เกาะกระแส
00 รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้ "ทักษิณคิดยิ่งลักษณ์ทำ" เผลอแป๊บเดียวผ่านมาสองปีแล้ว กำลังเดินต่อเข้าสู่ปีที่สาม และเชื่อจะกลายเป็นชวงทรมาณของคนไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากปัญหา "ของแพง" เศรษฐกิจที่กำลัง "ถดถอย" แม้ว่า รัฐบาลโดย รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง จะออกมายืนยันว่าแค่ "ชะลอ"เท่านั้น และเดี๋ยวปลายปีก็จะกลับดีเหมือนเดิมก็ตาม แต่ถ้าสัมผัสจากความรู้สึกสวนตัว รวมไปถึงจากการสอบถามคนที่รู้จักใกล้ตัว หากไม่โกหกก็ต้องบอกว่า "แย่" ไปตามๆกัน
00 ก็จะไม่ให้แย่ได้อย่างไรในเมื่อข้าวของแพงกระฉูด ข้าวราดแกง ข้าวผัดกระเพราะ(แบบไม่มีไข่ดาว"ก็ปาไปจานละ 35-40 บาทแล้ว เครื่องอุปโภคบริโภคล้วนปรับราคาไปแล้วทั้งสิ้น ค่าเดินทางไปกลับที่ทำงานกับบ้านวันหนึ่งแบบประหยัดที่สุดก็เป็นร้อยบาท นี่ว่ากันเฉพาะรถขนส่งสาธารณะ ซึงสำหรับพวกที่มีรายได้ประจำยังวางแผนล่วงหน้าได้บ้าง แต่พวกที่มีรายได้ไม่แน่นอนนี่สิ อ๊วกแน่ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ "หนี้ครัวเรือน" จึงพุ่งพรวด จนส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจหดตัวอย่างคาดไม่ถึง
00 ที่สำคัญล้วนเป็นสาเหตุมาจากความล้มเหลวของ "ประชานิยม" ที่มุ่งแต่ใช้เงินรัฐหาเสียงแบบมักง่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น เพราะทั้งจำนำข้าวที่กำลังสร้างหายนะกับฐานะการคลังของรัฐบาลจนแทบขยับไม่ออกแล้ว ล่าสุดจากท่าทีล่าสุดของ รมว.พาณิชย์ นิวัฒน์บุญทรง ธำรงไพศาล หลังจากล่อมพวกสมาคมชาวนาต่างๆได้แย้มออกมาแล้วว่า "จะไม่รับจำนำ(ซื้อ)ทุกเมล็ดอีกแล้ว แต่คราวนี้อ้างว่าจะจำกัดวงเงินไม่ให้ขาดทุนเกิน 1 แสนล้านบาท และลดราคาจำนำเหลือ 13,000 บาทต่อตัน จำกัดโควตาครอบครัวละไม่เกิน 3 แสน 5 หมื่นบาท รับจำนำปีละ 2 ครั้ง กับอีกทางหนึ่งราคาเท่าเดิมคือตันละ 15,000 บาท โควตาครัวเรือนละไม่เกิน 5 แสนบาท แต่จำนำปีละครั้ง แต่ความหมายก็คือ ทำไมเมื่อตอนหาเสียงทำไมบอกอย่างนี้ละ แบบนี้มัน "ต้ม"กันนี่หว่า อย่างไรก็ดีในความเป็นจริงรัฐบาลมัน "ถังแตก" หมุนเงินไม่ทัน เพราะที่ผ่านมาระบายข้าวไม่ออก เพราะแม้ว่าจะยอมขายขาดทุน แต่ราคาก็ยังสูงอยู่ดี แถมยิ่งเก็บนานยิ่งเสื่อมคุณภาพ ซึ่งเรื่องนี้แหละถือว่าจนมุม เพราะถ้ายังมีเงินให้ผลาญก็ต้องลุยเต็มที่อยู่แล้ว และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะทำให้ชาวนาพวกเดียวกันเสียความรู้สึก ขณะเดียวกันจะเป็นเรื่องที่ทำให้รัฐบาลปั่นป่วนในอีกไม่นาน
00 ต่อเนื่องจากประชานิยมที่กำลังพ่นพิษก็คือ "รถคันแรก" ที่เวลานี้ก็กลายเป็น "กับดัก" ทางเศรษฐกิจจนรัฐบาลดิ้นไม่หลุด เพราะกำลังกลายเป็นตัวการทำให้การ หนี้เพิ่ม และทำให้"จับจ่าย"หดตัว ส่งผลให้เศรษฐิจในภาพรวมถดถอยไปด้วย ลองคิดดูแล้วกันว่าขนาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังขายไม่ออก มันก็เป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้วว่ามันเลวร้ายอย่างไร ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรสำคัญทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ที่กำลังมีการประท้วงปิดถนนกันอย่างตึงเครียดเวลานี้มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลนี้ได้ดีที่สุด เพราะราคาตกต่ำที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นถ้าจะพูดว่าการประท้วงของชาวสวนยางและปาล์มทางใต้กำลังเริ่มต้น และอีกไม่นานก็จะลุกลามไปถึงภาคอื่นๆด้วย เนื่องจากเดือดร้อนไม่ต่างกัน และวันก่อน ม็อบข้าวโพดก็เพิ่งชุมนุมในปัญหาราคาตกต่ำเหมือนกัน กลายเป็นว่า นับวันยิ่งสาหัส
00 ขณะเดียวกันที่น่าเป็นห่วงก็คือ ทัศนคติที่อันตรายสำหรับคนในรัฐบาลก็ดูเหมือนจะเป็นการเติมฟืนลงในกองไฟ อย่างที่ รองนายกฯ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ปากพล่อยโพล่งออกมาว่าม็อบสวนยาง "เป็นม็อบการเมือง" ก็ขอให้ปากดีแบบนี้ไปเรื่อยๆก็แล้วกัน จะได้พังกันเร็วขึ้น ทั้งที่ถ้ามองกันแบบตามความเป็นจริงแล้วชาวบ้านที่มาประท้วงนั้นมาด้วยความเดือดร้อน และที่ผ่านมาก็ได้เรียกร้องมาายครั้ง ยื่นหนังสือทำทุกอย่าง แต่รัฐบาล "เฉย" ลูกเดียว อาจเป็นเพราะไม่ใช่พื้นที่เลือกตั้งของตัวเองเลยไม่สนใจก็ไม่รู้ เมื่อไม่สนใจก็ต้อง "ยกระดับการกดดัน" ด้วยการปิดถนน เพื่อบีบให้ นางนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หยุด"บินไปถ่ายรูป"เมืองนอกชั่วคราว หันมาดูแลปัญหาปากท้องชาวบ้านครอบครัวอื่นบ้าง อย่าสนใจเฉพาะ"ครอบครัวพี่ชายและคนฝนครอบครัว "ชินวัตร เท่านัั้น ได้โปรดเถอะ !!