xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลอำมาตย์-สองมาตรฐาน ไม่แก้ปัญหาแล้วยังยุให้แตกแยก!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

ต้องระบุชี้หน้ากันตรงๆ แบบนี้แหละว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เคยมีพวกที่อ้างตัวว่าเป็น “พวกไพร่” หนุนหลังอยู่นั้น แท้ที่จริงมันก็คือ “พวกอำมาตย์” ที่ไม่เคยเห็นหัวชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ กลับมีความพยายามพูดและทำให้เกิดวามแตกแยกเกิดขึ้นในหมู่ชาวบ้าน ที่บอกว่าม็อบชาวสวนยางและปาล์มน้ำมันนั้นเป็นม็อบการเมือง และย้ำว่ารัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงราคาแล้ว เพราะใช้เงินไปมากแล้วปล่อยให้เป็นกลไกตลาด ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันรัฐบาลกลับเผยตัวเลขรับจำนำข้าวในฤดูกาลใหม่ โดยกำหนดวงเงินในการเข้าแทรกแซงราคารับจำนำออกมาเรียบร้อยทั้งข้าวนาปีและนาปรัง รวมทั้งกำหนดเพดาน “ยอมขาดทุน” เอาไว้ล่วงหน้าเสร็จสรรพ

กลายเป็นคำถามเกิดขึ้นตามมาว่า รัฐบาลกำลังอุ้มชาวนา ขณะเดียวกันก็ลอยแพชาวสวนยางและปาล์มน้ำมันอย่างนั้นหรือ และนี่ไม่ใช่ “สองมาตรฐาน” งั้นหรือ เพราะรัฐบาลนี้กำลังสร้างความแตกแยกให้กับคนไทย ลักษณะไม่ต่างจากการ “แบ่งแยกแล้วปกครอง” ไม่ให้ความสำคัญแบบเสมอหน้ากัน อาจเป็นเพราะว่าเมื่อคำนวณแบบคณิตศาสตร์แล้วสรุปว่าเกษตรกรปลูกยางพาราแม้ว่าเวลานี้จะขยายออกไปทั่วประเทศทั้งภาคเหนือ อีสาน ภาคกลางตะวันออก แต่ก็ถือว่าภาคใต้ยังมีสัดส่วนการปลูกมาที่สุด ซึ่งก็ถือว่าไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล ยกเว้นแต่พวก “หัวโจกคนเสื้อแดง” เท่านั้น

เมื่อพิจารณาแบบนี้ก็อาจต้องเลือกเอาชาวนาไว้ก่อนหรือเปล่า เพราะชาวนาส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน เหนือ และภาคกลาง เพราะถ้าจะอ้างกลไกตลาดแล้วถือว่ากาารับจำนำแบบกำหนดราคาสูงกว่าตลาดเป็นสองเท่า อย่างนี้ไม่ถือว่าปล่อยให้เป็นกลไกตลาดแน่นอน หรือที่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุคล ลิ้มแหลมทอง บอกว่าเวลานี้มีปริมาณยางในสต็อกสูงมากคือกว่า 2 แสนตัน ใช้เงินแทรกแซงไปแล้วกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท และจะไม่แทรกแซงราคาอีกแล้ว ขณะเดียวกันยังสรุปแบบง่ายๆ ตื้นๆ ว่า “เป็นม็อบการเมือง” ความหมายก็คือเมื่อมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง เมื่อมีเจตนาโค่นล้มรัฐบาลก็ไม่ต้องไปเจรจาช่วยเหลืออย่างนั้นหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาจึงได้เห็นภาพการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่ายหลายราย

ต่อมาแม้มีการเจรจาก็ไม่มีเคยมีบุคคลสำคัญในระดบที่ตัดสินใจได้ ที่ส่งไปมีแค่ระดับ “กระจอก” อย่าง สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ที่แม้เป็นรองเลขาธิการนายกฯ แต่ในความเป็นจริงก็ทำได้แค่รับเรื่องร้องเรียนตัดสินใจอะไรไม่ได้ ไม่เคยให้เกียรติให้ความสำคัญ หรือคำพูดของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชา ประสพดี ที่นอกจากไม่เข้าใจวิถีชีวิตของชาวสวนยางแล้วยังมีความพยายามทำลายเครดิตของผู้ชุมนุมอย่างน่าเกลียดที่สุดก็คือคำพูดที่ว่า มีวัยรุ่นเข้าร่วมมาก มีลักษณะเหมือนกับการเมืองจัดตั้ง ซึ่งจะจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ยางพาราเป็นเหมือนกับชีวิตชาวภาคใต้ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะมีคนหนุ่มสาวกลับบ้านไปกรีดยางกันมากมาย สังเกตหรือไม่ว่าในการชุมนุมคราวนี้จะเห็นภาพชาวบ้านส่วนใหญ่“สวมรองเท้าแตะ” บางคนมีผ้าขาวม้าคาดพุง ทำไมไม่มองอีกด้านหนึ่งว่านี่คือม็อบชาวบ้านที่เขาเดือดร้อน ซึ่งจะว่าไปแล้วส่วนสำคัญก็มาจากความล้มเหลวจากนโยบายส่งเสริมการปลูกยางทั่วประเทศของรัฐบาล ในยุค ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ

อย่างไรก็ดี นาทีนี้หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่ก็ต้องมองออกว่ารัฐบาลกำลังพยายามทำลายเครดิตของม็อบสวนยางและปาล์ม ที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวหาว่าเป็นม็อบการเมือง เลี่ยงไม่พูดถึงมาตรการช่วยเหลือชาวสวนว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร การปฏิเสธไม่ยอมเจรจาถือว่าเป็นอันตราย เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวมีลักษณะ “ไม่มีแกนนำ” ต่างคนต่างมา เสี่ยงต่อการเกิดเหตุบานปลายได้ตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกันอีกมุมหนึงก็อาจเป็นไปได้ว่ามีเจตนาเพื่อให้บานปลาย แล้วมีความชอบธรรมในการสลายม็อบ เป็นการลดทอนภาพการเคลื่อนไหวของม็อบใหญ่ในวันที่ 3 กันยายนนี้ ที่จะดีเดย์พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งม็อบนี้แหละที่รัฐบาลกำลังผวา

ดังนั้น ถ้าให้สรุปว่ารัฐบาลชุดนี้เป็น “อำมาตย์” ที่ไม่เห็นหัวชาวบ้าน และ “สองมาตรฐาน” เลือกปฏิบัติในลักษณะแบ่งแยกและปกครอง โดยเอาตัวรอดในภาวะที่ตัวเอง “ถังแตก”เลือกเอาเฉพาะฐานเสียงส่วนใหญ่เอาไว้ก่อน ขณะเดียวกันยังมีก็อกสองตามมาอีกหากเสียหายบานปลายก็ยังอาจตะแบงโยนไปให้พรรคชาติไทยพัฒนาของ “นักปฏิรูประดับโลก” อย่างบรรหาร ศิลปอาชา ก็ได้ เพราะเป็นเจ้าของโควตากระทรวงเกษตรในเวลานี้ ขณะที่พรรคเพื่อไทยขอลอยตัว!!

กำลังโหลดความคิดเห็น