“สุรนันทน์” เต้นสั่งโฆษกรัฐออกโรงโต้ “ยิ่งลักษณ์” เยือนนอกได้ประโยชน์ หลังโดนฝ่ายค้านโจมตีต่อเนื่อง แจงยิบเดินทาง 42 ครั้งรอบ 2 ปี หวังใช้ฟื้นฟูความเชื่อมั่น แสวงหาโอกาสและความร่วมมือใหม่ๆ ให้แก่ประเทศ มุบมิบไม่พูดถึงงบประมาณที่ใช้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 ส.ค. หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเด็นการเดินทางเยือนต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ที่เพิ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎร ทำให้นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทีมงานรวบรวมข้อมูลการภารกิจต่างประเทศของนายกฯเพื่อตอบโต้ฝ่ายค้านที่นำมาเป็นประเด็นโจมตีนายกฯอย่างต่อเนื่องโดยสิ้นเปลืองงบประมาณ ทั้งยังได้สั่งการให้สำนักงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจัดการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนในวันที่ 30 ส.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับรายงานสรุปดังกล่าวเป็นการสรุปข้อเท็จจริงการเยือนต่างประเทศของนายกฯ ระหว่างเดือน ก.ย. 54 - ส.ค. 56 มีการเดินทางทั้งหมด 42 ครั้ง โดยบางครั้งไปเยือนหลายประเทศในคราวเดียว แบ่งเป็นการเยือนประเทศอาเซียน 9 ประเทศ และเยือนประเทศในภูมิภาคอื่นอย่างเป็นทางการ 26 ประเทศ รวมทั้งเป็นเข้าร่วมการประชุม 19 ครั้ง
รายงานดังกล่าวระบุด้วยว่า ภาพรวมการเยือนต่างประเทศของนายกฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีเป้าหมายสำคัญเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศไทย ภายหลังวิกฤตทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถานะ บทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ การพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน อีกทั้งยังควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสและความร่วมมือใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย รวมไปถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆให้กับภาคเอกชนไทย
นอกจากนี้ยังมีการแจกแจงผลและสิ่งที่ได้จากการเยือนเป็นรายประเทศอีกด้วย เช่น สามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์กับกัมพูชา ยืนยันการพัฒนาการเชื่อมโยงกับพม่า เช่น การก่อกสร้างถนนตะนาวศรี-กอกะเร็ก และการผลักดันเดินหน้าโครงการทวาย ส่วนการเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อร่วมผนึกกำลังกับประเทศในเอเชีย เพิ่มการค้า การลงทุนภายในภูมิภาค ลดการพึ่งพาภูมิภาคยุโรป หรือสหรัฐฯที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ
สำหรับภูมิภาคยุโรป ในรายงานระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ถือเป็นนายกฯ คนแรกที่เยือนกลุ่มประเทษอียูอย่างเป็นทางการ และยังได้พบครบทุกเสาหลักสำคัญของอียูด้วย และเป็นการขอไปพบกับผู้บริหารของกลุ่มประเทศอียู เพื่อประกาศชัดเจนในการเดินหน้าเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ เพื่อประโยชน์การส่งสินค้าไทยไปขายที่ยุโรป
ส่วนภูมิภาคแอฟริกาที่มีการไปเยือน 3 ประเทศ ได้แก่ โมซัมบิก แทนซาเนีย และยูกันดานั้นระบุว่า เป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพด้านทรัพยากรธรรมชาติ และต้องการความรู้และความเชี่ยวชาญจากไทย เพื่อไปพัฒนาและต่อยอดการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เช่น การแปรรูปอาหาร รวมทั้งเปิดความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีผู้นำไทยไปเยือนมาก่อน โดยนายกฯได้เสนอ เรื่อง ข้อริเริ่มไทย-แอฟริกา เพื่อเป็นสะพานสานความสัมพันธ์และความร่วมมือให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
ในท้ายการรายงานบอกด้วยว่า นายกฯ ได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศ 19 ครั้ง เพื่อรักษาการมีส่วนร่วมในประเด็นระหว่างประเทศ และยกระดับบทบาทและสถานะประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยนายกฯ แสดงบทบาทและวิสัยทัศน์ผู้นำไทยในเวทีต่างๆ เช่น การผลักดันการเตรียมพร้อมการเข้าสูประชาคมอาเซียน โดยขอให้ทุกประเทศยึดการเติบโตและพัฒนาไปด้วยกันและการอยู่ร่วมกันโดยสันติ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงการเข้าร่วมเวทีด้านประชาธิปไตย ที่บาหลี และมองโกเลีย ว่านายกฯ ได้ย้ำถึงการยึดมั่นในการร่วมปกป้องและสร้างความเข้มแข็งของประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับรายงานฉบับดังกล่าวมิได้มีการกล่าวถึงงบประมาณที่ใช้ในการเยือนต่างประเทศในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด