xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ" ลั่นอุทิศชีวิตที่เหลือรุกให้ปัญญาคนไทยเพื่อเปลี่ยนประเทศ เผยเตรียมเปิดมหาวิทยาลัย ASTV

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ" ลั่นอุทิศชีวิตที่เหลือในการให้ปัญญาคนไทยเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ เผยเตรียมเปิดชั้นเรียนมหาวิทยาลัยเอเอสทีวี ให้พันธมิตรฯสมัครเข้ารับการอบรมทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เพื่อกระจายความรู้ต่อไปยังผู้อื่น มั่นใจอดีตแกนนำฯแม้มีแนวทางเดินต่างกันออกไป แต่ทุกคนล้วนเอาชาติเป็นตัวตั้ง ย้ำจะไม่ประท้วงรายประเด็นแต่จะสู้เพื่อคนไทย 65 ล้านคน พร้อมยันไม่ขัดข้องหากเสื้อแดงเข้าร่วมปฏิรูป แต่ต้องก้าวข้ามทักษิณ เคารพสถาบันกษัตริย์ และยึดหลักนิติรัฐ


วันนี้ (30 ส.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ว่า หลังจากยุติบทบาทแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า สิ่งแรกที่ตนทำก็คือเรียกประชุมทีมงานเอเอสทีวีทั้งหมด และประกาศเป็นนโยบายชัดเจนเลยว่าจากนี้ไปเอเอสทีวีจะเป็นหัวหอกในการนำองค์ความรู้ให้ประชาชนในการเปลี่ยนประเทศไทย เพื่อคนไทย 65 ล้านคน มันเป็นการตกผลึกของตนในการต่อสู้มา เห็นแล้วว่าปัญหาของชาติที่มันเกิดขึ้น ก็เพราะระบบการเมืองที่อุบาทว์

นายสนธิ กล่าวต่อว่า อำนาจรัฐนั้น นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ต้องแยกออกจากกัน แต่สำหรับประทศไทยบริหารกับนิติบัญญัติมันอยู่เป็นเนื้อเดียวกันมาทุกยุคทุกสมัย ตนเลยสรุปว่าเราโดนประชาธิปไตยหลอก นี่คือประชาธิปไตยจอมปลอม เมื่อนิติบัญญัติรวมเป็นเนื้อเดียวกับบริหาร แล้วประธานสภาฯ ก็เป็นคนของ ฝ่ายพรรครัฐบาล ถ้าอย่างนั้นเราจะมีสภาไปทำไม เพราะว่าสภามันกลายเป็นสภาคณิตศาสตร์ ส.ส.ก็คือตัวเลขเท่านั้นเอง ไม่มีจิตวิญญาณ เวลาหาเสียงรับปากชาวบ้านโน่นนี่แต่พอเข้ามาก็ไม่สนใจ ด้วยเหตุนี้แล้วถึงบอกว่าประเทศไทยในขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเมืองชั่วช้าสามานย์ผสมกับทุนที่สามานย์ มันก็เลยทำให้ในสภาเป็นสภาเดรัจฉาน เพราะฉะนั้นแล้วเมืองไทยจะอยู่ต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ บ้านเมืองจะฉิบหายหมด

ชีวิตที่เหลือของตนต้องทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม ถามว่ายากไหม ยากฉิบหาย แต่ต้องทำ เพราะถ้ามัวมานั่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วทุกคนหยุด เราจะไปไหนไม่รอดเลยแม้แต่นิดเดียว

"ผมตั้งปณิธาน สัจจะวาจากับตัวผมเองว่าจะอุทิศตัวที่เหลือของชีวิตรุกในการให้ปัญญา ระดมคนเพื่อจะเปลี่ยนประเทศ ผมต้องการเปลี่ยนประเทศให้กับคนไทย 65 ล้านคน" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ตนจะสู้ในเรื่องคุณภาพการศึกษา ให้ช่องว่างการศึกษาในเมืองกับนอกเมืองแคบที่สุดเท่าที่จะแคบได้ ให้คนมีโอกาสทำมาหากินอย่างเป็นธรรม ให้มีทักษะในการที่จะเรียนรู้วิธีทำมาหากิน ยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองได้ เปิดโอกาสเข้าสู่ทุนได้โดยที่ไม่ลำบาก ให้การเกษตรเป็นหลักของประเทศไม่ใช่อุตสาหกรรม ทำสิ่งต่างๆที่ผิดให้ถูก เช่น อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ปทุมธานี ไม่ใช่พื้นที่อุตสาหกรรมแต่เป็นพื้นที่เกษตรเป็นที่ทาน้ำผ่าน ฉะนั้นอุตสาหกรรมที่อยู่แถวนั้นต้องออกไปให้หมด ปทต.ต้องกลับมาเป็นของประเทศไทย พัฒนาการเมืองท้องถิ่นให้เข้มแข็งขึ้น งบประมาณท้องถิ่นต้องลงไปสู่ท้องถิ่นให้จัดการตัวเอง โรงเรียนที่เคยสังกัดกระทรวงศึกษาตามจังหวัดต่างๆต้องขึ้นกับจังหวัด โดยโอนงบประมาณของกระทรวงศึกษาไปให้จังหวัดนั้นๆเลย กระทรวงศึกษาฯเพียงทำหน้าที่ควบคุมมาตรฐานเด็กที่จบการศึกษาในแต่ละชั้น นอกจากนั้นต้องคุมนักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจท้องถิ่นให้ขึ้นกับจังหวัด ไม่จำเป็นต้องสู้แข่งขั้นถึงยศพลตำรวจโท พลตำรวจเอก พวกยศใหญ่ๆตรงส่วนกลางพอเกษียณก็ไม่ต้องตั้งเพิ่ม กฎหมายการคอร์รัปชั่นต้องไม่มีอายุความ หลายอันที่หมดอายุความไปแล้วต้องมีสิทธิเอากลับมาใหม่ สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างบางส่วนที่ตนยกมาเพื่อการเปลี่ยนประเทศไทย เพื่อคนไทย 65 ล้านคน การเมืองต้องเปลี่ยนใหม่หมด

นายสนธิ กล่าวด้วยว่า วิธีที่จะทำให้คนมีคุณภาพสูงขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือเผยแพร่ความรู้ โดยใช้เอเอสทีวีเป็นหัวหอกในการเดินเส้นทางสายนี้ ถ้าใครเห็นด้วยกับเรามาร่วมกับเรา และนั่นคือสิ่งที่ตนจะเริ่ม คือเปิดชั้นเรียนมหาวิทยาลัยเอเอสทีวี หรือว่าจำลองมาจากมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 10 โมงครึ่งถึงเที่ยงครึ่ง โดยมีหัวข้อการสอนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเขาพระวิหาร เรื่องน้ำมัน เรื่องสุขภาพ ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ทางการเมือง ปรัชญาทางการเมือง เชิญคนโน้นคนนี้มาให้ความรู้ แล้วเราจะรับสมัครคนพันธมิตรฯเข้ามาฟังได้ครั้งละไม่เกิน 40 คน วันนี้ตนขอเอาเฉพาะพวกพันธมิตรฯก่อน ให้เขามีความรู้ เพราะยิ่งมีความรู้สูงเท่าไหร่ยิ่งไปกระจายต่อได้ตลอดเวลาทุกเมื่อ โดยการไม่เสียค่าใช้จ่ายและก็มีอาหารว่างให้กิน แทนที่จะเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ เราจะใช้เอเอสทีวีเป็นศูนย์ และยิงออกไปข้างนอก นี่คือการจุดเทียนครั้งที่ 2 โดยจะเริ่มประมาณปลายเดือนตุลาคม

อดีตแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า หลังจากยุติบทบาท แกนนำฯทุกคนก็ต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง บางครั้งความเห็นอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ตนเชื่อว่าพวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่เอาชาติเป็นตัวตั้งทั้งสิ้น แต่ตนเรียนให้รู้ก่อนว่าตนจะไม่ประท้วงเป็นรายประเด็น ไม่ประท้วงระบอบทักษิณ ไม่ประท้วง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะว่าทั้งหมดนี้มันคือส่วนย่อยของระบบที่อุบาทว์ แต่จะสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ใครจะมาร่วมกับตนได้ แต่ต้องเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ถ้าเสื้อแดงจะมาร่วม ก็ไม่ขัดข้อง แต่ต้องก้าวข้าม 3 เรื่อง คือ 1. ก้าวข้ามทักษิณให้ได้ 2.ต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังต้องการสถาบันกษัตริย์ 3.ต้องยึดหลักนิติรัฐ ถ้าเขาก้าวข้าม 3 เรื่องนี้ได้ และต้องการสู้เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน สู้เพื่อคนด้อยโอกาส นั่นคือการสู้เหมือนกับตน ตนไม่ได้สู้เพื่อพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้สู้เพื่อพรรคเพื่อไทย และไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง

"วันนี้ผมเกิดใหม่แล้ว ผมรู้ผมเกิดมาเพื่อทำอะไร ผมจะทำงานใหญ่กว่าการสู้เพื่อไล่ระบอบทักษิณ ส่วนใครจะไปร่วมกับใครผมไม่ห้าม แต่ถ้าจะร่วมกับผมขอให้รู้ว่า ผมไม่ได้สู้รายประเด็น ผมไม่ได้สู้โน้นนี่นั่นแล้ว ผมจะสู้เป็นส่วนรวม เอาชาติเป็นตัวตั้ง ผมจะสู้เพื่อเปลี่ยนประเทศไทย เพื่อคนไทย 65 ล้านคน" นายสนธิ ระบุ

คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 30 ส.ค. 2556

รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2556 เวลา 20.00-22.30 น. ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางสาวกรองทอง เศรษฐสุต และ นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ร่วมดำเนินรายการ

กรองทอง - สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่คุยทุกเรื่องกับสนธินะคะ วันนี้คืนวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2556 ดิฉัน กรองทอง เศรษฐสุต รับหน้าที่ดำเนินรายการในค่ำคืนวันนี้ และเชื่อว่าเป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่หลายคนคงจะใจจดใจจ่อรอฟังการเปิดใจของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการแถลงยุติการเป็นแกนนำพันธมิตรฯ พร้อมกับแถลงการณ์ฉบับสุดท้ายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกันไปแล้วนะคะ เชื่อว่า 1 สัปดาห์นี้ หลายคนคงจะได้คิดวิเคราะห์ตกผลึกกันไปบ้างแล้ว แต่ก็คงอยากจะฟังจากปากของคุณสนธิอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยกันแน่นอน รวมไปถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น คงไม่ใช่เรื่องของการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่อยู่ในสภา แต่เป็นเรื่องของการอ่วมแบบบูรณาการ เพราะว่า 1 กันยายนนี้ เป็นต้นไป เตรียมเงินในกระเป๋ากันไว้ให้พร้อม เนื่องจากว่าค่าครองชีพหลายๆ อย่างจะเพิ่มขึ้น แอลพีจีก็จะเพิ่ม ค่าไฟก็จะเพิ่ม ไข่ก็แพง ข้าวแกงก็โหด มีหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของประชาชน ของประเทศทั้งนั้น แต่ว่าช่วงแรกนี้ รายการของเราวันนี้ขอมาพูดกันถึงเรื่องดีๆ ก่อน เตรียมตัวของเราให้พร้อม ปฏิรูปสุขภาพ ทำร่างกายของเราให้เข้มแข็ง จิตใจเราเข้มแข็ง จะได้ไปปฏิบัติหรือปฏิรูปประเทศให้มีความก้าวหน้าและเจริญต่อไปด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจะมาพูดกันถึงเรื่องสุขภาพ เรื่องดีๆ แบบนี้ ต้องมาพบกับแขกรับเชิญพิเศษ ในค่ำคืนวันนี้ค่ะ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สวัสดีค่ะ

ปานเทพ - สวัสดีครับท่านผู้ชมครับ ต้องขอรบกวนรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิอีกครึ่งหนึ่งนะครับ สั้นๆ ท่านผู้ชมอย่าเพิ่งเปลี่ยนช่อง เพราะว่าผมไปค้นพบการทดสอบครั้งล่าสุดเกี่ยวกับสารพิษในผัก ที่อยากจะแจ้งให้ท่านผู้ชมได้รับทราบว่า เราควรจะมีการปฏิบัติอย่างไร ท่านผู้ชมติดตามสักนิดหนึ่งนะครับ เพราะว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้ชมเองในการดูแลสุขภาพให้กับคนในครัวเรือน และคนที่เรารัก

วันนี้ผมอยากจะเริ่มต้นขออนุญาตข่าวประชาสัมพันธ์ก่อน เนื่องจากว่าทางทีมงานเอเอสทีวี จะไปถ่ายทำรายการเกี่ยวข้องกับสุขภาพ เกี่ยวข้องกับการล้างพิษนะครับ ซึ่ง รศ.นพ. คุณหมออนัน ศรีพนัสกุล ซึ่งท่านทำงานวิจัย และการเก็บตัวอย่าง ที่ศูนย์ล้างพิษบุญคณา จ.ขอนแก่น และได้ทำการตรวจเลือดอัลตราซาวด์ทุกคนที่เข้าหลักฐาน นี่ก็รับไปหลายรุ่นแล้วนะครับ หลายร้อยราย เพื่อเก็บสถิติในการสำรวจการล้างพิษดีอย่างไร มีข้อควรระมัดระวังอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องเป็นราวเป็นระบบมากที่สุด ดังนั้นคุณหมอท่านนี้ ถึงได้ดำเนินการทำให้เรามีข้อมูลได้มากขึ้นและพัฒนาได้ว่าเราควรทำอย่างไรถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการล้างพิษตับ มันดีขึ้นอย่างไรและมีข้อเสียอย่างไร อย่างไรก็ตามการล้างพิษที่จะเกิดขึ้นครั้งล่าสุดจะเกิดขึ้นวันที่ 5-8 กันยายนที่ทาง ASTV จะไปถ่ายทำ แต่ว่าเหลืออีก 8 ที่นั้ง คืออีก 8 ที่ ถือเป็นข่าวดี เพราะว่าท่านรับจำนวนจำกัด เพื่อเก็บสถิติและก็สำรวจเหลืออีก 8 ท่าน ที่จะมีโอกาสเข้าได้ ตอนนี้มี 22 ท่านแล้ว ขาด 8 ท่าน ท่านที่สนใจก็สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ด้านล่างนี้ ขออนุญาตทวนนิดหนึงตามหนังสือที่เขียนไว้ ที่กลุ่มบุญคณา ติดต่อได้ที่คุณณิชาภา พงศานรากุล หมายเลขโทรศัพท์ 081-873-1111 ย้ำว่าเป็นการเก็บข้อมูลในเรื่องของการล้างพิษ โดย รศ.นพ. อนัน ศรีพนัสกุล ก็ได้ทำการสำรวจมาอย่างต่อเนื่อง เรียนเชิญผู้ชมทุกท่านด้วย

อีกข่าวหนึ่งก็คือ เรื่องที่เราจะคุยกันวันนี้เกี่ยวข้องกับการสำรวจวิธีการล้างพิษ ที่ตกค้างอยู่ในผักและผลไม้ กรณีนี้เกิดจากที่ผมได้เขียนหนังสือกิน ดื่ม ด่าง ล้างพิษตับ และผมก็ไปรวบรวมผลสำรวจอาหารที่ปนสารพิษที่คนไทยรับประทานกันอยู่ ผมจะยกตัวอย่างงานวิจัยที่มีความสำคัญว่าคนไทยเราเอง ได้อยู่ในลำดับที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติหรือ FAO พบว่าประเทศไทยมีเนื้อที่ทำการเกษตรมากเป็นลำดับที่ 48 ของโลก แต่ใช้ยาฆ่าแมลงเป็นอันดับ 5 ของโลก ทั้งที่เราเป็นพื้นที่การเกษตรลำดับที่ 48 ของโลก แต่ใช้ยาฆ่าแมลงเป็นอันดับ 5 ของโลกครับ

กรองทอง - อันดับ 5 ของโลกเลยเหรอคะ

ปานเทพ - ทั้งๆ ที่เราเป็นพื้นที่การเกษตรอันดับที่ 48 แปลว่าเราใช้ยาฆ่าแมลงกันเยอะมาก แล้วก็ใช้ยาฆ่าหญ้าอันดับที่ 4 ของโลก และนำเข้าสารเคมีสังเคราะห์ทางการเกษตร เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นเราถึงป่วยมาก ในเวลาตอนนี้ ทีนี้ปรากฏว่าภาคประชาชนก็เลยไปสำรวจกระบวนการที่เรากินผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ต้องพูดถึง ก่อโรคเยอะ เราเห็นลำไส้สภาพคนที่ ...

กรองทอง - อย่างที่เคยนำเสนอกันไปแล้วอย่างต่อเนื่อง

ปานเทพ - อย่างที่เคยนำเสนอว่าลำไส้มีสภาพกากอาหารเน่าเหม็น หรือว่ามีสภาพที่เสียหายอย่างไรบ้างจากการกินเนื้อสัตว์มาก พอเราจะกินผัก ก็มียาฆ่าแมลงมาก จากความไม่สุจริตของข้าราชการหรือนักการเมืองที่ปล่อยใหสารพิษเหล่านี้เข้าสู่ประเทศไทยโดยไร้การควบคุม ก็ปรากฏว่าวันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ปีที่แล้ว คุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ได้เปิดเผยว่า ผัก สำรวจในคราวนั้น ผักยอดฮิตในครัวเรือนไทย 7 ชนิด ได้แก่ กะหล่ำปลี คะน้า ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน ผักชี และพริกจินดา จากห้างดังหลายห้าง จากห้างนะครับ ไม่ใช่ตลาด

กรองทอง - คือเราจะมีความเชื่อว่าถ้าเราไปเดินซื้อตามห้าง จะดูสะอาด เขาต้องผ่านการฆ่าเชื้อ ผ่านการอะไรมาอย่างดีกว่าจะมาอยู่บนเชลฟ์ ต้องสะอาดแน่นอน

ปานเทพ - ทีนี้พอไปสำรวจก็ปรากฏว่า มีทั้งชนิด houseware หมายถึงว่า เจ้าของห้างผลิตแบรนด์ของตัวเอง ยี่ห้อของตัวเอง และได้รับตรารับรองคิวด้วย คือหมายถึงมีคุณภาพ คือติดตราสติกเกอร์ไว้ด้วย และพบว่าไปเจอสารเคมีอันตรายหลายชนิด แม้จะติดสัญลักษณ์คิวแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์โบฟูรานและ เมโทมิล ซึ่งแม้จะไม่เกินมาตรฐานที่ประเทศไทยกำหนด แต่เกินมาตรฐานยุโรปได้แก่ ถั่วฝักยาวด็อกเตอร์ ผักชีห้างพารากอน ผักชีไร่ฐิตวันต์ คะน้าโฮมเฟรช มาร์ท และถั่วฝักยาวในห้างเทสโก้ จึงเรียกร้องให้ปรับมาตรฐานการตกค้างของสารเคมีเกษตรให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

นอกจากนี้เองยังมีการสำรวจย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดผลสำรวจทั้งสิ้น 159,684 ตัวอย่าง พบสารอันตรายปนเปื้อน 3,362 ตัวอย่าง พบบ่อยมากที่สุด ได้แก่ ยาฆ่าแมลงในผักกินใบ เช่น ผักชี คะน้า ผักกาดขาว กะหล่ำปลีถึง 2,449 ตัวอย่างนะครับ ถ้าบริโภคเข้าไปก็ทำให้เกิดการขัดขวางการทำงานเอนไซม์ในร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน ชัก หมดสติ รองลงมาพบฟอร์มาลีนในอาหารทะเล 376 ตัวอย่าง ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ปวดท้องรุนแรง อาเจียน ท้องเดิน หมดสติ จนถึงเสียชีวิต ถ้าสัมผัสผิวหนังจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองอักเสบได้ สารฟอกขาวก็พบมากในถั่วงอก หน่อไม้ 83 ตัวอย่างและทำให้เกิดการหายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ ปวดท้อง อาเจียน อุจจาระร่วง รายที่แพ้อาจช็อคหมดสติได้ ปรากฎว่าหลายปีผ่านไปองค์การอาหารและยาก็ไปตรวจซ้ำอีกวันที่ 26 พฤษภาคม - 25 มิถุนายน 2555 ทั้งหมด 1,986 ตัวอย่าง พบว่าจำนวนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ 69 ตัวอย่างแบ่งเป็นผลไม้ที่สุ่มตรวจจากตลาดสดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ 60 ตัวอย่างพบในสารพิษที่ตกค้างมากที่สุด คือ คะน้า กะหล่ำดอก และต้นหอม และขณะที่ตรวจผักผลไม้ที่สุ่มตรวจจากซูเปอร์มาเก็ตไม่ผ่านเกณฑ์ 9 ตัวอย่าง พบมากที่สุดคือ คะน้า มะเขือพวง พริกไทย จะเห็นได้ว่าสารพิษเยอะมาก แล้วก็เจอผักยอดฮิตที่เรานิยมรับประทานกันบ่อยๆ คะน้านี้ พวกเรา ASTV จึงมีความคิดว่าจะทำอย่างไรคนไทยจะมีโอกาสที่จะได้รับประทานผักและผลไม้ที่ไร้สารพิษ ถ้าคนยังไร้จิตสำนึก ถ้านักการเมืองยังทุจริตคอร์รัปชั่น ข้าราชการยังปล่อยปละละเลย ให้ลำดับในเรื่องของการใช้ยาฆ่าแมลงของประเทศไทยอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับยุโรปคือปล่อยให้ใช้ได้มากกว่าชาติอื่นๆในยุโรป

กรองทอง - คือเรานะชอบ ที่เรายกตัวอย่างเรื่องข้าว ที่ผ่านมานักการเมืองที่ลงไปตรวจก็ชอบบอกว่าไม่เกินค่ามาตรฐานที่เรากำหนด ใช่ไม่เกิดที่เรากำหนดแต่เกินของที่อื่น ใช่ไหมคะ

ปานเทพ - ผมก็มานั่งคิดและปรึกษาคุณสนธิว่า เราน่าจะมีหาทางในการให้ความรู้ประชาชนในการล้างผักผลไม้ให้มีประสิทธิภาพได้ไหม วิธีการคือต้องส่งห้องแล็บ ถึงวิธีการล้างผักให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราก็ใช้เวลาหลายเดือน ผมคุยกับคุณสนธิมาหลายเดือนแล้วว่า ถ้าเราสำรวจวิธีการล้างผักในโลกนี้ที่ถือว่าก้าวหน้า เราก็คิดจะเอาเครื่องล้างผักเอามาขาย ว่าอะไรจะดีที่สุด แต่เราก็ค้นพบว่ามันยังไม่ดีที่สุด ได้แก่อะไรบ้าง

วิธีที่มีความเชื่อมากที่สุด คือ 1.ใช้โอโซน คือออกซิเจนที่มี 3 อะตอม และจะไปทำหน้าที่ในการให้สารพิษที่เคยอยู่ในรูปแบบนี้เปลี่ยนรูปร่างไป จากสารพิษกลายเป็นสารไร้พิษ หมดสภาพที่เป็นพิษไป โดยการใช้โอโซนยิงเข้าไป แต่โอโซนใช้มากก็จะมีความเสี่ยงเหมือนกัน คือระคายต่อเยื่อบุจมูก หรืออาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ถ้าใช้เกินขนาด นี่คือข้อเสียของโอโซน แต่ก็เป็นวิธีการล้างพิษที่มีประสิทธิภาพมาก ขึ้นชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด

วิธีที่ 2 คือใช้ระบบอุลตราโซนิค ใช้คลื่นความถี่ไปผลิตทำให้น้ำมีปริมาณออกซิเจนสูง และเกิดกระบวนการไปทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่ค้างอยู่ในผักเหล่านั้น และทำให้พิษเหล่านั้นหมดลงไปแล้วเอาน้ำออก

มีวิธีที่ 3 เนื่องจากเครื่องทำน้ำด่างของเราไปใช้วิธีตามที่เครื่องของเราที่ทำอยู่ตอนนี้มีความสามารถ ไม่ใช่เฉพาะแค่ดื่ม แต่มีความสามารถในการล้างผักด้วย เราก็ไปดูว่า การล้างพักของเราใช้น้ำด่างเบอร์ 3 คือเบอร์ที่แรงที่สุด ก็จะมีค่า PH ประมาณ 10 กว่าๆ และได้ค่า ORP คือค่าต้านอนุมูลอิสระ ประมาณลบ 700 กว่ามิลลิโวลต์ ซึ่งถือว่าสูงมาก ต้านอนุมูลอิสระ หมายความว่า ความที่มันเป็นประจุลบ มันจะไม่เสถียร มันจะยิ่งไปทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระและสารพิษให้หมดพิษไปด้วยเช่นเดียวกัน 3 วิธีนี้เราต้องทดสอบทางวิทยาศาสตร์อย่างเดียวเท่านั้น ใช้ความรู้สึกไม่ได้ เราก็เลยไปทดสอบ โดยใช้องค์กรที่ชื่อว่า ห้องปฏิบัติการกลางประเทศไทย ไปทดสอบดูว่า ถ้าเอาสารพิษที่พบบ่อยมากที่สุด ก็คือผักคะน้า วิธีไหนถึงจะล้างผักได้ดีที่สุดและแช่นานเท่าไรถึงจะดีที่สุด ก็เรียนท่านผู้ชมตามผลต่อไปนี้ อันนี้คือตารางวัดผักคะน้าจากแปลงเกษตร หมายถึงว่า ดูว่าผักที่เราได้มามีสารพิษเท่าไร เราไปพบว่า เราหยิบจากแปลงเกษตร เพิ่งฉีดยาฆ่าแมลงเลย นอกจากฉีดน้ำมาแล้ว ยังเพิ่งฉีดอยู่ ก็เลยไปเก็บตัวอย่างนี้มาให้หมดจากแปลงเกษตรเหล่านั้น นี่แสดงว่าแม้แต่คนทำเกษตรก็ไม่ได้คำนึงถึงผู้บริโภคเลย ปรากฏว่า ที่คุณสารีเคยไปสำรวจมา เขาฉีดจริงๆ ครับ ก็คือเมโทรมิล 77.37 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม นี่คือปริมาณสารพิษที่เกิดขึ้นกับยาฆ่าแมลง เราก็จะได้มาทดสอบว่าทำยังไงมันถึงจะลดให้น้อยที่สุด จำตัวเลขนี้ไว้นะครับ เริ่มต้นที่ 77.37 ต่อมาก็คือ เราทดสอบวิธีที่ 1 ก็คือล้างผักคะน้าด้วยอุลตราโซนิค ก็คือใช้คลื่นความถี่เข้าไป แล้วก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาจนกระทั่งเกิดการสั่นสะเทือนแล้วก็ทำให้ปริมาณออกซิเจนเกิดขึ้น แล้วก็ไปทำปฏิกิริยากับสารพิษให้หมดฤทธิ์ความเป็นพิษลง ปรากฏว่า จากระดับ 77.37 เมื่อสักครู่นี้ พอใช้เวลาแค่ 15 นาที เราใช้เวลาเท่ากันว่าวิธีไหนจะเร็วที่สุด ปรากฏว่าการใช้อุลตราโซนิค เหลือ 63.32 ลดลงนะครับ แต่ว่าก็ยังสูงอยู่

ต่อมากก็คือ เราก็ไปใช้วิธีที่ 3 ก็คือการล้างผักคะน้าด้วยการใช้โอโซน โอโซน ก็คือ O3 ออกซิเจน 3 อะตอม เข้าไป แล้วก็เข้าไปทำปฏิกิริยากับสารพิษเหล่านั้นให้หมดฤทธิ์ความเป็นพิษเช่นเดียวกัน อันนี้เขียนไว้ตามตาราง ใบรายงานทดสอบ เหลือ 57.91 ครับ เป็นวิธีที่ดีกว่าการใช้อุลตราโซนิค ดีขึ้นมาอีก

ต่อมาก็ใช้เครื่องน้ำด่าง เบอร์ 3 ผลปรากฏว่า เหลือ 54.12 ในเวลา 15 นาทีเท่าๆ กัน ในที่สุดเราก็เลยได้คำตอบว่า อ๋อ เครื่องทำน้ำด่างมันให้ประสิทธิภาพในการล้างพิษล้างสารพิษยาฆ่าแมลงในคะน้าดีกว่าระบบอุลตร้าโซนิคดีกว่าระบบโอโซน เมื่อเร็วกว่าภายใน 15 นาที เราจะหาคำตอบต่อว่า แล้ววิธีไหนล้างอย่างไรถึงจะทำได้ดีที่สุด ต้องขออภัยท่านผู้ชมพูดผิดนะครับ นี่ไม่ใช่น้ำด่าง 54 นี่คือ น้ำโอโซนและอุลตร้าโซนิคผสมกัน

กรองทอง - เอา 2 วิธีแรกมาใช้รวมกัน

ปานเทพ - รวมกันเลยทั้ง 2 วิธี ได้ 54.12 โทษทีนะครับ ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีแล้วใช่ไหมครับ พอน้ำด่างดีกว่านั้นอีกครับ 51.11

กรองทอง - 51.11

ปานเทพ - แปลว่าดีที่สุดแล้วนะครับ ล้างผักจาก 77 เหลือ 51.11 ภายใน 15 นาที ก็ลดลงไปพอสมควร แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เรารู้แล้วว่าการใช้น้ำด่างเบอร์ 3 นั้น ล้างพิษจากผักผลไม้ได้เร็วที่สุดภายใน 15 นาที เมื่อเทียบกับทุกวิธีในระบบที่โลกจะคิดได้ในเวลาตอนนี้ นี่จากเครื่องเราเองนะครับ ไม่ได้จากยี่ห้อไหนเลย สุดท้ายก็คือ ผมก็เริ่มสงสัยว่า จะล้างอย่างไรถึงจะพอดีที่สุด เลยใช้วิธีการล้างจับเวลาไปเรื่อยๆ ว่า แช่นาน 15 นาที แช่นาน 30 นาที แช่นาน 1 ชั่วโมง อย่างไหนถึงจะดีที่สุด และแช่กี่รอบเป็นอย่างไร ผลสรุปว่า วิธีแช่ที่ดีที่สุดก็คือ ใช้น้ำด่างเบอร์ 3 แล้วใช้ผักคะน้าจุ่มลงไปแช่ไว้ 15 นาที แล้วยกขึ้นเทน้ำออก รอบที่ 1 จากนั้นใช้น้ำด่างเบอร์ที่ 3 ลงใส่น้ำอีกเป็นครั้งที่ 2 แช่น้ำอีก 15 นาที แล้วยกขึ้นมาและตรวจวัด ผลปรากฏว่า เหลือจาก 77 ก็มาดูนิดนึงครับ จาก 77 เหลือ 6.98 ครับ

กรองทอง - เหลือตัวเลขตัวเดียวเลยพูดง่ายๆ

ปานเทพ - ใช่ครับ เหลือ 6.98 จาก 77.37 หมายถึงสารพิษตัวเดียวกันที่ใช้วิธีอื่นล้างไม่ได้ มาใช้วิธีนี้มันหายไปเกือบ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ แทบจะไม่มีฤทธิ์ความเป็นยาฆ่าแมลงหลงเหลืออยู่แล้ว จากงานวิจัยชิ้นที่เราใช้เวลาหลายเดือน ทดสอบครั้งนี้เราเลยทำให้มั่นใจว่า จากเดิมที่เรามีความคิดว่า จะเอาเครื่องล้างผักมาจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยเหลือเอเอสทีวีไม่ต้องแล้ว ท่านผู้ชมที่มีเครื่องทำน้ำด่างใช้น้ำด่างเบอร์ 3 แช่ 15 นาที ยกขึ้นเทน้ำออก และใช้อีก 15 นาทียกออก เหตุเพราะว่า ทำไมบอกว่า แช่นานยิ่งดีไหม ไม่ใช่นะครับ แช่นานมันจะคืนรูป พิษนั้นอาจจะกลับเข้ามาอีก ต้องเปลี่ยนน้ำเอาแค่ 15 นาทีพอ ผมทดสอบมาหมดแล้วครับ เอาแค่ 15 นาทียกขึ้น แช่น้ำใหม่อีก 15 นาที ผักคุณจะมีสารพิษลดลงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์จากของเดิม คือเหลือน้อยมากๆ นี้ขนาดเราเพิ่งเอาออกมาจากแปลงผักที่ฉีดมาแล้วฉีดซ้ำอีก ยังเหลือน้อยนิดเดียวเอง ดังนั้นวิธีการนี้จึงเป็นวิธีการล้างพิษจากสารผักผลไม้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ณ ชั่วโมงนี้ ที่เราทดสอบเจอ ดังนั้นท่านผู้ชมที่สนใจเครื่องทำน้ำด่างก็อยากเรียนให้ทราบว่ามันไม่ใช่แค่ดื่มเพื่อทำให้ร่างกายเราสมดุลกรดด่าง มักจะมีคนท้วงตามงานวิจัย ตามงานวิชาการบอกว่าจากการที่ดื่มน้ำด่างมากไปว่าไม่เป็นผลดีอย่างนั้นอย่างนี้ผมไม่ปฏิเสธครับ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่ามากไปหรือน้อยไป นี้ไงครับ ใช้เครื่องวัดซึ่งตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 100 เครื่อง ที่ ASTV Call Center เข้าไปจุ่มที่ปัสสาวะเลยว่าเราเป็นด่างหรือกรดเกิน ซึ่งค่ามาตรฐานของคนปกติอยู่ที่ 6.5-8.0 อย่างนี้ไม่มีด่างเกินซึ่งข้อสำคัญคือว่าผมยังไม่เจอใครด่างเกินมีแต่กรดเกิด เพราะแค่ความเครียดผลิตน้ำตาลสูงก็เป็นกรดแล้ว ดังนั้นหาคนที่เป็นด่างเกินยากมากในทางปฏิบัติ แต่มักมีงานวิจัยโต้แย้งว่าถ้าด่างเกิดเป็นยังไง วัดเอาเลยครับ ท่านผู้ชมก็จะรู้เราดื่มน้ำด่างนั้นด่างเกินไหม ที่จริงคนเรานั้นมีภาวะเป็นกรดเกินทั้งสิ้นจากการกินหวาน กินของทอด กินเนื้อสัตว์มาก ดังนั้นวัดพิสูจน์ได้อย่าไปใครชักจูงเราโดยที่เราพิสูจน์ตัวเลขไม่ได้ โดยดัชนีชี้วัดตัวเลขที่ชัดเจน

ประการถัดมาคือว่าเครื่องทำน้ำด่างที่เราเอาเข้ามาอยู่ในขณะนี้ ต้องถือว่าท่านผู้ชมที่สนใจในเรื่องการดูแลสุขภาพในเวลาตอนนี้ ก็สามารถสั่งซื้อได้ที่ Call Center จะมีสินค้ามาส่งวันที่ 16 กันยายน ไม่ถึง 15 วัน ดังนั้น ถ้าท่านผู้ชมรีบมาตอนนี้ถ้าท่านผู้ชมจองช้าก็จะช้าไปอีก คราวที่แล้วมีของในสต๊อกก็หมดเร็วอีก ดังนั้นรีบจองได้วันที่ 15 กันยายนนะครับ โดยโทรศัพท์มาที่ 02 -633 53 53 ท่านผู้ชมโทรเข้ามาแล้วจะได้วันที่ 16 กันยายนไม่เกิน เหลือเพียงไม่ถึง 400 เครื่อง น้อยมาก ฉะนั้นท่านผู้ชมต้องรีบโทรมา รีบจอง รีบจ่ายเงิน และรีบโอนเงิน ท่านผู้ชมสนใจในตอนนี้สำหรับเครื่องวัด PH เพื่อไปดูน้ำว่าเป็นด่าง กรด แค่ไหน ไปตรวจสอบปัสสาวะตัวเองท่านผู้ชมก็ทำได้ และมีเหลือไม่มากเช่นกัน 100 เครื่องเท่านั้น ที่ Callcenter 02633 5353 เช่นเดียวกัน

เรื่องอื่นมีให้คุยอีกเยอะ เอาไว้ค่อยคุยกัน

กรองทอง - คือจะมีหลายคนที่เวลานุ้กเจอ เราควรจะต้องกินน้ำด่างวันละกี่แก้วดี มันเป็นคำถามที่เราตอบไม่ได้ใช่ไหมคะ เพราะค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ปานเทพ - ไม่ทราบจะมีภาพลำไส้ให้ดูไหมครับ เพื่อทบทวนคุณผู้ชมนิดหนึ่ง ปกติตามอุดมคติ ถ้าคนลำไส้สะอาดจะเป็นภาพอย่างที่เห็น ไม่มีมูกเมือเกิดขึ้น ลำไส้สะอาด และคนๆนี้กินผักผลไม้ และดื่มน้ำด่างเป็นประจำ หรือคนที่กินมังสวิรัติก็ยังดี แม้ว่าจะไม่สะอาดเท่าเพราะว่ามีมูกเมือกเหล่านี้ คอยดักจับสารพิษในระหว่างที่เรากินอาหารเหล่านี้ จะถูกขับมาตอนช่วงเราล้างพิษตับ เช่น กินลิดท็อกซ์ กินยาชำระเมือกมันโดยตรง หรือกินเอนไซม์ พวกนี้ทำให้ลำไส้สะอาดขึ้น นี่ก็ถือว่าสะอาดแล้ว แต่คนที่กินเนื้อสัตว์มาก ลำไส้เป็นแบบนี้ครับ ภาพแบบนี้ คือสภาพลำไส้จะเปลี่ยนไป และมีไขมันมาก มีสารพิษมากเพราะลำไส้มนุษย์นั้นยาว แต่ซากสัตว์นั้นเน่าเร็วกว่าซากพืช ดังนั้นมันจะต้องเน่าเหม็นง่าย มีพิษง่าย และก่อให้เกิดมลพิษในลำไส้มาก

ดังนั้นการใช้น้ำด่าง มีเคสตัวอย่างมากที่สุด คือคนมีสภาพลำไส้ดีขึ้นจากการดื่มน้ำด่างอย่างต่อเนื่องถ้าถามว่าดีแค่ไหนก็กรณีที่ ดร.ฮิโรมิ ชินยา ไปตรวจพบคนที่ป่วยมะเร็งทำการคีโมฉายแสง ลำไส้ดำเฟะเลย 3 เดือนถัดไป เขาก็เปลี่ยนมาเป็นลำไส้ที่สะอาดมาก หลายกรณีเป็นอย่างนั้น เรากำลังจะบอกว่าที่เกิดขึ้นอย่างผู้หญิงคนนี้ เป็นมะเร็งเต้านม และอายุ 45 ปี หลังจากคีโมฉายแสงแล้ว สภาพจะเป็นแบบนี้ หลังจากบำบัดด้วยน้ำด่างจะเป็นแบบนี้ใน 3 เดือน เป็นการสำรวจส่องกล้องลำไส้ของ ดร.ฮิโรมิ ชินยา รวบรวม 400,000 กว่าราย ในการดื่มน้ำด่างแบบนี้

ดังนั้นท่านผู้ชมไม่ต้องเชื่อใคร ทดสอบดูเองก็จะรู้ ถามคนที่เขาดื่ม ก็จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่แค่การดื่มเท่านั้น นอกจากล้างผัก ดื่ม ข้อสำคัญที่สุดคือการสวนล้างลำไส้ ที่นิยมกันมากที่สุดในหลักสูตรการล้างพิษ ท่านผู้ชมทบทวนกันดูคือว่า มักมีคนสงสัยว่าใช้กาแฟดีไหมในการสวนล้าง กาแฟก็มีคาเฟอีน มีทั้งผลดีในการกระตุ้นตับ แต่ก็มีผลเสียจากฤทธิ์คาเฟอีนด้วย ดังนั้นการล้างพิษด้วยอะไรถึงจะดีที่สุด ถ้าเรารู้อยู่แก่ใจว่า การล้างพิษตับใช้น้ำมันมะกอกเป็นตัวล่อให้น้ำดีหลั่งออกมา มีสารพิษที่ละลายในไขมันออกมาด้วย คำตอบก็คือการทดสอบที่การใช้ไขมันกับน้ำด่างเปรียบเทียบกันดู เราก็จะเห็นว่าปกติแล้ว น้ำธรรมดา กับน้ำมัน แยกชั้นกัน แต่ถ้าใช้น้ำด่างที่ทำจากเครื่อง ที่มีกระบวนการอิเล็กโทรไลซิส แรงตึงผิวของน้ำมันจะน้อยลง มันทำให้น้ำกับน้ำมันเป็นเนื้อเดียวกัน จนกระทั่งสามารถดึงไขมันออกมาจากลำไส้ในระหว่างการล้างพิษได้ ดังนั้นทางเลือกน้ำด่างก็เป็นทางเลือกที่ท่านผู้ชมน่าจะดีใจว่าเรามีทางเลือกที่ดี เพราะมันทำได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน ข้อสำคัญก็คือว่า มีคนถามว่า ใช้หัวเชื้อน้ำด่างได้มั้ย ได้ครับ มันไม่แพง แต่มันไม่ได้ค่าโออาร์พี คือค่าต้านอนุมูลอิสระเท่ากับน้ำด่างที่ทำจากเครื่อง เราทดสอบแล้ว มันต่างกันมาก ดังนั้นท่านผู้ชมก็มีทางเลือกที่จะคำนึงต่อสุขภาพตัวเอง ต่อคนในครอบครัว นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ล้างผักด้วยน้ำด่างที่ท่านผู้ชมมีอยู่แล้ว เบอร์ 3 จะเป็นการล้างผักที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่เราทดสอบในขณะนี้ แล้วก็ย้ำว่า เครื่องที่เราสั่งอุลตราโซนิค แล้วก็เครื่องที่เราสั่งในระบบโอโซน เราสั่งแพงที่สุด ดีที่สุดในระบบมาเปรียบเทียบ

กรองทอง - ในงานทดลองอันนี้

ปานเทพ - เพื่อจะดูว่าวิธีไหนถึงจะดีที่สุด เพราะเดิมทีจะคิดว่าจะเอาเครื่องล้างผักเข้ามา เพราะเห็นว่าคนไทยมีสารพิษเยอะ แต่เราก็ค้นพบแล้วว่าน้ำด่างเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เหมาะแก่การล้างพิษอย่างยิ่งครับ

กรองทอง - ใช่ค่ะ วันนี้ก็เรียกได้ว่า นอกจากจะล้างพิษร่างกายเราแล้ว ล้างพิษในผักได้ด้วย เพราะฉะนั้นก็ทบทวนกันอีกทีว่า ถ้าสั่งวันนี้ เครื่องมาวันที่ 15-16 กันยายนนี้ รับเครื่องได้เลย แต่ต้องรีบหน่อย

ปานเทพ - รีบหน่อย เพราะมัน 400 เองครับ เร่งรีบเลยครับ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันพรุ่งนี้ รีบโทรมาแล้วก็รีบโอนเงิน มีของจำกัดนะครับ

กรองทอง - วันนี้ขอบคุณ อ.ปานเทพ มากนะคะ ที่มาบอกข่าวดีๆ ผลการวิจัยดีๆ ให้กับเรา

ปานเทพ - จะมีงานวิจัยอีกหลายชิ้น จะทยอยมาบอกอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องน้ำหมักในตลาด ว่าเป็นยังไง ผมทดลองหลายเรื่อง เอาไข่ในน้ำส้มสายชู ที่บางคนเชื่อ ผมทดสอบทั้งหมด แล้วจะมาทยอยเล่าให้ฟังครับ

กรองทอง - ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนมาในรายการนี้ เดี๋ยวขออนุญาตเจ้าของรายการเขาด้วย วันนี้ขอบคุณ อ.ปานเทพ อีกครั้งหนึ่งค่ะ แล้วพบกันช่วงต่อไปกับคุณสนธิค่ะ

ช่วงที่ 2

กรองทอง - กลับเข้าสู่ช่วงที่ 2 นะคะ ช่วงนี้พบกับคุณเติมศักดิ์ สวัสดีค่ะ

เติมศักดิ์ - สวัสดีครับ

กรองทอง - และต้องทักทายเจ้าของรายการด้วย คุณสนธิค่ะ สวัสดีค่ะ

สนธิ - วันนี้แอนไม่สบาย

กรองทอง - ไม่สบายค่ะ วันนี้พี่แอนป่วยเป็นหวัด ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงนะคะ ยกตัวอย่างเมื่อเช้าร้อนมาก พอตอนเย็นเราจะได้เห็นนะคะ พายุฝนฟ้าคะนองมาฟ้ามืด 5 โมงเย็นเหมือนทุ่มนึงค่ะ

เติมศักดิ์ - รถติดกันระนาว

กรองทอง - ใช่ แล้ววันศุกร์สิ้นเดือนด้วย ตอนนี้ใครจะขึ้นทางด่วนรีบขึ้นนะคะ เดี๋ยว 1 กันยายน ไม่เกี่ยวนะ

เติมศักดิ์ - กระชากค่าครองชีพ

กรองทอง - กระชากค่าครองชีพ ตอนนี้เขาเรียกว่า บูรณาการค่ะคุณสนธิ บูรณาการค่าครองชีพร่วมกันอ่วมกันทั่วทุกหย่อมหญ้า แต่ว่าก่อนอื่นก่อนจะไปเข้าเรื่องทั้งหมด นุกขอประชาสัมพันธ์ เติมฝัน ปันสุข เพื่อน้อง ครั้งที่ 2 อยากจะให้ร่วมกันแบ่งปันรอยยิ้ม และการศึกษาให้กับเด็กไทย ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่เราจัดขึ้นจะมีในวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2556 นี้ ที่โรงเรียนชลประทานปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็อยากจะเรียนเชิญร่วมกันบริจาค ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบนักเรียน ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แก้วน้ำ ชุดยาสามัญประจำบ้าน ตุ๊กตา วันนี้เราจะได้เห็นนะคะที่สถานีเรา มีตุ๊กตาแบบวางเรียงรายน่ารักมาก และของใช้ของจำเป็น แล้วแต่ท่านจะมีจิตศรัทธา หรือว่าจะโอนเงินในบัญชีเติมฝัน ปันสุข เพื่อน้อง ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู เลขที่ออมทรัพย์ก็ตามที่ขึ้นอยู่หน้าจอได้ 008-2-441-8 หรือว่าสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ประชาสัมพันธ์ของเอเอสทีวี 02-629-2948 โครงการที่ 2 นี้ เราจะนำของไปมอบให้น้องๆ ในวันที่ 8 กันยายนนี้ค่ะ

เติมศักดิ์ - และก็หนังสือที่ทุกคนรอคอย ต้องให้พรีเซนเตอร์

กรองทอง - รวมการ์ตูนการเมืองแหลเพื่อพี่

สนธิ - แหลเพื่อพี่ เล่มนี้ผมเป็นคนพิมพ์หนังสือการ์ตูน รวมการ์ตูนของ คุณบัญชา คามิน มา รู้สึกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ผมต้องยอมรับว่า เล่มนี้ดีที่สุด ข้างในนี่ 4 สีหมดเลยนะครับ และก็เป็นอะไรบางอย่างที่คนไม่เข้าใจการเมือง อ่านแล้วจะหัวเราะ เพราะว่าเขาจะมีคำอธิบายเรื่องแต่ละเรื่องว่า มันเกิดเรื่องอะไรบ้าง และรู้สึกจะทันสมัยมาก เพราะว่าจบมาเอาตอนสุดท้าย

กรองทอง - ช่วงเป่านกหวีด

สนธิ - ช่วงกูว่าแล้วนะครับ ส่วนช่วงไข่ทักษิณนั้นลงไม่ทัน

กรองทอง - ลงไม่ทันไข่คู่ด้วย

สนธิ - 285 บาท ถูกมากแล้วก็มี เขาให้ผมเขียนคำนำ คำนำผมนะสั้นๆ ผมเขียนไว้งี้ แหลเพื่อพี่ ไม่เพียงเป็นแค่ยาสามัญประจำบ้าน รักษาโรคเครียดการเมืองเท่านั้น แต่แหลเพื่อพี่เป็นประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยยุค ว.5 และเอาอยู่ ที่อ่านแล้วทั้งขำ ทั้งสมเพศ ทั้งสะใจ ว่าการเมืองยุคแหลเพื่อพี่มันบัดซบได้ใจจริงๆ แหลเพื่อพี่ของบัญชา คามินเล่มนี้ เป็นของเก็บที่ต้องมาเอาไว้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองแต่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานจริงๆ นี้คือคำนำผม นายเบื๊อกเขาลงเป็นข้อเขียนลายมือเสร็จเรียบร้อยเลย เขาอาจวางแผง เสาร์อาทิตย์นี้แล้ว อาจช้านิดนึงถ้าอยากได้โทรที่คอลเซ็นเตอร์ โทร 02-633-5353 จัดส่งให้ฟรี รวมค่าส่งเรียบร้อย เขาจดชื่อที่อยู่ส่งให้หมดเลย ถ้ามาซื้อของที่เอเอสทีวีก็ซื้อได้ หนังสือเล่มนี้หักค่าใช้จ่ายค่าพิมพ์ ค่าจัดจำหน่ายเรียบร้อยหมดแล้ว รายได้ให้กับทีมงานการ์ตูนของบัญชา คามิน ทุกบาททุกสตางค์ ธรรมดาแล้วจะเป็นสำนักพิมพ์เราพิมพ์ออกให้หมดทุกอย่างเสร็จรีบร้อยแล้ว คนซึ่งเราทำคิดสูตร 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย ก็คือ 285 บาท คือ 28.50 บาท คูณด้วยจำนวนพิมพ์ แต่อันนี้ไม่ อันนี้คือว่าหักค่าพิมพ์เสร็จเรียบร้อยหักค่าหนังสือหักค่าพิมพ์ ค่าจัดจำหน่ายเรียบร้อยแล้วเหลือเท่าไหร่ ยกให้ทีมการ์ตูนหมดเลย เป็นการเหมือนกับว่าพี่น้องพันธมิตรฯ หรือคนที่ชอบการ์ตูนบัญชา คามิน ซื้อก็เหมือนช่วยนักการ์ตูนพวกนี้ เป็นพวกซึ่งค่อนข้างจะมีปัญหาในด้านความกระหาย ตกเย็นต้องดวลเหล้า เพราะฉะนั้นนึกว่าช่วยค่าเหล้าเขาหน่อยละกัน

กรองทอง - มันเป็นฟิลลิ่ง

สนธิ - แหลเพื่อพี่ นะครับอย่าลืมครับ ถ้ารักบัญชา คามิน คนติดเยอะนะผมดูคนเข้ามาดูเฉลี่ยแล้ว บัญชา คามิน เข้ามาดูครั้งละประมาณระหว่าง 17,000 จนถึง 30,000 กว่า ขึ้นอยู่กับเรื่องราว ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งนะ ถ้าสมมุติว่าเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย คนคอมเมนต์จะสนุกสนานมาก แต่ถ้าคอมเมนต์พรรคประชาธิปัตย์แล้ว จะมีคนคอมเมนต์น้อย ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าคุณบัญชา คามิน เขามีมุมมองพรรคการเมืองอย่างไม่มีอคติ ไม่เข้าข้างใคร

เติมศักดิ์ - เรื่องไข่คู่นี่สุดๆ เลยนะ

กรองทอง - เพิ่งลงเช้าวันนี้ ของเช้าวันนี้ เดี๋ยวทีมงานเอาขึ้นให้ดู

สนธิ - สุดยอดเลยอันนี้

เติมศักดิ์ - จริงๆ มีก่อนหน้านั้นทีแล้วนะ ไข่คู่

สนธิ - มีครับ ก่อนหน้านั้นมีอีกรูปหนึ่ง คุณเติมน่ะเขาจะได้เปรียบ เพราะว่าช่วงเย็นๆ ถ้าเขาขึ้นทัน ของวันพรุ่งนี้ คุณเติมเขาจะเอาออกรายการ News Hour เพราะฉะนั้น News Hour จะเป็นคนแรกที่ได้เห็น

เติมศักดิ์ - ใกล้ๆ สองทุ่ม บางทีก็ขึ้นมาแล้ว ขึ้นหน้าเว็บ

สนธิ - สมัยก่อนต้องรอวันหนึ่ง เดี๋ยวนี้ไม่ เดี๋ยวนี้พอเขาวาดเสร็จ เขาลงสีปั๊๊บ เขาก็ขึ้นให้ก่อนเลย

เติมศักดิ - สังเกตเวลาตอนดึกๆ ไปแชร์ในเฟซบุ๊ก โอ้โห คนชอบกันแชร์ต่อกัน

กรองทอง - แล้วถ้าคนที่ไม่ติดตามการเมือง หรือไม่รู้เรื่องการเมือง มาอ่านเล่มนี้ก็จะรู้ เข้าใจหมดทุกอย่างเลยนะ

สนธิ - เข้าใจหมด เขาแบ่งดี เขาแบ่งเป็นช่วงๆ ช่วงหาเสียง 49 วันได้เป็นนายกฯ แล้วก็ช่วงบุญญาภินิหาร

กรองทอง - ช่วงน้ำท่วม เอาอยู่

สนธิ - ช่วงรัฐบาลประชานิยม มีหมดทุกอย่าง มีไปจนถึง ... มีหมดนะ

กรองทอง - แบ่ง เหมือนกับแบ่งเป็นหมวดหมู่ เป็นเรื่องราวว่ายุคนี้ ในขณะนี้เป็นเรื่องอะไรบ้าง รัฐบาลปู vs น้ำท่วม น้องน้ำ แล้วก็มีการ์ตูนน้ำท่วมกรุง พ่อเดียวกัน โชว์แหลโชว์โง่ ก็มี คือถ้าไม่ได้ติดตามการเมืองตลอด จะเข้าใจหมดเลยนะ แล้วก็มียุคเสียดินแดน เขมร

กรองทอง - ที่มีใช้ให้ไปคาบแผ่นดินไทยมา

สนธิ - แล้วก็มียุคข้าราชการเสื้อแดง ยุคที่มีวันนี้เพราะพี่ให้มีกองทัพควายแดง เดี๋ยวผมไล่ให้คือ จริงๆ ผมคิดว่า คนที่เป็นคอการเมือง หรือคนที่เป็นพันธมิตรฯ ต้องซื้อไว้สักเล่มอย่างน้อย

กรองทอง - เพราะว่าอย่างที่คุณสนธิบอกด้วยว่า มันเป็นบันทึกประวัติศาสตร์เล่มหนึ่งเลย มันเป็นในรูปลักษณ์ของการ์ตูนคือ ถ้าพูดไปแล้วก็ไม่อยากจะยกยอพรรคพวกตัวเอง ผมว่าเป็นนักเขียนการ์ตูนมือหนึ่งของประเทศไทยตอนนี้

กรองทอง - รายละเอียดทุกอย่างเลย อย่างนุกชอบอันหนึ่ง ชอบส่วนตัว ช่วงรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ที่บอก ผบ.ทบ.กำลังปรับตัวให้เข้ากับรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ แล้วคือเก็บทุกรายละเอียดเลยนะ หัวเข็มขัดของแอร์เมส ใส่รองเท้าบูทเบอร์เบอร์รี่ เสื้อลายหลุยส์

สนธิ - คุณเห็นอันสุดท้ายที่วันนี้หรือเปล่า ที่คุณสุเทพเขาเป่านกหวีดบอกให้ผ่านวาระ 3 ก่อน พอผ่านวาระ 3 ก็บอกต้องผ่านศาลรัฐธรรมนูญ หมดศาลรัฐธรรมนูญต้องศาลไคฟง หมดศาลไคฟง ศาลพระภูมิต่อ แล้วดูศาลไคฟงมีภาษาจีนเขียนอยู่ 2 ตัว เขียนคล้ายๆว่า เปาบุ้นจิ้น พูดภาษาจีนออกมา ก็เลยไปถามว่าแปลว่าอะไร เขาบอกว่า อ่านว่า เก๋าเจ๊ง

กรองทอง- อันนี้ชื่อภาษาจีนที่ที่สื่อความหมายจีน

สนธิ - ชาติหมา

เติมศักดิ์ - และผ่านศาลพระภูมิแล้ว ยังมีต่ออีกนะ

สนธิ - มี

เติมศักดิ์ - ผ่านศาลพระภูมิก็ไม่ออกอีก

สนธิ - มีต่อเรื่อย มีแม้กระทั่งอาจจะจบถึงศาลโลก มีต่อไปเรื่อยๆ ไงมีต่อ

กรองทอง - เอเอสทีวีช็อปมีแล้ว ไปซื้อที่เอเอสทีวีก่อนได้

สนธิ - เอเอสทีวีช็อปก็มีครับ ซื้อของ หรือว่าแค่โทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ 02-633-5353

กรองทอง - ใช่ค่ะ

สนธิ - ส่งถึงบ้านเลย

เติมศักดิ์ - เห็นว่าจะมีประมูลต้นฉบับใช่ไหมครับ

สนธิ - ใช่ๆ มันมีต้นฉบับในนี้เป็นต้นฉบับของจริงเลยนะครับ เช่น ต้นฉบับเซ็กส์หมู่ ที่โรงแรมกลาโหมนะครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์บางเรื่อง บางเรื่องมันเหตุการณ์ซึ่งคลาสสิกมาก อาจประมูลสู้กันนิดนึงนะ เซ็กส์หมู่ ผมคิดว่าอีกไม่นานเดี๋ยวจะมีการประมูลขึ้นมาให้ มีอยู่อันนึงมันเป็น คือตอนนี้การ์ตูนบัญชา คามิน ต้องยาวนิดนึง เป็นการ์ตูนที่นอกจากเป็นคอนเซ็ปต์ที่เจ็บ เฟอร์เฟค และเป็นคอนเซ็ปต์ที่คุณเติมเพิ่งพูดเมื่อกี้ว่า คิดได้อย่างไร มันยังวิวัฒนาการลายเส้นกลายเป็นกราฟฟิกไปแล้ว มีอยู่อันนึงคือรูป ปูที่เดินไป และวิวัฒนาการกลายเป็นแรด โหอันนั้นสวยมาก รูปกราฟฟิกอันนี้สวยมาก อันนี้จะเอามาประมูล รายได้ทั้งหมดให้กับนักเขียนครับ นักคิด

เติมศักดิ์ - บัญชา คามิน นี่อยู่คู่กับผู้จัดการมา

สนธิ - ตั้งแต่ต้นแหละครับ คามิน อายุสัก 60 แล้วปีนี้ เป็นเด็กศิลปากร เขาอยู่กับผมมาตั้งแต่สมัยผมทำหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ตอนนั้นผมเป็น บก.หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ช่วง 14 ตุลาฯ เขาเดินถือ Portfolio ขึ้นมาบนโรงพิมพ์เลยนะ โรงพิมพ์อยู่ตรงถนนเพชรบุรี ผมนี่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง ผมเป็น บก.นะครับ พี่ครับ ผมเบื๊อก ผมอยากจะมาเสนอการ์ตูนพี่ ทำงานกับพี่ ผมก็ดู แค่ดูผมก็ผมก็ก๊ากละ ผมก็เอาสิ ก็เลยทำงานมาตลอด พอทำมาตลอดซักพักหนึ่งเขาจบศิลปากร เขาก็จะไปเรียนต่อที่อเมริกา ก็มาโน้นนี้นั่น ก็เลยคุยไปคุยมา ก็เลยสนับสนุนช่วยเหลือเขา ให้กำลังใจเขา ซื้อตั๋วเครื่องบินให้เขา เขาก็บินไปเรียนต่อที่ชิคาโก เขาก็จบทางศิลปะทางชิคาโก และทำงานอยู่บริษัทโฆษณาที่ชิคาโก แล้วพอกลับมาก็เป็นอยู่ในวงการโฆษณามาตลอด ตั้งแต่กลับมาก็ทำงานกับผมมาตลอดช่วยผม ไม่ว่าผมทำหนังสืออะไร คามินจะมาช่วยตลอด ภรรยาเป็นคนน่ารักมาก เป็นคนทำตับไก่อร่อย ตับไก่ปาเต อดีตเขาเป็นเลขาบริษัทโฆษณาเหมือนกัน 2 คนผัวเมีย เป็นคนน่ารักมาก มีลูก 2 คน ก็เป็นศิลปินทั้งคู่ ผู้หญิงคนโต รู้สึกจะชื่อแก๊ป หรือกิ๊ฟ ไม่รู้ ทำงานบริษัทโฆษณา
ก็อปปี้ไรเตอร์เก่งมาก แล้วก็ลูกชายชื่อคามิน คามินคือชื่อลูกชาย ก็เรียนถ่ายภาพอยู่ที่สถาบันศิลปะศึกษา เมืองซานฟรานซิสโกแล้วก็ใกล้จบแล้ว เป็นคนมีฝีมือทั้งครอบครัวชอบศิลปะหมดเลย คามิน หรือผมเรียกเบื๊อก เขาเป็นคนซึ่งทำครีเอทีฟโฆษณาให้เรามาหลายเรื่อง เช่น ผู้จัดการเปลี๊ยนไป ฝีมือเขาเขาเป็นคนออกครีเอทีฟชุดธนาคารเงินกำลังจะหมุนไป หมุนไป และก็มีคนกำลังจะกระโดนตึกตาย เพราะว่าธุรกิจล้มละลาย ก็มีอัศวินม้าขาวมาช่วย ก็มียมบาล ของเขาหมดเลย

กรองทอง - คือเป็นไอเดียที่คลาสสิคหมดเลยนะ ที่คุณสนธิพูดมา

สนธิ - เป็นไอเดียที่คลาสสิกมาก เขาเป็นคนที่คิดนอกกรอบ แล้วที่หน้าสนใจอย่างไม่มีคนรู้ ครั้งหนึ่งเขาเป็นคนออกแบบโฆษณาคอนเซ็ปต์ให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์จ้างเขาไป คามินนี้ละ คนนี้ละรู้ไว้ด้วย

เติมศักดิ์ - ช่วงไหน

สนธิ - รู้สึกจะช่วงอภิสิทธิ์ ต้นๆ ช่วงนั้นนะ ส่วนบัญชาก็เป็นหนุ่มเนื้อหอมหล่อ จริงเล่นหนังได้เลย จบเพาะช่าง แต่เป็นคนมาจากที่ราบสูง เป็นคนจิงใจ จริงจัง พูดน้อย เดือนร้อนเรื่องไรก็ไม่กล้าพูดเท่าไหร่ ตาม สไตล์ศิลปิน คู่นี้เขาจะไปด้วยกันคือคามินการ์ตูนนะ ไม่ใช่คนคนหนึ่งมานั้งคิดว่า ต้องมีคนหนึ่งคิดคอนเซ็ปต์แล้วคุยกับคนวาด แล้วคนวาดก็จะพยายามวาดใช้เส้นที่ดีตามคอนเซ็ปต์ที่ออกมา ที่นี้คามินกับบัญชาเขาคุยกันตั้งแต่ผู้จัดการออกเล่มแรกมาตลอด

เพราะฉะนั้นความที่เขาสนใจเรื่องการเมืองแล้วคุยกันทุกวัน มันเลยทำให้ พอพูดอะไรเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์นี้ บัญชาจะเข้าใจทันที บางทีเขาเข้าใจแล้วเขาวาดไม่ยอมให้คามินดูเขาต้องการจะเซอร์ไพรส์ ทั้ง2คนนี้เป็นคู่ที่เพอร์เฟคมาก ไม่มีอีกแล้วในเมืองไทย แล้วผมคิดว่าหมด 2 คนนี้ ไปก็หาคนมาแทนได้ยาก แล้วอีกอย่างเขาเป็นคนซึ่งจะแวะมาที่ออฟฟิตผม มาเพื่อมานั้งคุยกินกาแฟตอนเช้าสายๆ เพื่อมานั้งฟังเราคุยเรื่องการเมือง แล้วเขาจะเก็ต เขาเป็นคนที่บางครั้งการเมืองเขาจะลึกซึ้งมากจนเรานึกไม่ถึง เหมือนตัวที่เขาเขียนว่ากูว่าแล้ว เขาทำนายก่อนล่วงหน้า

กรองทอง - โหรการเมืองมีตกงานตอนที่วาดการ์ตูนนี้มา

เติมศักดิ์ - จำได้มียุคหนึ่งยุคทักษิณ ยุคแรกๆของทักษิณ การ์ตูนของบัญชา คามิน จะวาดทักษิณแรกๆ ต้องวาดเป็นลิเกถือดาบไม้

สนธิ - ทักษิณนี้โกรธมาก ทักษิณนี้ลึกๆ แล้วโกรธบัญชาคามินมาก เพราะว่ามีบรรพต ดามาพงศ์ จะเป็นทนายหน้า ห เอาการ์ตูนไปแล้วไปฟ้องทักษิณตลอดเวลา ดูสิมันล้อเลียน ทักษิณนี่ลึกๆ โกรธ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ทักษิณจะรูปลิเก ส่วน พล.อ.ชวลิตจะรูปตลก ตัวตลก

กรองทอง - ล่าสุดก็มีนะที่จะเข้าสภาฯ ปฏิรูป เวทีปฏิรูป และที่เป็นรูปแต่งตัวโจ๊กเกอร์รอ ที่มีคุณหญิงรออยู่บนเตียงแล้วแบบ นอนได้แล้ว มานอนได้แล้ว แต่งตัวโจ๊กเกอร์รอเลย เตรียมตัวรอ

สนธิ - คือแต่ละคนจะมีบุคลิกของตัวเอง

เติมศักดิ์ - คือสำหรับผมนะ เขาเป็นตัวแสบแห่งยุค

กรองทอง - ใช่ๆ

เติมศักดิ์ - แล้วไม่เข้าใครออกใครไง

กรองทอง - ต้องใช้คำนี้แล้วว่า แสบ

สนธิ - เขาตรงไปตรงมา สมัยก่อนเขาจะล้อผมนะ

กรองทอง - หรอ

สนธิ - มี ทำไมไม่มี ผมยังขำเลย เขามีอารมณ์ขันดี อย่าไปจริงจัง

กรองทอง - โดยส่วนตัวของพี่ทั้ง 2 คน เขาจะมีกลัวโดนฟ้องไหมคะ อย่างคนเขียนการ์ตูนบางคนก็โดนฟ้องไปแล้วนะ

สนธิ - ไม่มีใครโดน ไม่มี ถ้าโดนผมคิดว่า มันเป็นการล้อเลียน มันไม่มีปัญหาอะไรทางกฎหมายนะครับ พูดถึงการปฏิรูปการเมืองก็จะเสริมนิดนึง ผมนี่สนิทสนมกับ คุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ผมเรียกแก พี่หวัด คุณสวัสดิ์แกก็สนิทสนมกับ คุณสุนันท์ ศรีจันทรานะครับ ซึ่งเป็นพิธีกรของเรา สุนันท์นี่ก็เป็นเพื่อนรักกัน ทำงานควบคู่กันเหมือนเพื่อนร่วมงาน วันนึงคุณสุนันท์ก็เดินมาหาบอกว่า คุณสนธิ พี่หวัดเขาบอกว่า เขาจะพาบรรหารมาพบพี่ มาพบคุณสนธิ

กรองทอง - นี่คือเมื่อเร็วๆ นี้

สนธิ - ไม่กี่วันนี้เอง

กรองทอง - พี่บรรหารบอกว่า คุณบรรหารจะเดินสาย

สนธิ - ผมก็บอกคุณสุนันท์บอก สุนันท์ไปบอกพี่หวัดหน่อยได้ไหม อย่าพามา เพราะพามาแล้วเดี๋ยวหน้าแตก เพราะว่าเวลานั่ง ผู้สื่อข่าวจะมากันเยอะ ก็ต้องคุยกันมีกล้องทีวงทีวี แล้วถ้าคุณบรรหารเขามาเชิญผมไป ผมก็คือ ความเป็นสนธิ ลิ้มทองกุลนะ จะบอกว่าพี่บรรหาร พี่บรรหารจะปฏิรูปได้อย่างไร เพราะพี่บรรหารคือตัวปัญหาของระบบการเมือง และพี่จะปฏิรูปได้อย่างไร อย่ามาเชิญผมไปดีกว่า เพียงแค่นี้คุณบรรหารก็ตายแล้ว อย่ามาเชิญผมดีกว่า ยังไงผมก็ไม่ไป เพราะว่าการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ ผมก็ต้องพูดกับคุณบรรหาร ผมก็ต้องบอกพี่บรรหาร ที่พวกพี่ปฏิรูปกันนี่ปฏิรูปเพื่อรักษาอาชีพพวกพี่ ใช่ไม่ใช่ เพราะนักการเมืองคืออาชีพไปแล้ว มีเบี้ยหวัดบำนาญด้วยนะเดี๋ยวนี้

กรองทอง - เบี้ยตลอดชีพ

สนธิ - ตลอดชีพ

คลิก! อ่านต่อ


กำลังโหลดความคิดเห็น