วุฒิสภาประชุมนัดพิเศษ ถอดถอน อดีต รมว.ไอซีที และอดีตปลัดไอซีที พ้นเก้าอี้ หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลผิดอาญา ม.157 อนุมัติแก้สัญญาสัมปทานเอื้อชินคอร์ป กำหนดวันแถลงสำนวนและคัดค้าน 16-17 ก.ย.นี้ “หมอเลี้ยบ” โผล่ส่งเอกสารเพิ่ม 7 รายการ อ้างหลักฐานใหม่ทำรัฐได้เงินเพิ่มขึ้น ขณะที่ ผช.เลขาฯ ป.ป.ช.ชี้บางเล่มเรื่องเดิม ก่อนที่มติที่ประชุมเห็นชอบประกอบการพิจารณา ด้านช่างภาพพบผู้ทรงเกียรติแอบดูรูปโป๊ เห็นถึงอวัยวะเพศหญิงด้วย
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และนายไกรสร พรสุธี อดีตปลัดกระทรวงไอซีที ออกจากตำหน่งตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่ามีความผิดทางอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จากกรณีที่ดำเนินการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทาน โครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ
โดยที่ประชุมได้มีมติกำหนดวันแถลงสำนวนของผู้กล่าวหาคือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และแถลงคัดค้านของ นพ.สุรพงษ์ และนายไกรสร ผู้ถูกกล่าวหา ในวันที่ 17 ก.ย.พร้อมกับกำหนดให้ ส.ว.ส่งข้อซักถามกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาภายในวันที่ 16 ก.ย.
ทั้งนี้ นายสุรชัยได้กำชับสมาชิกเมื่อเข้าสู่กระบวนการต้องยึดข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อ 127 อย่างเคร่งครัด โดยจะต้องระมัดระวังในการวิพากษ์วิจารณ์ต่อสาธารณะ ซึ่งการดำเนินคดีหรือคำพยานหลักฐานของฝ่ายใดในลักษณะที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นกลางในคดี การให้ความเห็นต่อสาธารณะว่าจะลงมติเช่นไร การให้ความเห็นในหมู่สมาชิกที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงแห่งคดี หรือเป็นการวิพากษ์โดยไม่เที่ยงธรรมซึ่งกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดี การชักจูงหรือชี้แนะให้สมาชิกมีมติไปในทางที่เสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของการเป็นสมาชิก
ต่อมา นพ.สุรพงษ์ และนายไกรสร ได้เสนอเอกสารและข้อมูลเพิ่มเติมให้กับวุฒิสภาจำนวน 7 รายการ เช่น รายงานงบการเงินของบริษัทชินคอร์ประหว่างปี 2548-2555 และ เอกสารการที่ระบุถึงการนำส่งรายได้ของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) ให้กับกระทรวงไอซีทีเกี่ยวกับการบริหารกิจการดาวเทียมไทยคมระหว่าง 2548-2555 เป็นต้น
นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเสนอเอกสารดังกล่าวให้กับที่ประชุมวุฒิสภาเพิ่มเติมเพราะเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยส่งให้ ป.ป.ช.มาก่อน ซึ่งล้วนเป็นเอกสารที่แสดงให้เห็นว่าการแก้ไขสัญญาสัมปทานนั้นได้ช่วยให้ไอซีทีได้รับรายได้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่ได้ทำให้รัฐเสียหายตามที่ ป.ป.ช.กล่าวหาแต่อย่างใด
ขณะที่นายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่า ขอคัดค้านการส่งเอกสารเพิ่มเติมดังกล่าวของ นพ.สุรพงษ์ เพราะเป็นเอกสารหลักฐานที่ไม่ได้ปรากฎอยู่ในสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม มีเอกสารบางรายการที่ นพ.สุรพงษ์และนายไกรสร ได้ส่งมาให้ ป.ป.ช.พิจารณาเพื่อขอความเป็นธรรม แต่ ป.ป.ช.ได้มีความเห็นว่าเอกสารดังกล่าวไม่ได้เป็นพยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด ซึ่งเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตามมาตรา 44 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเสียงข้างมากเห็นชอบกับเอกสารจำนวน 7 รายการตามที่ นพ.สุรพงษ์ และนายไกรสร เสนอเข้ามาให้วุฒิสภาประกอบการพิจารณา จากนั้นนายสุรชัย สั่งปิดประชุมในเวลา 11.48 น.
มีรายงานว่าในช่วงที่มีการพิจารณา ได้มีช่างภาพถ่ายภาพวุฒิสมาชิกรายหนึ่งกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือพร้อมดูภาพหญิงสาวถ่ายเปลือย ซึ่งเห็นอวัยวะเพศชัดเจนด้วย ทั้งนี้พบว่าสมาชิกคนดังกล่าวคือ นายภิญโญ สายนุ้ย ส.ว.กระบี่
ภายหลังจากที่ตกเป็นข่าว นายภิญโญ เปิดเผยถึงกรณีภาพอื้อฉาว ว่า ภาพที่ดูไม่ใช่รูปโป๊อย่างที่เป็นข่าว แต่เป็นการดูรูปหลานสาวของตนเอง อีกทั้งตนเองใช้เวลาดูรูปภาพเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น จึงอยากให้ช่วยแก้ข่าวดังกล่าวให้ เพราะไม่ทราบภาพหลุดออกไปได้อย่างไร
ทั้งนี้ตนเองจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าไม่ได้กระทำอย่างที่ข่าวกล่าวอ้าง
ภาพโดย ช่างภาพแนวหน้า