกแซกงาน อาคาร สถานที่จะไม่ถึงเด็ก ผู้บริหารโยกย้ายซิกแซกได้ งานบริหารทั่วไปจะไม่ถึงครู เด็กครูใช้งานบุคลากรจะไม่ถึง เด็กครูใช้ผู้บริหารใช้เที่ยวต่างประเทศ เงินอาหารกลางวัน เช่น โรงเรียนมีนักเรียน 100 คน คนละ 15 บาท ทางโรงเรียนบริหารจริงๆ เด็กได้รับประทานครบอาหารดี แต่มีบางโรงเรียนบริหารแบบครูกินกับเด็ก เงิน 1,500 บาท เด็กได้กิน 1,000 บาท ครูได้กิน 500 บาทต่อวัน ครูกินอะไรก็กินอาหารกลางวัน โดยใช้เงินของเด็ก หรือ 500 บาทนี้ ไปจ้างแม่ครัวมาทำงานแทนครู บางโรงเรียนไปขอใบเสร็จมาจากร้าน ร้านขอร้อยละ 10-20 โรงเรียนก็ยอม โรงเรียนทำใบส่งขอใบเสร็จไปทำเรื่องมาเบิกเงินใช้ทั่วไป ถ้าใช้สอยในโรงเรียนถึงเด็กบ้างก็ยังดี แต่บางโรงเรียนผู้บริหารเอาเข้ากระเป๋าไปใช้อะไรไม่รู้ ที่ไหนก็มีทุจริต โกง ครูไม่มีคุณธรรม แล้วสอนให้เด็กมีคุณธรรม ไม่รู้จักอายเด็ก ผีสางบ้างหรือ การศึกษาต้องลงทุน แต่ผลขาดทุนเพราะทุจริต
ปัญหาข้อที่ 7. ปัญหาจากเขตพื้นที่การศึกษา เศรษฐกิจ โครงการเพื่อขอจัดตั้งงบประมาณ นำเงินมาใช้ในการบริหารบุคลากรเป็นส่วนมาก และจะจัดอบรมบ่อยมากในวันธรรมดาเวลาราชการและเด็กจะได้ความรู้อะไรจากครู ครูจะเข้าอบรมเพื่อต้องให้เกียรติบัตร เป็นผลงานไว้เลื่อนวิทยฐานะ

ปัญหาข้อที่ 8 ปัญหาจากผู้บริหารระดับสูงกว่าเขตที่กำหนดนโยบายให้เขต โรงเรียน ปฏิบัติเพ้อฝันมาก คาดหวังสูงจนเด็กไม่ได้อะไรจากครู ครูก็โทษเด็ก ว่าดื้อไม่ตั้งใจเรียน ไม่ตั้งใจทำงาน ไม่รับผิดชอบ ครูและผู้บริหารก็โทษผู้ปกครอง ไม่ดูแลเอาใจใส่เด็ก สำนักงานเขตก็มองครูว่าสอนเด็กไม่ดี ต้องให้ครูไปอบรม ครูเขตก็มองผู้ออกข้อสอบไม่ดี เพราะเด็กแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกัน ครูสอนบางคนตั้งใจสอนเตรียมการสอนดี สอนดีครูบางคนป่วยทั้งปี ป่วยแล้วไม่ได้ลงเบิกค่ารักษาพยาบาล ได้แต่ไม่มีวันลา ครูบางคนนั่งสอนให้เด็กเรียนกับครูตู้ ครูนั่งคิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว ออกปล่อยเงินกู้ นั่งคิดแต่รายได้ ดอกเบี้ย และธุรกิจอื่นๆอีกหลายอย่าง ผู้บริหารจะออกจากโรงเรียนไปประชุมทั้งปี ไปราชการตลอด เข้าโรงเรียนสาย ออกก่อน โกหกหลอกครูน้อย อีกประเภทออกไปเอาใจนาย ผอ.เขต บริการทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง ขึ้นเงินเดือนอย่างออกนอกหน้า กฎ กติกา เกณฑ์เป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับใครเป็นพวกใคร ใครทำงานให้ใคร ปฏิรูปอย่างไรการศึกษาก็ไม่ดีขึ้น เพราะครูเหมือนนักการเมือง ครูเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เยาวชนไทยเป็นคนที่ไม่ดี ไม่มีคุณธรรม ครูเป็นส่วนหนึ่งที่เหมือนโจรปล้นชาติ ปล้นเงินภาษี เอาเปรียบประชาชน ผู้ปกครองเด็ก ยิ่งเทงบประมาณลงไปมากเท่าไหร่ ก็ทุจริตกันมากเท่านั้น ขอโทษครูที่ดีก็มี ไม่ดีก็มี ครูดีผู้บริหารดีจะไม่เจริญก้าวหน้า ครู ผู้บริหารที่ดีก็จะลาออกเข้าโครงการเกษียณออกหมด ครูผู้รักเอเอสทีวี รักทุกท่านที่ทำงานเพื่อเอเอสทีวี และเพื่อประชาชน ท้ายด้วยนะ กราบขอโทษครูที่ดีมีปัญญา ท่านไม่เดือดร้อนขอบูชาครูผู้มีพระคุณ

จินดารัตน์ - แอนเดาว่า ครูท่านนี้คงอึดอัดใจ เออร์ลีรีไทร์เลยนะคะ 58 ทนทำงานต่อไปไม่ไหว เป็นครูจาก จ.ฉะเชิงเทรา แอนขอสงวนนามนะคะ

สนธิ - อย่าไปพูดเลยครับ

จินดารัตน์ - ขอบพระคุณมากๆ เลยค่ะ

สนธิ - นี่ชัดเจนมั้ย

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ

สนธิ - ฟังแค่นี้แทบไม่ต้องพูดอีกแล้ว ว่าปัญหาการศึกษาอยู่ที่ไหน ปัญหาการศึกษาบ้านเราอยู่ที่กระทรวงศึกษาฯ ตัวเหี้ยเลย ขอโทษ ต้องใช้ภาษาหยาบๆ ผมถึงบอกไง ว่าถ้าเราเปลี่ยนประเทศ เราต้องยุบกระทรวงศึกษาฯ ให้มันเล็กที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ เพราะมันมีแต่ผู้บริหารที่บ้าอำนาจ อยากได้อำนาจ ผมพูดไว้ไม่ผิดนะ วันนี้พิสูจน์จากจดหมายฉบับนี้ ถ้าโรงเรียนลงท้องถิ่น ให้ประชาชนในท้องถิ่นเขาคุมกันเอง ครู ผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งผู้อำนวยการเขต เขตการศึกษา ไม่ต้องไปย้าย ไปลงโน่นลงนี่ลงนั่น เข้าใจมั้ย มันต้องอยู่ในจังหวัดนั้น

กมลพร - คนในชุมชนเขาจะกดดันเอง

สนธิ - คนในชุมชนจะกดดัน มันก็จะต้องแก่ เกษียณในจังหวัดนั้น เมื่อมันจะต้องเกษียณและตายในจังหวัดนั้น มันก็จะต้องทำงานให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดนั้นเขารักมัน และการทำงานที่ดีที่สุดก็คือดูแลลูกเขาให้ดีที่สุด ในเรื่องของคุณภาพการศึกษา ในเรื่องคุณธรรม ในเรื่องจริยธรรม แต่เมื่อใดก็ตามที่ขึ้นอยู่กับกระทรวงศึกษาฯ ก็อย่างที่จดหมายเขาบอกไง ออกไปประชุม แต่ที่แท้ไปบริการผู้อำนวยการเขตการศึกษา แล้วผู้อำนวยการเขตการศึกษาบริการใครล่ะ มันก็มาบริการรองอธิบดี อธิบดี หรือรองผู้อำนวยการ หรือผู้อำนวยการ มันต้องซอยมันให้เล็กที่สุด สลัดอำนาจของมันออกไป แล้วเอาภาคประชาชน เอาคนที่สนใจเรื่องการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบหลักสูตร อย่าให้มันไปนั่งคิด อย่าให้มันไปเจรจากับโรงพิมพ์ อย่าให้มันไปเจรจากับนักวิชาการในสังกัดมันที่จะเขียนตำราที่มันใช้ไม่ได้ เด็กเรียนแล้วโง่ เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้
นี่เขาพูดชัดเจนเลยนะว่าครูน่ะ รวยนะ ไม่ใช่ไม่รวย แล้วสหกรณ์ครู ที่บอกครูที่เป็นหนี้ ที่แท้มันกู้เงินไปซื้อรถ กู้เงินไปซื้อบ้าน กู้เงินไปซื้อที่

จินดารัตน์ - หารายได้พิเศษอีก แล้วซื้อรถไปอวดกัน

สนธิ - มันถึงไม่น่าประหลาดใจอยู่ดันกับ 8 ผมให้อันดับ 9 ไปแล้ว มีอะไรน่าประหลาดใจ ที่มันอายกัน ต่ำมากถึงแม้กระทั่งเขมรยังสู้ไม่ได้เลย อับอายขายหน้ามาก สมัยก่อนมีแต่คนต่างชาติเขมร ลาว ส่งคนมาเรียนในเมืองไทย อีกหน่อยเราต้องส่งคนไปเรียนที่เขมรกับลาวแทน อายเขาไหม

จินดารัตน์ - เมื่อก่อนเวียดนามส่งลูกหลานมาเรียนที่เอแบคเยอะ

สนธิ - เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว นึกดู แล้วภูมิใจเหลือเกินเออีซี เออีบ้าบอคอแตกของพวกมึง เอาแค่เด็กคนไทยให้อ่านออกเขียนได้ ผมนี่เรียนโรงเรียนฝรั่ง ผมเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ปีนั้นเป็นปีแรกที่อัสสัมชัญศรีราชา จะเริ่มมี ม.7 ม.8 ก็คือ ม.5 ม.6 สมัยนี้ สมัยก่อนมีแค่ ม.6 พอ ม.6 เด็กออกจากอัสสัมชัญศรีราชา ต้องไปเข้าอัสสัมฯ กรุงเทพฯ หรือเข้าเตรียมอุดมศึกษา เพื่อต่อ ม.7 ม.8 ปีนั้นเป็นปีแรกเลย เขาสร้างตึกขึ้นมาใหม่ เรียกว่าตึก เพรียวฟาน เป็นตึกสำหรับเด็ก ม.7 ม.8 ผมรุ่นแรกเลยนะ ปรากฏว่า ครูที่สอนผมเป็นบราเดอร์นักบวช เพราะผมเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ผมมีบราเดอร์ไมเคิล จบ ลอนดอน เป็นนักบวช สอนเคมี ฟิสิกส์ ผมมีบราเดอร์วิกตอเรีย สอนคณิตศาสตร์ และผมมีบราเดอร์แคร์แมน สอนภาษาอังกฤษ บราเดอร์ไมเคิลก็สอนประวัติศาสตร์ เก๋เชื่อไหม อัสสัมชัญศรีราชายุคนั้น เป็นโรงเรียนอินเตอร์แห่งแรกของประเทศไทย เพราะสอนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย บราเดอร์สอนเป็นภาษาอังกฤษหมดแอน

จินดารัตน์ - เป็นอินเตอร์ไปโดยปริยาย

สนธิ - โดยปริยาย และหนังสือที่เรียนเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ บราเดอร์วิคตอเรียสอน mathematics เป็นภาษาอังกฤษ บราเดอร์ไฮเด้นท์สอนประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ที่ผมเรียนเป็นประวัติศาสตร์ยุค Renaissance ผมเรียนเลโอนาร์โด ดาวินชี ผมเรียนไมเคิล แองเจโล ผมเรียนสงครามครูเสด คือมันเป็นประวัติศาสตร์ในช่วงศาสนาคริสต์ ก็ไม่เป็นไร แต่เราได้เรียนรู้ ปรากฏไอ้พวกผมที่จบมาพูดภาษาอังกฤษคล่องปรือเลย ยังดีกว่าเด็กจบปริญญาโททุกวันนี้ หรือเด็กไปจบปริญญาตรีที่อเมริกา ที่ไหนก็ตามที่มันไปเรียนและมันไปอยู่กับคนไทย นี่แค่เด็ก ม.5 ม.6 นะ คุณภาพยังต่างกันมหาศาล และเดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยในเมืองไทยมันหากินกับเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอ้ภาคอินเตอร์มันหลอกเด็ก

กมลพร - ค่าเทอมมันจะแพงกว่า

สนธิ - BUIC เอแบคงี้ แล้วเด็กก็บ้า มาจากบ้านไผ่ ขอนแก่น จบ ม.6 อยากเรียนเอแบค เพราะว่าอยากให้ภาษาดี เขาสอนเป็นภาษาอังกฤษ ปรากฏว่า แรกๆ ที่เปิดระบบอินเตอร์ก็เอาฝรั่ง อังกฤษมาสอน ออสเตรเลียมาสอน ไปๆ มาๆ ต้นทุนต้องการลด

กมลพร - ครูไทยสอน

สนธิ - เอานารายณ์ นารายณ์ อินเดียมาสอน เอาฟิลิปปินส์มาสอน เอาพม่ามาสอน เพราะฉะนั้นอินเดียเป็นอินเดีย พม่า ฟิลิปปินส์นี่นะเต็มไปหมดเลยตอนนี้ นี่คือ international college ระดับ university และไอ้เด็กไทยที่มันไปเรียนภาคภาษาอังกฤษค่าเรียนแพงฉิบแพง แม่งก็ได้รับการสอนภาษาอังกฤษที่มันผิดเพี้ยนไปหมดเลย ใช่ไหม โนโมระ... โนๆ นี่เรื่องจริงแอน

จินดารัตน์ - จริง ก็อินเตอร์ไงคะ international

สนธิ - ผมบอกว่าสงสารเด็กสมัยนี้จริงๆ และมันเท่นะ หนูเรียนไหน BUIC Bangkok University International College ทำไมถึงเรียน BUIC คะ อยากให้ภาษามันดี

กมลพร - ท่องกันเกือบตาย ตอนสอบ ท่องกันฉิบหายเลย

สนธิ - เก๋ ผมพูดถูกไหม

กมลพร - ถูก ไม่งั้นหนูจะหัวเราะเสียงดังขนาดนี้เหรอ พอมองย้อนหลังไปแล้ว มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

สนธิ - ค่าเล่าเรียนแม่งแพงโคตรๆเลย เทอมหนึ่ง 6-7 หมื่นได้ ทำเป็นเล่นไป บ้า เทอมหนึ่ง 6-7 หมื่น ปีหนึ่ง 2 เทอม ยังไม่รวมซัมเมอร์ ถ้ารวมซัมเมอร์ไป ค่าเทอมเกือบ 2 แสนต่อปี 4 ปีค่าเทอม ล้านนึง ยังไม่นับค่าใช้จ่ายต่อเดือนอีก ตีซะเดือนละ 20,000 เอา 4 ปีคูณ 4 ปีเรียน 2 ล้านกว่าบาท และจบมาก็....

กมลพร - จบมาเข้างานเงินเดือนครั้งแรก 8,000

สนธิ - ผมถึงบอกว่าไม่ไหวแล้วประเทศไทย มันไม่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ผมเห็น Contribute ที่มหาวิทยาลัยเอกชนมีต่อระบบการศึกษาเมืองไทย แต่ช่วงหลังมันเกินไป มันโขก ขูดรีด เอาเปรียบ นักเรียน นักศึกษา บนความไม่รู้ของพ่อแม่และเด็ก หลายต่อหลายวิชา ภาควิชาไม่ควรจะเกิดมา ยังเสือกจะเกิด อย่างเช่นภาควิชา การท่องเที่ยวและการโรงแรม ทุกคนหวังไว้เลยว่าจบแล้วจะต้องทำงานโรงแรมได้ ทุกคนมองความเท่ในการใส่เสื้อนอก แต่งตัวสวยๆ พูดภาษาอังกฤษ แต่จบไปทีไร แม่งจบลงไปด้วยการเนคนเสิร์ฟในห้องอาหาร เป็นเมท หรือว่าไปตั้งแผนก ภาควิชา Business English คือใช้ภาษาอังกฤษในวงการธุรกิจ หรืออีกนัยหนึ่งคือเลขาฯ ซึ่งมันแค่จบระดับ ปวส.ก็พอ Business Computers คือการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำธุรกิจ เป็นเลขาฯนั่นเอง ของพวกนี้ไม่ควรจะเป็นหลักสูตรปริญญาตรีเลยแม้แต่นิดเดียว เดี๋ยวนี้มาถึงขนาดธุรกิจการบินแล้ว เหมือนกับว่าถ้าเรียนจบภาคธุรกิจการบินแล้วจะต้องเข้าสายการบินได้อย่างแน่นอน และปรากฏว่าพอเข้าไม่ได้แล้วไปทำอะไรเป็น เพราะเรียนธุรกิจการบินแล้วมึงจะไปบินที่ไหน ผมถึงบอกว่าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่า วิชาไหน Area ไหนป๊อปปูล่าก็จะตั้ง Area นั้น มาเป็นภาควิชา แล้วก็ดึงดูดคนเข้าไป ไอ้เด็กจบ ม.6 ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว ธุรกิจการบินจบแล้วทำงานสายการบินได้เป็นแอร์ เป็นสจ๊วต สมัคร ถ้าจะมีข้อเสียคือมหาลัยวิทยาลัยเอกชนต้องแก้ตรงนี้ และที่สำคัญที่สุดมันลามไปจนถึงมหาวิทยาลัยรัฐแล้วนะ รัฐก็มีภาคแบบนี้แล้วนะ ภาควิชาแบบนี้ ผมไม่เข้าใจ เบสิกเรื่องที่จำเป็นจริงๆ ก็คือเรื่องของพื้นฐานการศึกษาคน ปรัชญา สังคมศาสตร์ สำคัญมาก พอจบแล้วถ้าอยากจะไปเข้าสาขาวิชาชีพไหนควรจะมีสถาบันที่สอนแค่ปีเดียว เฉพาะวิชาชีพนั้น Foundation ต้องแข็ง เป็น Foundation ที่ทำให้นักเรียนเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่มีความคิดความอ่าน ที่มีจริยธรรม ที่มีศีลธรรม ต้องตรงนี้ก่อนแล้วค่อยไปตรงนั้น มันพังหมดแล้วไงแอนการศึกษา เนี่ยอาจารย์คนนี้เขาพูดถึงระบบมัธยม ประถม ผมต่อเนื่องให้ถึงปริญญาตรี ปริญญาโท และประเทศไทยมันจะไปยังไง

จินดารัตน์ - มันโดนทำลายมาเป็น 10 ปีแล้วค่ะ

สนธิ - มันทำลายหมดเลย

จินดารัตน์ - หมดแล้วค่ะ

สนธิ - ไอ้สายวิทยาศาสตร์มันจะได้เปรียบ มันก็จะไปของมันแล้ว แต่ไอ้สาย Non-science มีปัญหา แม้กระทั่งสายหมอก็มีปัญหา เด็กพอเรียนจบหมอมันต้องต่อเฉพาะทาง ร้อยละ 70 โรงผิวหนัง

จินดารัตน์ - เพราะรวย

สนธิ - เพราะรวยแล้วมึงจะรอดอย่างไร เข้าใจยังแอน และนี่ไงประเด็นของการผลักดันที่ทำให้ผม ต้องต่อสู้ให้ปัญญาคน เพื่อเปลี่ยนประเทศให้ได้ เราเห็นอยู่แล้วว่า ประเทศจะตกเหว เห็นชัดๆ เลย ไปอย่างนี้การศึกษาแบบนี้ ตกเหวแน่นอน เราจะมีคนไทยที่เรียนจบ มีเด็กรุ่นหลัง มีลูกหลานเราจบมาแล้วห่วยแตก ไม่สามารถที่จะนำพาชาติบ้านเมืองเดินหน้าต่อไป และปูพื้นฐานให้กับลูกหลานรุ่นหลังเขาต่อไป เพราะมันเต็มไปด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา

จินดารัตน์ - สุดท้ายมันก็โยงไปถึงการเมือง การเมืองมันถึงเป็นแบบนี้

สนธิ - เวลาเผอิญหมด ไม่งั้นจะต่อ หรือเราจะพูดถึงตี 2

กมลพร - เอาจริงหรอคะ

สนธิ - ขอลาแค่นี้พอดีกว่า

จินดารัตน์ - จริงหรือคะแค่นี้ บางคนเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้วค่ะ

กมลพร - แต่ว่ากำลัง งวดหน้าสัปดาห์หน้าต้องพลาดไม่ได้ เรื่องของสถานการณ์ในต่างประเทศ คุณสนธิเป็นคนหนึ่ง ซึ่งเก่งพูดกับพี่ใหม่ว่า เสียดายถ้ามีเวลา คุณสนธิจะฉายภาพอย่างซีเรีย อย่างยากๆ ที่มันซับซ้อนทางการเมืองแบบนี้ ให้เราได้เข้าใจได้ง่ายๆ เสียดายเนอะ

จินดารัตน์ - สัปดาห์หน้ามาใช่ไหม

สนธิ - มาครับ

จินดารัตน์ - เดี๋ยวสัปดาห์หน้ามาอีก

กมลพร - ดูได้ทางทีวีก็ได้นะคะ

จินดารัตน์ - ขอบคุณนะคะ สำหรับการติดตามชม และขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับอาจารย์ท่านนี้ ที่ส่งจดหมายมา สำหรับวันนี้ก็ได้พูดแทนใจเราหมดแล้ว เราจะกลับมาพบกันสัปดาห์ มีอะไรอยากฝากถึงกัน เข้าไปในหน้าแฟนเพจก็ได้นะคะ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และฝากข้อความไว้

สนธิ - วันนี้ก็กู๊ดบาย กู๊ดบ้าย

จินดารัตน์ - ขอให้หลับฝันดีนาจ๊ะ

สนธิ - ชอบเลียนแบบอาจารย์อินเดีย

จินดารัตน์ - ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ/ครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น