“อภิสิทธิ์” รับตกใจ “เชน เทือกสุบรรณ” ทุ่มเก้าอี้ในสภา รับไม่เหมาะสม แต่ขอให้ดูที่ต้นเหตุ เกิดจากเสียงข้างน้อยถูกปิดปาก สะท้อนปัญหาชาวสวนยางไม่ได้ ทั้งที่เดือดร้อนหนัก ยัน 90% ให้ความร่วมมือรัฐบาล แต่ไม่ยอมให้ทำลายระบบ ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง รวบอำนาจ ทำลายประเทศ ย้ำจะสู้ทั้งในและนอกสภาตามกรอบกฎหมาย ย้ำแม้แพ้เสียงในสภา แต่ต้องเป็นกระบอกเสียงสะท้อนปัญหาแทนประชาชน กระตุ้นรัฐแก้เศรษฐกิจ-ของแพง ชี้เงินกู้ 2 ล้านล้านสร้างหนี้ 50 ปี เฉ่งรัฐบาลจงใจแบ่งแยกประชาชนตามรอย “นช.แม้ว” ยกเรื่องข้าวเทียบยางพารา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในโครงการ “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน” หัวข้อ “ก้าวไปด้วยกันรู้เท่าทัน สถานการณ์บ้านเมืองเรื่องของเรา” ด้วยการเริ่มต้นอธิบายถึงการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านและฝ่ายบริหารเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนและประเทศชาติ แต่ในฐานะฝ่ายค้านตนรู้สึกว่าสังคใยังไชัดเจนว่าจะให้ฝ่ายค้านทำอะไร บางคนยังปรารภกับตนว่าไม่เรียกฝ่ายค้านได้ไหมเพราะทำให้มีความรู้สึกไม่ดี ต้องค้านทุกเรื่อง โดยเฉพาะการเมืองในปัจจุบันที่มีการแบ่งขั้วขัดแย้งมากขึ้น เมื่อเกิดความวุ่นวายในสภาตำรวจลาก ส.ส.ออกจากห้องประชุม มี ส.ส.ทุ่มเก้าอี้ในสภา ไม่มีใครอยากเห็น ไม่ควรเกิด แต่ต้องดูว่าเกิดเพราะอะไร มีสาเหตุมาจากอะไร แต่เราเป็นฝ่ายค้านไม่มีกลไกระบบราชการ หรือ สื่อสารมวลชนได้ใกล้ชิดเหมือนรัฐบาล ทำให้ประชาชนรับทราบข้อมูลด้านเดียว ตนได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอเวลาครึ่งหนึ่งของรายการนายกให้ผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชนแต่ถูกปฏิเสธ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของประเทศคือ การทุจริตคอร์รัปชัน และการศึกษาที่ไทยรั้งท้ายในอาเซียน ทั้งๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการได้รับการจัดสรรงบประมาณมาก แต่กลับมีปัญหาด้านคุณภาพการศึกษา ขณะที่การทุจริตเป็นความสูญเสียของประเทศ มีการเรียกเก็บค่าหัวคิวในโครงการต่างๆ 30-50% ตนจึงอยากย้ำถึงบทบาทฝ่ายค้านและสถานการณ์ที่อยู่ในความสนใจ เพราะเรามีหน้าที่นการตรวจสอบถ่วงดุล เพราะสภาพความจริงคือคนคิดไม่เหมือนกัน ตนท้าว่ามีประเทศไหนหรือในครอบครัวคิดตรงกันหมดหรือไม่ เป็นธรรมดาที่มีความเห็นแตกต่างหลากหลาย การปกครองจึงต้องคิดหาระบบให้บ้านเมืองเดินได้ทั้งๆ ที่คนคิดไม่เหมือนกันเป็นที่มาของประชาธิปไตยให้ทุกคนมีตัวแทน ฝ่ายเสียงข้างมากกำหนดทิศทางการเดินของประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงข้างมากจะทำอะไรก็ได้ โดยเสียงข้างน้อยไม่มีสิทธิมีเสียง เพราะนั่นไม่ใช่ประชาธิปไตย
ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวด้วยว่า สังคมจะปรองดองได้คือการยอมรับความหลากหลายและเปิดให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ฝ่ายค้านเป็นตัวแทนประชาชนสะท้อนความคิดเห็น เราไม่ได้ค้านทุกเรื่องในยามที่เกิดวิกฤค เช่นน้ำท่วม ตนให้นโยบายกับ ส.ส.ว่าอย่าสร้างความขัดแย้งให้ไปช่วยประชาชน หลังน้ำลดรัฐบาลผิดพลาดอะไรมาว่ากัน เหมือนเรื่องภาคใต้ละเอียดอ่อนตนทราบว่ามีปัญหาแต่บางเรื่องไม่พูดเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ ที่ผ่านมาการพิจารณากฎหมาย 90% ฝ่ายค้านให้ความร่วมมือกับรัฐบาล มีเพียงแค่บางเรื่องที่ค้านด้วยการทำหน้าที่ตามขอบเขตรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับของรัฐสภา แต่ก็เคยมีคนคิดว่าไม่ต้องมีฝ่ายค้านได้ไหม ถ้าไม่มีฝ่ายค้านก็จะหมายความว่า คนจำนวนมากจะไม่มีตัวแทนเลยและการเป็นฝ่ายค้านไม่ได้พูดแทนเสียงข้างน้อย เพราะตนมั่นใจว่าประชาชนต้องการให้แก้ปัญหาปากท้องก่อนแก้รัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลก็จะแก้รัฐธรรมนูญก่อน ถ้าฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่เสียงที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็จะไม่ได้สะท้อนสู่สังคมเลย
นอกจากนี้ เรามีหน้าที่ท้วงติงให้รัฐบาลทบทวนในเรื่องที่จะสร้างปัญหาให้กับประเทศ เช่น การจำนำข้าวที่ทำให้เงินสูญเสียหลายแสนล้าน ส่งออกไม่ได้ และทุจริตคอร์รัปชั่นทำให้อนาคตข้าวไทยน่าเป็นห่วง อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องยางพาราด้วย ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านเตือนรัฐบาลมาแล้วทั้งสิ้น แต่การถกเถียงด้วยเหตุผลอาจถูกมองว่าเป็นการทะเลาะกัน เราต้องเข้าใจว่านี่คือสังคมประชาธิปไตยและเราต้องเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ตนยืนยันว่าจะขับเคลื่อนทั้งในและนอกสภาโดยไม่ละเมิดสิทธิใคร แต่พวกที่มาขัดขวางคือผู้ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ในฐานะนักการเมือง ส.ส.จะทำงานนอกสภา ไม่ยุให้เผา ฆ่า ปาระเบิด ต้องอยู่ในขอบเขต
ทั้งนี้ ในสภาเราพยายามใช้สิทธิตามขอบแขตแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะไม่มีการปฏิบัติตามข้อบังคับและเจตนารมณ์ โดยมักจะเกิดในช่วงที่มีการพิจารณาเรื่องใหญ่ประเทศเสียหาย การคัดค้านก็รุนแรงหน่อย แต่ปัญหาที่สภาวุ่นวายเพราะฝ่ายค้านถูกจำกัดสิทธิ ไม่ให้อภิปรายจึงเกิดการประท้วงประธานในที่ประชุม ยืนกันทั้งพรรค เมื่อยืนแล้วประธานต้องให้สิทธิ แต่ประธานกลับให้ตำรวจรัฐสภามารวบ ส.ส. และที่นายนิพิฏฐ์อินทรสมบัติ ที่นั่งอยู่ในห้องยืนขึ้นกำลังจะลุกไปห้องน้ำก็โดนรวบตัว ส.ส.ก็เข้าไปช่วย
“ผมตกใจที่เห็นนายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมาทุ่มเก้าอี้ในสภา เพราะมีความอึดอัดในฐานะตัวแทนประชาชนที่มีปัญหาด้านยางพาราแต่เมื่อถูกปิดปากไม่ให้พูดจึงมีอารมณ์ ขอประชาชนอย่าเบื่อหน่ายการเมือง ให้ดูว่าสาเหตุความขัดแย้งคืออะไรและทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาธิปไตยเติบโตและเดินไปข้างหน้า”
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพง ซึ่งรัฐบาลแก้ไขได้ เช่น ค่าไฟ ค่าแก๊ส เพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลจะกำหนด สมัยตนเป็นนายกฯมีหลักคิดส่าแก๊สเป็นทรัพยากรของประเทศประชาชนต้องได้ใช้ในราคาถูก เพราะคงไม่มีใครจุดแก๊สเล่น และถ้าแก๊สขึ้นราคาทุกอย่างจะขึ้นตามเพราะต้นทุนสูงขึ้น ตนเห็นข่าวแล้วน่าเศร้ามากนักเรียนบอกว่ากินไม่อิ่ม แม่ค้าตักข้าวให้น้อยลงเพราะของแพงขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องคิด เช่น ไข่ไก่หน้าฟาร์มตอนนี้อยู่ที่ 3.50 บาท สวนทางกับอาหารสัตว์ที่ปรับราคาลดลง และไม่ตรงกับที่รัฐบาลเคยพูดก่อนหน้านี้ไข่แพงเพราะอากาศร้อน ตอนนี้จะบอกว่าไข่แพงเพราะฝนตกหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีการใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือย เช่น นาฬิการาคา 75,000 บาทที่นำมาติดในสภา และรัฐบาลยังเตรียมกู้เงินอีก 2 ก้อน คือ 3.5 แสนล้านอ้างว่าจะบริหารไม่ให้น้ำท่วม โดยขอเป็นกฎหมายเร่งด่วนเมื่อสองปีที่แล้วอ้างว่าระบบงบประมาณปกติจะล่าช้า แต่ผ่านมาเกือบสองปีก็ยังไม่ได้เริ่มต้นทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ แต่เอาเข้าจริงปลายน้ำไม่ได้แม้แต่บาทเดียว เพราะไปทำลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนและภาคเหนือตอนล่าง โดยที่ชาวบ้านก็ยังไม่เห็นด้วย แต่เอาผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาดำเนินการ
ผู้นำฝ่ายค้านฯ เปรียบเทียบกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทว่า เทียบเท่ากับงบประมาณ 1 ปี โดยมีการทำรถไฟความเร็วสูงอย่างเดียวประมาณ 1 ล้านล้าน ถามว่าจะค้มค่าหรือไม่ หากนำเงินจำนวนดังกล่าวมาทำการศึกษา สาธารณสุข ทำถนน จะคุ้มค่ากว่าหรือไม่ และนอกจากนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงยังไม่มีการศึกษาความคุ้มค่าเลยแตกต่างจากรัฐบาลของตนที่จะทำเพื่อเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่รัฐบาลเปลี่ยนเส้นทางทำ กทม.-เชียงใหม่ กทม.-โคราช และ กทม.-หัวหิน ด้วยการใช้เงินกู้รวมดอกเบี้ย 5 ล้านล้านบาท ใช้หนี้ 50 ปี และราคาค่าโดยสาร กทม.-เชียงใหม่แพงกว่าค่าเครื่องบินของสายการบินต้นทุนต่ำ ซึ่งจะทำให้ประสบภาวะขาดทุนเพราะมีผู้ใช้บริการน้อย
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการแก้ไขที่มาส.ว.ย้อนไปเหมือนปี 40 ที่เคยเกิดปัญหา และยังทำเพื่อให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก โดยแก้ไขข้อห้ามจากที่รัฐธรรมนูญปี 50 ปิดช่องไว้ แต่ตอนนี้สามี ภรรยา ลงได้หมด รวมทั้งยังมีกฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งตนบอกมาตลอดว่าทำได้แต่ต้องทำเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยลืมๆ กันไป จึงไม่ใช้บ่อยแต่จะใช้ในสถานการณ์พิเศษ ในประเทศไทยก็จะทำต่อเมื่อทุกฝ่ายเห็นแล้วว่าต้องเลิกทะเลาะกันแต่วันนี้ถ้านิรโทษกรรมคนเสื้อแดงเขาจะถอดเสื้อแดงแล้วบอกไม่มีเสื้อแดงหรือไม่ และยังนิรโทษกรรมความผิดอาญา ฆ่าคน เผาเมือง คนโกง เราไม่เห็นด้วยเพราะทำลายหลักการของบ้านเมือง ถ้ากฎหมายนี้ออกมานางนิชา ธุวธรรม ภริยา พล.อ.ร่มเกล้า จะไม่มีสิทธิเรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้นต่อการเสียชีวิตของสามีในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เพราะคนทำผิดจะได้รับการนิรโทษกรรมไปแล้ว ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้มีความพยายามแบ่งแยกประชาชน กรณีสวนยางพารากับข้าวที่รัฐบาลช่วยข้าว 15,000 บาท ไม่สนราคาตลาดโลก แต่ชาวสวนยางพารารัฐบาลบอกแทรกแซงไม่ได้ต้องเป็นไปตามกลไกตลาดโลก ทำให้เกิดความร้อนแรงในสังคม และยังมีการพูดของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ว่าจะไม่สร้างศูนย์ประชุมฯภูเก็ตจนกว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทยก่อน ซึ่งเป็นไปตามรอยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่เคยพูดในขณะดำรงตำแหน่งนายกฯว่าจังหวัดไหนเลือกพรรคไทยรักไทยต้องดูแลก่อน แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเลือกปฏิบัติช่วยเหลือประชาชนไม่ว่าจะเลือกหรือไม่เลือกพรรคก็ตาม