ในช่วงสิงหาคมเรื่อยไปจนถึงกันยายนของทุกปี ก็เป็นที่รู้กันดีสำหรับข้าราชการประจำทุกหน่วยงานว่าคือช่วง “ฝุ่นตลบ”เพราะอยู่ในช่วงฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี เนื่องด้วย 30 กันยายนของทุกปี พวกข้าราชการทั้งหลายก็จะเกษียณอายุราชการ ก็ทำให้ต้องมีการแต่งตั้งโยกย้ายปรับเปลี่ยนเลื่อนตำแหน่งกันไปตามระบบ
ระหว่างนี้จึงเป็นช่วง “วิ่งเต้น”อย่างแท้จริงของข้าราชการไทยที่หากใครคิดอยากเติบใหญ่ก็ต้องเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์ไม่เช่นนั้นอย่าหวังจะได้เติบโต
ขณะนี้มีการเสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับ 10 เช่นรองปลัดกระทรวง-อธิบดี และ11 คือพวกปลัดกระทรวงหรือพวกเก้าอี้เลขาธิการสำนักงานฯ ในหน่วยงานที่ใช้โครงสร้างแบบสำนักงาน ทยอยให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกันแล้วตามลำดับ ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานไหนทำโผเสร็จแล้ว ก็ทยอยนำเข้าที่ประชุมครม.เห็นชอบกันไปเลย แม้จะเหลือเวลาร่วมเดือนกว่าๆ คือ 1 ตุลาคม ถึงจะได้เริ่มทำงานกันในตำแหน่งใหม่ก็ตาม
ที่ล็อตแรกเสร็จไปแล้ว ก็มี กระทรวงมหาดไทย ที่สรรพคุณข้าราชการกระทรวงนี้ไม่เป็นรองหน่วยงานไหนในเรื่องการทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นใหญ่
บัญชีแต่งตั้งชงเรื่องให้ครม.เห็นชอบเมื่อ 20 ส.ค. 56 โดยมีทั้งแต่งตั้งโยกย้าย-ต่ออายุราชการ ซึ่งมีรายชื่อที่น่าสนใจอาทิเช่น
1.ภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 2.ศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นอธิบดีกรมการปกครอง3.พินิจ หาญพาณิชย์ ผวจ.ลำพูน เป็นอธิบดีกรมที่ดิน 4.วีระ ศรีวัฒนตระกูล ผวจ.ประจวบ คีรีขันธ์ เป็น ผวจ.ตรัง 5.ระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.หนองบัวลำภู เป็น ผวจ.พิษณุโลก 6.ธานินทร์ สุภาแสน ผวจ.เชียงใหม่ เป็น ผวจ.ลำปาง เป็นต้น
ซึ่งที่มาที่ไปของแต่ละคนก็น่าสนใจไม่น้อย อย่างศิริพงษ์ ห่านตระกูลว่าที่อธิบดีกรมการปกครองคนใหม่ จะมาแทน นายชวน ศิรินันท์พร ที่เกษียณอายุราชการ สำรวจแล้วพบว่านอกจากได้แรงหนุนจากวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ดันให้ขึ้นมาเป็นมือขวาตัวเองแล้ว ทักษิณ ชินวัตรก็เห็นด้วย แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยจะเสนอชื่อไปหลายคนเพื่อให้ทักษิณเลือกทั้งสมศักดิ์ สุวรรณจริต ผวจ.ขอนแก่น-วินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.นครราชสีมา
แต่ทักษิณเคาะชื่อมาว่าต้องเป็นศิริพงษ์ เลยทำให้ผวจ.ปทุมธานี ชื่อแหกโผมาในช่วงโค้งสุดท้าย ทั้งที่ไม่ใช่ตัวเต็งตั้งแต่ต้น
ฟากกรมที่ดิน พินิจ หาญพาณิชย์ขยับจากผวจ.ลำพูนมาเป็นอธิบดีกรมที่ดิน นอกจากข่าวว่าได้แรงหนุนจากทั้งนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์และยงยุทธ ติยะไพรัช เพราะพินิจเคยเป็นรองผวจ.เชียงรายจึงคุ้นเคยกับแกนนำเพื่อไทยสายเชียงราย-เชียงใหม่หลายคน แล้ว ก็ยังพบว่าเป็นน้องเขย แลนด์ลอร์ดเมืองไทยอย่างอนันต์ อัศวโภคินบอสใหญ่บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย และธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ด้วย ซึ่งในวงการการเมือง-ธุรกิจรู้กันดีว่า บอสใหญ่แลนด์แอนด์เฮ้าส์ แนบแน่นกับทักษิณยิ่งนัก
สำหรับบทบาทเจ๊แดง นางเยาวภา ที่ก่อนหน้านี้ข่าวว่ามีบทบาทสำคัญในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำหลายกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย แม้ว่า ช่วงหลังเจ๊แดงพยายามลดบทบาทการเมืองเพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเป้าหลังชื่อ”เจ๊ด.”กระหึ่มไปหลายวงการ
แต่รอบนี้ เจ๊แดง พยายามไม่ให้ตัวเองมีชื่อถูกพูดถึง แต่ก็มีข่าวว่าเหตุที่ ธานินทร์ สุภาแสน ผวจ.เชียงใหม่โดนเด้งไปเป็นผวจ.ลำปางที่ถือว่าเป็นการลดชั้น ก็เพราะมีไฟเขียวมาจากเจ๊แดงให้จารุพงศ์ดำเนินการ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า มีปัญหาขัดแย้งในการทำงานให้นางเยาวภาบางอย่าง
แม้ช่วง2-3 เดือนที่ผ่านมา มีข่าวว่าธานินทร์จะเร่งสร้างผลงานอย่างหนักเพื่อหวังจะให้ถูกใจฝ่ายการเมืองในเพื่อไทย จะได้รั้งเก้าอี้ต่อไปได้ แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเลยต้องย้ายออกจากผวจ.เชียงใหม่แบบช้ำๆ ท่ามกลางข่าวว่าคนที่จะมาแทนไม่ใช่ใครที่ไหนเต็งหนึ่งยังน่าจะเป็น พงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผวจ.เชียงราย สายตรงนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำเพื่อไทย
ส่วนเบื้องหลังการย้ายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.หนองบัวลำภู อดีตน้องรักเนวิน ชิดชอบ ที่ได้ เป็น ผวจ.พิษณุโลก เดิมทีมีข่าวจะได้เป็นผวจ.สระบุรี หลังระยะหลังเข้าหาเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการและอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยที่คุ้นเคยกันดี แต่เมื่อเก้าอี้ผวจ.สระบุรีมีคนจองไว้แล้ว เสริมศักดิ์เลยช่วยออกแรงให้ได้ไปเป็นผวจ.พิษณุโลก บ้านเกิดของนายเสริมศักดิ์ที่ส่งนายระพีไปตรึงพื้นที่เอาไว้
ขณะที่วันชัย สุทธิวรการ ผวจ.อุบลราชธานี ที่กำลังถูกกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบเรื่องคลิปเสียงที่มีเผยแพร่ในโลกอินเตอร์เน็ตที่เป็นข่าวในทางลบเวลานี้ พบว่าเก้าอี้ยังเหนียวแม้จะโดนฝ่ายการเมืองปีกอีสานในพรรคเพื่อไทยหลายคนพยายามจะขอให้จารุพงศ์ รมว.มหาดไทย จัดการย้ายวันชัยออกจากผวจ.อุบลราชธานีมาตั้งแต่การแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี แต่ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะวันชัยได้เสียงหนุนจากส.ส.อุบลราชธานี เพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นสมคิด เชื้อคง -สุพล ฟองงาม ที่ช่วยไปเจรจากับจารุพงศ์ให้ ทำให้วันชัยยังเหนียวบนเก้าอี้ผวจ.อุบลราชธานี
อย่างไรก็ตาม แรงต้านไม่เอาวันชัยจากแกนนำเพื่อไทยบางส่วนก็ยังมีอยู่ จนหลายคนเชื่อว่าแต่งตั้งล็อตหน้าช่วงปลายเดือนกันยายน ดูแล้ว วันชัย หากยังได้อยู่เป็นผวจ.อุบลราชธานีต่อก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดา หลังก่อนหน้านี้เจ้าตัวโดนบางคนเอาภาพที่ถ่ายตอนบินไปพบทักษิณ ชินวัตรที่ต่างประเทศโดยมี เกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตส.ส.อุบลราชธานีหลายสมัยที่คอยหนุนหลังนายวันชัยมาตลอดยืนอยู่ในรูปด้วย แสดงให้เห็นว่า ผวจ.อุบลราชธานี คนนี้ธรรมดาเสียที่ไหน
ข่าวบอกมาว่า การแต่งตั้งโยกย้ายของมหาดไทยยังไม่จบ ยังมีอีกหนึ่งล็อตช่วงปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม เพราะระดับ 10 ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเกษียณอายุราชการรวม 17 ตำแหน่ง ที่เป็นผวจ. 14 ตำแหน่ง ผู้ตรวจฯ 3 ตำแหน่ง จึงจะมีการแต่งตั้งระดับ 9 คือรองผวจ.-รองอธิบดี สอบเลื่อนขั้นมารับตำแหน่งระดับ 10 ต่อไป รวมถึงตำแหน่งที่ว่างอยู่เพราะในการแต่งตั้งรอบนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งคนไปแทนที่เช่นผวจ.เชียงใหม่ ปทุมธานี ก็จะมีการทำให้เสร็จสิ้นในล็อตเดียวกันเร็ววันนี้
ไม่ใช่แค่ที่มหาดไทย กระทรวงอื่นๆ อย่างกระทรวงศึกษาธิการ ก็พบว่า มีการแต่งตั้งโยกย้ายในตำแหนงใหญ่ไปแล้วเช่นกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คืออภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เป็นเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แทนนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ. ซึ่งเกษียณอายุ- นางสุทธศรี วงษ์สมาน รองเลขาธิการคณะกรรมการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นปลัด ศธ. แทนนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ.เกษียณอายุ และรับโอนนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) คนแรกซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาหลายปีมาเป็นเลขาธิการ กกอ.แทน อภิชาติ จีระวุฒิ
ส่วนฝั่งกองทัพตามข่าวที่ปรากฏพบว่าบัญชีรายชื่อปรับย้ายนายทหารประจำปีระดับบิ๊กในแต่ละเหล่าทัพเคาะรายชื่อกันออกมาแล้ว เพื่อรอนำรายชื่อเข้าที่ประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม 2551 ในวันที่ 28 สิงหาคม
ข่าวออกมาค่อนข้างชัดว่า เก้าอี้ใหญ่ปลัดกระทรวงกลาโหมไม่น่าจะมีพลิกจากชื่อพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็กจะขยับจากรองปลัดกระทรวงโหมมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมแทนพลเอกทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดฯกลาโหมที่เกษียณ หลังฝ่ายการเมืองพอใจผลงานมาตลอด ทั้งเรื่องบทบาทผู้อยู่เบื้องหลังการวางแผนให้มีการเปิดโต๊ะพูดคุยกับบีอาร์เอ็นที่มาเลเซียหลายครั้งหรือบทบาทในฐานะที่กระทรวงกลาโหมส่งไปร่วมทีมสู้คดีเขาพระวิหารกับคณะทีมฝ่ายไทยที่กรุงเฮก เมื่อช่วงเมษายนที่ผ่านมา
ฟากกองทัพบก สื่อรายงานว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ผลักดันให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) เสนาธิการทหารบกขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ. เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.แทนตนเองในปี 2557 ส่วนคนที่จะมาเป็นเสนาธิการทหารบกแทนพลเอกอุดมเดชก็คือพล.ท.อักษรา เกิดผล (ตท.14) รองเสธ.ทบ. ที่ขยับขึ้นเป็น เสธ.ทบ.
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่ผู้คนสนใจกันมากในแต่งตั้งโยกย้ายทหารประจำปีนี้ก็คือ “ผู้บัญชาการทหารเรือ” เหตุเพราะเนื้อหาการพูดคุยในคลิปถั่งเช่าของทักษิณ ชินวัตรและพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ตัวทักษิณกับบิ๊กอ๊อด มีการระบุชื่อพล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง (ตท.13) ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ ว่าน่าจะดันขึ้นเป็น ผบ.ทร. แทนพล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. แต่เมื่อความดันมาแตกเสียก่อน หากทักษิณ-บิ๊กอ๊อดและบิ๊กปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รมว.กลาโหม ดันพล.ร.อ.อมรเทพมาเป็นผบ.ทร.จริง คงมีเสียงวิจารณ์ตามมาอย่างหนักโดยเฉพาะจากพวกทหารเรือทั้งหลาย
ผสมกับเรื่องคุณสมบัติบางอย่างคือตัวพล.ร.อ.อมรเทพ ไม่ได้จบโรงเรียนนายเรือในประเทศไทยแต่ไปจบนักเรียนนายเรือจากต่างประเทศ อันพบว่าที่ผ่านมาคนที่มาเป็นผบ.ทร.ล้วนจบโรงเรียนนายเรือในประเทศไทยทั้งสิ้น ยังไม่เคยมีทหารเรือคนใดจบจากต่างประเทศแล้วได้เป็นผบ.ทร. เลยทำให้ฝันของพล.ร.อ.อมรเทพ อาจไม่สมหวัง แม้ฝ่ายการเมืองก็ต้องการผลักดันเต็มที่
ผลก็เลยทำให้หลายคนเชื่อว่าชื่อที่พล.ร.อ.สุรศักดิ์ เสนอให้มาเป็นผบ.ทร.แทนตนเอง หนีไม่พ้น พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย (ตท.13) ที่จะได้ขยับจากรอง ผบ.ทร. ขึ้นเป็น ผบ.ทร.
คงต้องดูกันไปกับการจัดโผ-จัดทัพข้าราชการแต่ละหน่วยงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงสิงหาคม-กันยายนหรืออาจพ่วงไปถึงต้นเดือนตุลาคม จะเป็นอย่างไร ปีนี้มีบิ๊กข้าราชการเกษียณอายุราชการจำนวนมากพอสมควร และคงทำให้หลายหน่วยงาน ฝุ่นตลบกันพอสมควรกว่าจะสิ้นฤดูแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี