สภาป่วนกลางดึกหลัง “บุญยอด” กล่าวหารอง ปธ.สภานั่งสัปหงกไม่ฟังอภิปราย ก่อน “นิคม” รวบรัดให้ลงมติปิดอภิปรายมาตรา 5 ตาม ส.ส.เพื่อไทยเสนอ ท่ามกลางเสียงฝ่ายค้านรุมจวกยับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วมกันของรัฐสภาในช่วงค่ำวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ยังคงพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 5 ประเด็นที่มาของ ส.ว.วาระที่ 2 ซึ่ง ส.ส.ฝ่ายค้านและ ส.ว.บางส่วนยังย้ำจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขของกรรมาธิการ ถึงคุณสมบัติของ ส.ว.ที่ให้เปิดโอกาสให้บุพการี สามี-ภรรยา และบุตรของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งให้ ส.ส.สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้โดยไม่ต้องเว้นวรรค 5 ปี
จนกระทั่งเวลา 22.10 น. นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.สิงห์บุรี พรรคเพื่อไทย เสนอให้ปิดอภิปราย แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาเคยวินิจฉัยแล้วว่าญัตติปิดอภิปรายนั้นไม่สามารถทำได้ และขอให้นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา พักการประชุมและกลับไปดูคำวินิจฉัยของนายสมศักดิ์ก่อน
อย่างไรก็ตาม นายนิคมได้ให้ที่ประชุมลงมติ ท่ามกลางการประท้วงของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และส.ว.บางส่วนที่พยายามตะโกนบอกว่าไม่สามารถรวบรัดลงมติได้ เพราะจะขัดรัฐธรรมนูญ และส.ส.ส่วนหนึ่งได้เดินไปที่หน้าบัลลังก์ แต่นายนิคมยังเดินหน้าให้ลงมติปิดอภิปราย ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นด้วยให้ปิดอภิปรายด้วยคะแนน 316 ต่อ 3 เสียง และสั่งพักประชุมในเวลา 22.25 น. ท่ามกลางเสียงตะโกนต่อว่าของ ส.ส.ฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกันนี้ เมื่อเวลา 20.45 น. ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ได้ตำหนินายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ขณะอภิปรายว่ากล่าวหาว่าตนเองนั่งสัปหงกขณะขึ้นทำหน้าที่ประธานทำให้ตนเสียหาย คนอย่างตนฆ่าได้หยามไม่ได้ ขออย่าได้พูดถือใส่ร้ายเช่นนี้อีก แต่นายบุญยอดไม่สนใจคงอภิปรายต่อ
ทำให้ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ส.ว.มุกดาหาร ลุกขึ้นประท้วงว่า อย่ากล่าวหาประธานวุฒิสภาของตนโดยไม่เป็นความจริง พร้อมเสียงโห่หลุดออกมาดังลั่นว่า “ตุ๊ด” ส่งผลให้นายบุญยอดกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ขอให้สมาชิกที่พูดกล้าแสดงตัว
“คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยก็รู้จักผมดีว่าเป็นอย่างไร” แต่ปรากฏว่านายจิรายุตอบทันควัน “ผมก็ไม่แน่ใจครับ” ยิ่งทำการชุมนุมตึงเครียดมากขึ้น ในที่สุด จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ก็ยอมรับว่าเป็นคนพูด ขณะที่นายกุลเดช พัวพัฒนากุล ส.ส.อุทัยานี พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงกลับอีกว่าถ้าผมจะพูดบ้างว่า ถ้าจ่าประสิทธิ์หัวเป็นเชื้อรา ขี้กลากกินหัวจะเป็นอย่างไร ในที่สุดนายนิคมได้ไกล่เกลี่ยให้นายบุญยอดได้อภิปรายต่อ