เกาะกระแส
00 ตอนแรกว่าจะไม่ชายตาแล"วงลิเกปฏิรูปฯ"ที่ทำเนียบฯที่อุปถัมป์โดย แม่ยกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันก่อน เพราะฟันธงได้ล่วงหน้าแล้วว่า ไม่มีแก่นสาร รวมไปถึงบทสรุปที่ไม่มีบทสรุปใดๆทั้งสิ้น เปลืองน้ำเปลืองไฟ สิ้นเปลืองเงินในการจัดประชุมเสียเวลาเปล่า แต่ในเมื่อยังมีสื่อและฝ่ายรัฐบาลพยายามสร้างกระแสให้เป็นจริงเป็นจัง ว่านี่แหละคือแสงสว่าง เป็นประตูที่จะนำไปสู่การ "ปรองดอง"สร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศไทย ว่าเข้าไปนั่น แต่ถามคำเดียวว่า แต่ละตัว เอ้ย แต่ละคนที่ได้รับเชิญมาตั้งวงพูดจาในเรื่องสำคัญนั้น ล้วนแต่เป็น"ตัวปัญหา" และเป็นต้นตอของวิกฤติการเมือง หรือเป็นพวกที่ต้อง "กำจัด"ไปให้พ้นเสียก่อน หากหวังจะให้เกิดการปฏิรูปเกิดขึ้นในประเทศนี้ขึ้นอย่างแท้จริง
00 ถามว่าคนอย่าง บรรหาร ศิลปอาชา ที่ถูกยกให้เป็นผู้ประสานงาน คัดท้ายการปฏิรูปฯด้วยการกำหนด 7 แนวทาง ซึ่งมีอะไรบ้างนั้นขี้เกียจจำและไปสนใจ เพราะมันไม่มีทางที่เกิดขึ้นจริง และคนอย่างบรรหาร นี่นะหรือที่มีเครดิตจะไปปฏิรูปให้ "ปลอดจากธุรกิจการเมือง" ไม่ให้นักการเมืองไปเกี่ยวข้องกับการรับเหมา ชักเปอร์เซ็นต์จากโครงการที่ใช้งบประมาณรัฐ หรือคนอย่าง ชวลิต ยงใจยุทธ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สมเกียรติ สุรนนท์ ประธานสภาขี้ข้า รวมทั้ง นิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภาทาส เป็นต้น หน้าตาแบบนี้หรือที่เชื่อถือได้ แค่เห็นหน้าก็จะอ้วกแล้ว ในทางตรงกันข้ามถ้าจะปฏิรูปฯแท้จริงต้องกำจัดพวกนี้ให้หมดไปจากโลกนี้ก่อนนั่นแหละ หรือแม้แต่ตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ม้แต่คำว่าปฏิรูปเขียนหรืออ่านอย่างไร ยังมีปัญหาอยู่เลย มันจะมีความหวังอะไรได้
00 แน่นอนว่าการตั้งวงพ่นน้ำลายเรื่องปฏิรูปฯดำเนินไปอยู่นั้น การพิจารณาร่าง นิรโทษฯ ร่างแก้ไข รธน.เพื่อรวบอำนาจให้ฝ่ายบริหารก็ดำเนินไปคู่ขนานกัน อย่างไรก็ดีเป้าหมายมองเห็นทันทีประเภท "อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่"ก็คือ ปูทางไปสู่สองเรื่องดังกล่าวเป้าหมายก็คือต้องการ "เขย่าตุลาการ"ที่ยังครอบงำไม่ได้ หลังจากยึดสภามาเป็น "ขี้ข้ารัฐบาล"เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เท่าที่เห็นถือว่าไม่มีความหมายแล้ว
00 อย่างไรก็ดีสิ่งที่เป็นปัญหาก่อให้เกิดวิกฤติกับรัฐบาลก็ยังคงเป็นเรื่องของ "ค่าครองชีพ"ที่พุ่งปรี๊ด ชาวบ้านเดือดร้อนกันไปทั่วหน้า ไม่เว้นแม้แต่พวกเสื้อแดง แต่ขอโทษต้องเป็นระดับปลายแถว ส่วนพวกหัวแถวหรือพอมีชื่อก็คงเกาะกลุ่มเอาตัวรอดรับทรัพย์กันอย่างสบายใจ เพราะราคาสินค้าเกษตรสำคัญทุกรายการตกต่ำหมด แม้แต่เรื่องข้าวที่ว่ายังอุ้้มชูอยู่ต่อไป แต่เมื่อราคารับจำนำงวดใหม่เริ่มมีเงื่อนไขยุบยับ ราคาไม่ต่ำกว่าเดิม รายได้ลดลงทันที มันก็ต้องเสียความรู้สึกกันบ้างละ
00 ไม่ต้องพูดถึงราคายาง และปาล์ม ที่เวลานี้เกษตรกรต่างหน้ามืดต้องออกมาชุมนุมประท้วงกันทั่วประเทศ และรับรองว่าที่เดือดร้อนนั้นไม่ใช่แค่ภาคใต้ แต่มันมีทุกภาค และให้จับตาวันที่ 3 ก.ย.ที่จะดีเดย์พร้อมกัน "ปิดประเทศ" ว่ากันว่างานนี้เป็นครั้งแรกที่ รัฐบาล"หนาว" เพราะดูแนวโน้มแล้ว "เอาจริง" และยิ่งมีการซ้ำเติมด้วยน้ำลายว่าเป็น "ม็อบการเมือง" มันก็ยิ่งเดือด เพราะการเมืองไม่การเมืองไม่รู้รู้แต่ว่ากูขายยางขาดทุน แล้วมึงไม่ช่วย แถมยังปากสุนัข ก็ต้องเจอกันหน่อย !!
00 คำพูดของ รมว.เกษตรฯ ยุล ลิ้มแหลมทอง ที่ย้ำว่าช่วยเหลือด้วยการรับซื้อยาง กก.ละ 120 บาทไม่ได้ เพราะราคาตลาดแต่ 70 กว่าบาทเท่านั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดมันก็อาจจะจริง แต่พูดแบบไม่รับผิดชอบ แถมแบ่งแยก แล้วที่เรื่องข้าวทำไมรับประกันยอมซื้อขาดทุน ที่สำคัญท่าทีในการตอบสนองมันต่างกัน อีกทั้งคำพูดดังกล่าวมันก็ไม่ต่างจาก "ไม่รับผิดชอบ"หรือพูดส่งเดช แบบนี้จะมีรัฐบาล มีรมต.ไว้ทำไม แต่อีกด้านหนึ่งมันก็เป็นความจรองที่น่าเจ็บปวดก็คือเวลานี้รัฐบาลกำลัง "ถังแตก" หมดเงินแล้ว ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความล้มเหลวมาจาก "ประชานิยม"ที่ซื้อเสียงจากงบประมาณแผ่นดิน มีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้ ผ่านไปสองสามรอบมันก็หมดหน้าตัก ก็รอลุ้นเงินกู้ 2 ล้านล้านนี่ไง จะได้เอามาโปะหมุนไปก่อน หลังจากโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านมันสะดุด เอาเป็นว่า นับจากนี้ไปขอให้ทุกคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวให้รอบคอบก็แล้วกัน ส่วนรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ นั้นอย่าไปหวังพึ่งแล้ว เพราะนับจากนี้ไปไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่วัน !!