จ้างโทนี แบลร์ มาด่าตัวเอง !!

เกาะกระแส

00 สรุปจนถึงวันนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ยังยืนยันที่จะช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์ม ด้วยการช่วยค่าปุ๋ย จะสร้างโรงงานแปรรูปเพิ่มมูลค่า ส่วนเรื่องราคาประกันตามที่เรียกร้องก็เซย์โน ยืนยันอย่างเดิมว่า "ต้องเป็นไปตามกลไกตลาด" นั่นคือ ราคาไม่เกิน กก.ละ 80 บาทขาดตัว พอได้ฟังแบบนี้มันก็ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่า พวกนี้ "มันโง่กันทั้งรัฐบาล" จริงๆ และสะท้อนให้เห็นว่า คนพวกนี้ไม่สมควรที่ให้รับผิดชอบงานใหญ่ได้เลย เพราะสิ่งที่พูดไม่ว่าจะเป็นเรื่องปุ๋ยที่ความหมายก็คือ เป็นการ "ลดต้นทุน" ให้กับชาวสวนชาวไร่ รวมทั้งชาวนาด้วย หรือแม้แต่การสนับสนุนให้ตั้งโรงงานแปรรูปเพิ่มมูลค่า มันก็สมควรทำมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาหูตาเหลือก มาคิดเอาตอนนี้

00 ทั้งรมว.เกษตรฯ ยุคล ลิ้มแหลมทอง ไม่รู้ว่าตัวเองรู้แต่เรื่องสัตว์หรือเปล่า เพราะเรียนรู้มาแต่เรื่องแบบนี้เติบโตมาจากกรมปศุสัตว์มาตลอด แต่อย่างอย่างน้อยเมื่อจบปริญญาตรีมาได้ มันก็ต้องมีสติปัญญาอยู่บ้างแหละน่า ไม่ต่างจาก กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็นหัวหน้าทีมในการเจรจากับตัวแทนม็อบ คำถามก็คือ ทำไมถึงปล่อยให้ชาวสวนเขาต้องปิดถนนกดดันจนยืดเยื้อนานกว่าสองสัปดาห์ คิดว่าตอนแรกใช้วิธีสั่งให้ใช้กำลังตำรวจเข้าสลายแบบง่ายดายเหมือนกับ “ม็อบเสธ.อ้าย”พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แต่เมื่อมาเจอกับม็อบในพื้นที่ ที่ชาวบ้านเขาเดือดร้อน "แบบเลือดเข้าตา" ตายเป็นตาย ก็ต้องล่าถอยกลับไป หรือจากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้ "วิชามาร" สร้างความแตกแยกในพื้นที่ กะให้สังคมภายนอกกดัน แต่ก็ยังไม่ได้ผล และกลายเป็นเป็นว่า แรงกดดันสะท้อนกลับมารัดคอรัฐบาลเองนั่นแหละ เพราะ "ลอยแพ" พวกเขา ทำเหมือนคนพวกนี้ไม่ใช่คนไทย แค่อ้างว่า "เป็นม็อบการเมือง" แล้วไม่ดูดำดูดีเลย ผ่านมาตั้งกี่วันแล้ว เพิ่งมีการเจรจากันเป็นเรื่องเป็นราวในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่แหละ

00 เป็นไปตามคาดหมาย เมื่อชาวบ้านมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ "แม่นางนายกฯ" ก็ต้องมีอันเป็นไปต่างประเทศ หรือเฉไฉไปราชการที่อื่นอยู่เสมอ คราวนี้ก็เหมือนเดิม ไปเมืองจีน อ้างว่าไปประชุมการค้าในกลุ่มอาเซียนอะไรนั่น กลายเป็นนายกฯ ที่เดินทางปต่างประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่า ต้องมีค่าใช้จ่ายมากที่สุดตามไปด้วย แต่ถามว่ามีอะไรติดมือกลับมา หรือมีการลงนามสัญญาทางการค้าอะไรที่เป็นรูปธรรมบ้าง นอกจากข่าวคราว "อื้อฉาว" มีวาระซ่อนเร้น ทับซ้อนกับผลประโยชน์ของ พี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น !!

00 อยู่ทางนี้ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นั่งหัวโต๊ะประชุมครม.แทน นำวาระเรื่องยางพาราเข้าไปถก แต่ก็ยังเหมือนเดิม คือต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ความหมายคือ “ลอยแพ”ไปตามยะถากรรม แต่ขณะเดียวกัน นำเรื่องจำนำข้าวอุ้มชาวนารับประกันราคาเกวียนละ 15,000 บาท สำหรับนาปี ส่วนาปรังลดลงมาเหลือ 13,000 บาท อย่างนี้ไม่ต้องสนใจกลไกตลาด เพราะตั้งใจจะอุ้ม “ตั้งใจจะขาดทุน”ล่วงหน้า จะทำไม หือ !!

00 จะว่าแล้ว การเชิญ โทนี แบลร์ มาปาฐกถาเรื่องการปฏิรูป การปรองดอง ถ้าฟังแบบจับใจความ มองอีกมุม มันก็เหมือนกับการ "ตบหน้า" ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาล"หุ่นเชิด" ของเขานั่นแหละ เพราะในทัศนะของโทนี่ แบลร์ ยังนิยามความหมายของประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งอย่างเดียว และไม่ใช่พวกมากลากไป ต้องเคารพเสียงส่วนน้อย รวมทั้งประการที่ 5 ในหลักการ 5 อย่าง ของเขา ที่บอกว่าการปรองดองจะเกิดขึ้นได้ รัฐบาลต้องโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และที่สำคัญต้องบริหารบ้านเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความยุติธรรม ให้ความหวังกับประชาชนได้ นี่แหละถือว่าตบหน้าย้อนเข้าหาตัวรัฐบาลชุดนี้ได้จังเบ้อเร่อ เพราะที่พูดมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยของ ยิ่งลักษณ์ ไม่มีสักเรื่อง มีแต่เลือกปฏิบัติ ช่วยเหลือพวกพ้องพี่ชายตัวเองเท่านั้น แล้วมันจะปรองดองกันได้อย่างไร