**สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มดีกรีความร้อนแรงมากขึ้้นทุกขณะ เหมือนกำลังอยู่ในช่วงระหว่างการตีกลองรัวรบประกาศศึก
ระหว่างระบอบทักษิณที่กำลังเหิมเกริม ลุแก่อำนาจอย่างเต็มที่่ กับกลุ่มประชาชนทนไม่ไหว ที่เริ่มมีมากขึ้้นเรื่อยๆ และกล้าแสดงออกเพื่อต่อต้าน โจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านโซเชียลมีเดีย
จนรัฐบาลที่เสียงแน่นปึ้กยังรู้สึกสั่นคลอน กระทั่งเผยโฉมเผด็จการที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมาด้วยการพยายามเข้ามาจำกัดสิทธิเสรีภาพในโลกออนไลน์ของประชาชน
สาเหตุที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และชายชราตัณหาหนาในคลิปถั่งเช่า เป็นเดือดเป็นร้อนเหมือนปลาไหลต้มเปรต อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องเข้ามาควบคุมโลกไซเบอร์ เนื่องจากสังคมออนไลน์กลายเป็นสื่อสำคัญที่ให้ความจริงกับประชาชน ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งยังเป็นศูนย์รวมในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลด้วย
**จากเดิมที่คิดว่า“คุมกองทัพได้ก็จบ”มันไม่จบอย่างที่คิด แม้ว่า“จะไว้ใจไอ้ตู่มาก”ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ทรยศต่อฐานเสียงของตัวเอง
จะว่าไปแล้ว สถานะของรัฐบาลยิ่่งลักษณ์กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็อยู่ในระนาบเดียวกันคือ สั่นคลอนอย่างมากจนประชาชนขาดศรัทธา จากพฤติกรรมตบเท้ารับใช้ สยบใต้อำนาจรมว.กลาโหมหญิง
จนลืมคิดถึงศักดิ์ศรีความเป็นชายชาติทหาร ไม่กล้าแม้แต่จะเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ที่กำลังจะปล่อยให้ฆาตกรที่ฆ่าพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และทหารอีกหลายนายพ้นผิด ทั้งๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับชาติบ้านเมือง
ถ้าวิญญาณของนายทหารเหล่านั้นได้เห็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตัวเอง สมยอมกับผู้ก่อความไม่สงบ จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในประเทศไทยเมื่อปี 2553 โดยไม่คิดทวงถามคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย นอกจากนิ่งเป็นบ้าใบ้ เดินตามก้นยิ่งลักษณ์ คงร่ำร้องขอความเป็นธรรมจากหลุมศพเพื่อถามนายตัวเองว่า
“ชีวิตพวกผมและศักดิ์ศรีความเป็นทหาร มีความสำคัญน้อยกว่าการรักษาตำแหน่งของตัวเองกระนั้นหรือ”
บทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เออออห่อหมกกับรัฐบาลไปเสียเกือบทุกเรื่อง อาจพอเข้าใจได้ว่า ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล เพราะกองทัพเป็นกลไกหนึ่งในการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งมีนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
**แต่ที่ยอมรับไม่ได้คือ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชาที่ดี ในการกดดันให้รัฐบาลต้องลากคอคนผิดมาลงโทษ หนำซ้ำยังสมยอม อ้างเป็นเรื่องของสภา ทั้งที่ “สภาปูแดง”กำลังจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมคนที่ฆ่าลูกน้องตัวเอง
นี่หรือผู้บัญชาการทหารที่พร่ำพูดว่า ต้องปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา 2 แสนกว่าคน มีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ แต่สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ กำลังใช้ชีวิตปกติท่ามกลางความไม่ปกติของสังคมนั้น กำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเคยมอบให้
**จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการเคลื่อนไหวเงียบๆ ด้วยความอึดอัดของ “กลุ่มยังเติร์ก”ระดับคุมกำลัง ที่เริ่มตั้งคำถามว่า “นายไปคุย “ท่า”ไหนกับ “ยิ่งลักษณ์”จึง “เชื่อง”ขนาดนี้”
ไม่เพียงเท่านั้น ในเรื่องงานด้านความมั่นคงที่มีการเปิดเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปเป็นวอลเปเปอร์ให้ ยิ่งลักษณ์ ถึงมาเลเซีย ในวันที่มีการลงนาม แถมนายพลถั่งเช่า ยังคุยเสร็จสรรพในคลิปว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งแฮปปี้
ทั้งๆ ที่คนทำงานด้านความมั่นคงย่อมรู้ดีแก่ใจว่า นโยบายของรัฐบาลที่กำกับโดยนักโทษหนีคดีในการเปิดเจรจาครั้งนี้ เป็นการสร้างภาพเอาการตลาดมานำความมั่นคง ปล่อยให้ชีวิตเจ้าหน้าที่ ประชาชน ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดภาคใต้ อยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น
แถมยังเป็นการยกระดับให้กับกลุ่มบีอาร์เอ็น ได้มีตัวตนในโลก เรียกว่าโจรใต้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนไทยสุ่มเสี่ยงที่อาจจะต้องเสียด้ามขวาน จากข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ของบีอาร์เอ็น ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังพิจารณาอยู่
จึงเป็นเรื่องน่าขำที่ พล.อ.ประยุทธ์ ช่างกล้าออกมาเตือนคนในสังคมให้แก้ปัญหาด้วยสติปัญญา พร้อมกับขู่ว่า ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าอยู่กันเลย
"จำคำพูดผมไว้ว่า ถ้าแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญากันไม่ได้ ก็อย่าอยู่กันเลย ใช้สมองไม่เป็น ก็อย่าอยู่กัน ใช้กฎหมายไม่ได้ ก็อย่าเป็นคนไทยเลย ก็ไปเป็นโจรป่าห้าร้อยกัน อยากเป็นก็เป็นไป แต่ผมคงเป็นไม่ได้ เพราะยังต้องปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา 2 แสนกว่าคน”
ความจริงคนที่ต้องตั้งสติให้มั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะจากข้อความที่พ่นออกมาก็ชัดเจนว่า อารมณ์ล้วน ๆ แล้วยังกล้าบอกให้คนอื่นใช้สติและปัญญา
สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ควรทำในขณะนี้คือ ลองนั่งนิ่ง ๆ ลำดับภาพเหตุการณ์ที่ พล.อ.ร่มเกล้า และเหล่าทหารกล้า ต้องสังเวยชีวิตกับการก่อการร้ายเพื่อช่วงชิงอำนาจของ ทักษิณ ชินวัตร จำเลยก่อการร้ายที่ 1 พี่ชายของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วถามตัวเองว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชา ท่านควรทำอย่างไร และในฐานะความเป็นคนถ้ามีสำนึกที่ดี ควรจะทำอย่างไร
ไม่มีใครอยากให้ทหารปฏิวัติ และไม่มีใครเขาตั้งความหวังกับคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนที่ท่านยกตัวเองอยู่ในขณะนี้ แต่เขากำลังข้องใจสถาบันทหาร ที่กำลังมีปัญหาเรื่องศักดิ์ศรีตัวเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็จะเหลือเท่า“หนูถั่งเช่า”
**แม้ว่าในวันนั้นอาจจะมียศตำแหน่งทางการเมืองใหญ่โตหลังเกษียณ แต่คงไม่มีความหมาย ถ้าสิ้นศักดิ์ศรี !!
ระหว่างระบอบทักษิณที่กำลังเหิมเกริม ลุแก่อำนาจอย่างเต็มที่่ กับกลุ่มประชาชนทนไม่ไหว ที่เริ่มมีมากขึ้้นเรื่อยๆ และกล้าแสดงออกเพื่อต่อต้าน โจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านโซเชียลมีเดีย
จนรัฐบาลที่เสียงแน่นปึ้กยังรู้สึกสั่นคลอน กระทั่งเผยโฉมเผด็จการที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมาด้วยการพยายามเข้ามาจำกัดสิทธิเสรีภาพในโลกออนไลน์ของประชาชน
สาเหตุที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และชายชราตัณหาหนาในคลิปถั่งเช่า เป็นเดือดเป็นร้อนเหมือนปลาไหลต้มเปรต อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องเข้ามาควบคุมโลกไซเบอร์ เนื่องจากสังคมออนไลน์กลายเป็นสื่อสำคัญที่ให้ความจริงกับประชาชน ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งยังเป็นศูนย์รวมในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลด้วย
**จากเดิมที่คิดว่า“คุมกองทัพได้ก็จบ”มันไม่จบอย่างที่คิด แม้ว่า“จะไว้ใจไอ้ตู่มาก”ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ทรยศต่อฐานเสียงของตัวเอง
จะว่าไปแล้ว สถานะของรัฐบาลยิ่่งลักษณ์กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็อยู่ในระนาบเดียวกันคือ สั่นคลอนอย่างมากจนประชาชนขาดศรัทธา จากพฤติกรรมตบเท้ารับใช้ สยบใต้อำนาจรมว.กลาโหมหญิง
จนลืมคิดถึงศักดิ์ศรีความเป็นชายชาติทหาร ไม่กล้าแม้แต่จะเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ที่กำลังจะปล่อยให้ฆาตกรที่ฆ่าพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และทหารอีกหลายนายพ้นผิด ทั้งๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับชาติบ้านเมือง
ถ้าวิญญาณของนายทหารเหล่านั้นได้เห็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตัวเอง สมยอมกับผู้ก่อความไม่สงบ จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในประเทศไทยเมื่อปี 2553 โดยไม่คิดทวงถามคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย นอกจากนิ่งเป็นบ้าใบ้ เดินตามก้นยิ่งลักษณ์ คงร่ำร้องขอความเป็นธรรมจากหลุมศพเพื่อถามนายตัวเองว่า
“ชีวิตพวกผมและศักดิ์ศรีความเป็นทหาร มีความสำคัญน้อยกว่าการรักษาตำแหน่งของตัวเองกระนั้นหรือ”
บทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เออออห่อหมกกับรัฐบาลไปเสียเกือบทุกเรื่อง อาจพอเข้าใจได้ว่า ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล เพราะกองทัพเป็นกลไกหนึ่งในการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งมีนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
**แต่ที่ยอมรับไม่ได้คือ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชาที่ดี ในการกดดันให้รัฐบาลต้องลากคอคนผิดมาลงโทษ หนำซ้ำยังสมยอม อ้างเป็นเรื่องของสภา ทั้งที่ “สภาปูแดง”กำลังจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมคนที่ฆ่าลูกน้องตัวเอง
นี่หรือผู้บัญชาการทหารที่พร่ำพูดว่า ต้องปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา 2 แสนกว่าคน มีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ แต่สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ กำลังใช้ชีวิตปกติท่ามกลางความไม่ปกติของสังคมนั้น กำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเคยมอบให้
**จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการเคลื่อนไหวเงียบๆ ด้วยความอึดอัดของ “กลุ่มยังเติร์ก”ระดับคุมกำลัง ที่เริ่มตั้งคำถามว่า “นายไปคุย “ท่า”ไหนกับ “ยิ่งลักษณ์”จึง “เชื่อง”ขนาดนี้”
ไม่เพียงเท่านั้น ในเรื่องงานด้านความมั่นคงที่มีการเปิดเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปเป็นวอลเปเปอร์ให้ ยิ่งลักษณ์ ถึงมาเลเซีย ในวันที่มีการลงนาม แถมนายพลถั่งเช่า ยังคุยเสร็จสรรพในคลิปว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งแฮปปี้
ทั้งๆ ที่คนทำงานด้านความมั่นคงย่อมรู้ดีแก่ใจว่า นโยบายของรัฐบาลที่กำกับโดยนักโทษหนีคดีในการเปิดเจรจาครั้งนี้ เป็นการสร้างภาพเอาการตลาดมานำความมั่นคง ปล่อยให้ชีวิตเจ้าหน้าที่ ประชาชน ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดภาคใต้ อยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น
แถมยังเป็นการยกระดับให้กับกลุ่มบีอาร์เอ็น ได้มีตัวตนในโลก เรียกว่าโจรใต้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนไทยสุ่มเสี่ยงที่อาจจะต้องเสียด้ามขวาน จากข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ของบีอาร์เอ็น ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังพิจารณาอยู่
จึงเป็นเรื่องน่าขำที่ พล.อ.ประยุทธ์ ช่างกล้าออกมาเตือนคนในสังคมให้แก้ปัญหาด้วยสติปัญญา พร้อมกับขู่ว่า ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าอยู่กันเลย
"จำคำพูดผมไว้ว่า ถ้าแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญากันไม่ได้ ก็อย่าอยู่กันเลย ใช้สมองไม่เป็น ก็อย่าอยู่กัน ใช้กฎหมายไม่ได้ ก็อย่าเป็นคนไทยเลย ก็ไปเป็นโจรป่าห้าร้อยกัน อยากเป็นก็เป็นไป แต่ผมคงเป็นไม่ได้ เพราะยังต้องปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา 2 แสนกว่าคน”
ความจริงคนที่ต้องตั้งสติให้มั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะจากข้อความที่พ่นออกมาก็ชัดเจนว่า อารมณ์ล้วน ๆ แล้วยังกล้าบอกให้คนอื่นใช้สติและปัญญา
สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ควรทำในขณะนี้คือ ลองนั่งนิ่ง ๆ ลำดับภาพเหตุการณ์ที่ พล.อ.ร่มเกล้า และเหล่าทหารกล้า ต้องสังเวยชีวิตกับการก่อการร้ายเพื่อช่วงชิงอำนาจของ ทักษิณ ชินวัตร จำเลยก่อการร้ายที่ 1 พี่ชายของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วถามตัวเองว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชา ท่านควรทำอย่างไร และในฐานะความเป็นคนถ้ามีสำนึกที่ดี ควรจะทำอย่างไร
ไม่มีใครอยากให้ทหารปฏิวัติ และไม่มีใครเขาตั้งความหวังกับคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนที่ท่านยกตัวเองอยู่ในขณะนี้ แต่เขากำลังข้องใจสถาบันทหาร ที่กำลังมีปัญหาเรื่องศักดิ์ศรีตัวเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็จะเหลือเท่า“หนูถั่งเช่า”
**แม้ว่าในวันนั้นอาจจะมียศตำแหน่งทางการเมืองใหญ่โตหลังเกษียณ แต่คงไม่มีความหมาย ถ้าสิ้นศักดิ์ศรี !!