“เด็จพี่” ตอก “อภิสิทธิ์-จุรินทร์” อุ้ม “น้องเทือก” ขว้างเก้าอี้ โยนบาปรัฐฯ ปิดปาก ชี้แทนที่จะติงลูกพรรคสร้างวีรกรรม ย้ำ ส.ส.ยึดคุณธรรม โยงผิดข้อบังคับอื้อ ทั้งอาฆาตมาดร้าย-ต้องสำรวมกิริยา จี้ ปชป.สอบในพรรค เล็งชงเลขาฯ สภา ฟ้องค่าเสียหาย พร้อมยื่น ปธ.สภาฯ สอบพฤติกรรม “มาร์ค” วอนม็อบยางอย่าทำผิด กม.เป็นเหยื่อการเมือง รอฟัง รบ.แก้ปัญหา ส.ส.อุบลฯ ยัน ช่วยทั้งยาง-ข้าว ย้ำปิดภิปรายเป็นสิทธิ
วันนี้ (6 ก.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์เดียวกันว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ ส.ส.พรรประชาธิปัตย์ แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ปรากฎว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ได้ให้สัมภาษณ์ในลักษณะอุ้มการกระทำของนายเชน และโยนบาปให้รัฐบาลว่าปิดปากฝ่ายค้านทำให้ต้องแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว แทนที่จะไปตำหนิลูกพรรคของตัวเองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมซ้ำซาก เพราะที่เป็น ส.ส.ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม ทั้งนี้ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นถือเป็นการผิดข้อบังคับข้อ 6-11 ข้อ 15 โดยเฉพาะข้อ 16 ที่ ส.ส.และกรรมาธิการฯต้องไม่แสดงการข่มขู่ อาฆาตมาดร้าย ใช้กำลังประทุษร้ายต่อบุคคลอื่น และข้อ 26 ที่สมาชิกต้องสำรวมกิริยาวาจา และเคารพสถานที่
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องตั้งคณะกรรมการจริยธรรมภายในพรรคสอบสวนเรื่องนี้ หรืออย่างน้อยต้องออกมาขอโทษประชาชนและ ส.ส. แต่กลับให้ท้าย ตนจึงจำเป็นต้องยื่นขอให้ประธานสภาฯ สอบสวนและลงโทษทางจริยธรรมต่อนายเชน พร้อมกันนี้ในวันนี้ (6 ก.ย.) จะยื่นหนังสือให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของรัฐสภา ตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของนายเชน เพื่อให้เลขาธิการสภาฯ และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่างไม่ใช่ปล่อยให้ผ่านเลยไปเหมือนที่ผ่านมา ส่วนในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นให้ประธานสภาฯตรวจสอบพฤติกรรมนายอภิสิทธิ์ ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 5 ประเด็นคุณสมบัติของ ส.ว.
นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลผลักดันให้ราคายางขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 120 บาทในเวลานี้ว่า ขณะนี้มีเหตุการณ์ที่มีผู้เผาทำลายรถยนต์ของสื่อมวลชนทั้งเดลินิวส์ และสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตามข่าวปรากฏว่ามีขบวนการยั่วยุให้ผู้ชุมนุมกระทำการดังกล่าว ดังนั้นตนเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมีความเข้าใจชาวสวนยางที่ยางมีราคาตกต่ำ ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้ส่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีและคณะลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรชาวสวนยาง จึงอยากขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมอย่าก่อเหตุการณ์ที่ผิดกฎหมาย เพราะเมื่อผู้ชุมนุมก่อเหตุที่ผิดกฎหมายแล้ว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็จะไม่รับผิดชอบต่อเหตุดังกล่าว ซึ่งตนเกรงว่าจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ดังนั้นตนจึงอยากให้ชาวสวนยางอดใจรอว่ารัฐบาลจะบูรณาการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรและขออย่าให้ผู้ชุมนุมตกเป็นเหยื่อทางการเมืองที่หวังจะล้มรัฐบาล
ทางด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวในกรณีเดียวกันว่าในพื้นที่เขตที่ตนดูแลก็มีสวนยางเป็นจำนวนมาก แต่ตนได้เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่จนชาวบ้านเข้าใจถึงคงมาตรการที่รัฐบาลกำลังช่วยเหลือชาวสวนยาง ที่จะทำให้ราคายางเพิ่มขึ้นอีกกิโลกันมละ 6 บาท ซึ่งจากการที่ฝ่ายค้านได้กล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ช่วยแต่ชาวนานั้น แต่ไม่ช่วยชาวสวนยางนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะตนเชื่อว่าคนทุกภาคในประเทศต้องกินข้าว ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาช่วยหนุนในโครงการรับจำนำข้าวนั้นคนทุกภาคก็ได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นจึงขอให้เลิกวาทกรรมแบ่งแยกภาคได้แล้ว ส่วนที่พรรคฝ่ายค้านได้พยายามโจมตีการทำงานของประธานรัฐสภาและส.ส.พรรครัฐบาลว่าใช้กระบวนการปิดปากและเสียงข้างมากลากไปนั้น ตนเห็นว่าก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากทางประธานรัฐสภาเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายในประเด็นต่างๆ นานพอสมควรแล้ว ซึ่งถ้าเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายอีกสมาชิกผู้อภิปรายคนอื่นๆ ก็ยังคงอภิปรายในเนื้อหาเดิมๆ ที่ซ้ำซาก ทั้งที่รัฐบาลก็ได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว ดังนั้น ตนเห็นว่าการที่สมาชิกบางคนได้เสนอปิดอภิปรายนั้นถือเป็นการใช้สิทธิตามข้อบังคับไม่ได้เป็นการปิดปากสมาชิกพรรคฝ่ายค้านแต่อย่างใด