คณะกรรมาธิการกิจการสภา สอบงบฯ ฉาวกราวรูด จี้ประธานสภาฯ สอบผู้สั่งตำรวจคุกคามฝ่ายนิติบัญญัติ พร้อมชงสอบ รองประธานสภาฯ บีบกัปตันการบินไทยขอลงเครื่องที่สนามบินดอนเมือง
นายอภิชาต การิกาญจน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภา ผู้แทนราษฏร และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย โฆษกคณะกรรมาธิการฯ แถลงผลการประชุมว่า กมธ.ได้ติดตามการตรวจสอบหลายเรื่อง โดยได้เชิญนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายนุกูล สัญฐิติเสรี รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร และผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัย เข้าชี้แจงหลายกรณี เริ่มจากกรณีที่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล เข้ามาคุมสถานการณ์หน้าสภา ในวันที่ 20 ส.ค. ซึ่งนายสุวิจักขณ์ชี้แจงว่า เป็นสิทธิของผู้อำนวยการสำนักเลขาฯ ที่สามารถทำได้ แต่ กมธ.เห็นว่า การประชุมร่วมเป็นเรื่องภายในของรัฐสภา สามารถหาข้อยุติได้ โดยการหารือของวิปฯ 3 ฝ่าย อีกทั้งไม่มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษจึงไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าตำรวจนครบาลเข้าแทรกแทรง ซึ่งถือเป็นการคุกคาม กดดันองค์กรนิติบัญญัติ และอย่าให้เกิดอีก ซึ่งกรณีนี้ กมธ.จะทำหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ให้สืบสวนต่อไป
นายบุญยอดกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พบว่า การส่งมอบพื้นที่จำนวน 90 ไร่ขณะนี้ มีการส่งมอบเพียงแค่ 47 ไร่ โดยมีความคืบหน้าในการก่อสร้างเพียง 0.17 เปอร์เซ็นต์ และปัญหาที่พบขณะนี้คือ ดินที่ต้องขุดขึ้นมามีถึง 1 ล้านคิว แต่ต้องจัดหาผู้มาประมูลซื้อดินดังกล่าว รวมถึงการปลูกต้นไม้โดยรอบเพิ่มขึ้นทั้งหมด เป็นข้อมูลถึงวันที่ 15 ส.ค.256
นายบุญยอดกล่าวว่า ปัญหาจากการดำเนินโครงการรัฐสภาประจำจังหวัดนำร่องทั้ง 6 จังหวัด พบว่ามีปัญหาที่ จ.อุบลราชธานี มีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น เพราะมีการไปเช่าอาคารสถานที่ของอดีต ส.ส.รัฐบาล ตั้งเป็นสำนักงานตกเดือนละ 2.4 แสนบาท หรือปีละ 3 ล้านบาท ทั้งที่โครงการนำร่องของจังหวัดอื่น ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเป็นการขอความร่วมมือหน่วยงานราชการในจังหวัดเพื่อขอใช้พื้นที่ให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดิน และโดย กมธ.กิจการสภาฯ มีมติให้ยุติการเช่าหลังจากสิ้นปีงบประมาณ 2556 โดยให้ประสานหน่วยงานราชการเพื่อขอใช้พื้นที่เหมือนจังหวัดอื่นแทน
นายบุญยอดกล่าวว่า กรณี นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประจำตัวประธานสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงถึงการใช้โพสต์เฟซบุ๊กสภาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นหน่วยงานภายนอกไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น กมธ.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะป็นการแอบอ้างใช้สัญลักษณ์รัฐสภา ลงบทความและรูปภาพไม่เป็นกลาง เพราะหลายกรณีแล้วที่เกิดขึ้นในเฟสบุ๊กดังกล่าว
ส่วนเรื่องปรากฏภาพการเล่นการพนัน 2 จุดในรัฐสภานั้น ทาง กมธ.กิจการสภาท้วงติงว่าทั้งที่มีการตั้งกล้องวงจรปิดทั่วสภา เหตุใดจึงจับไม่ได้และไม่มีหลักฐาน ซึ่งนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับปากจะไปตรวจสอบทีวีวงจรปิดในสภาทั้งหมด เพื่อหาคนทำผิดมาดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ทาง กมธ.กิจการสภาจะเสนอเรื่องถึงประธานสภาฯ ให้ตรวจสอบเช่นกัน
ส่วนกรณีนาฬิกาดิจิตอลที่ติดทั่วรัฐสภา 200 กว่าเรือน ราคาเรือนละ 7.5 หมื่นบาท รวมทั้งนาฬิกาที่เป็นแบบคลาสสิกที่ติดในห้องประชุมใหญ่ 2 เรือนนั้น นายสุวิจักขณ์ชี้แจงว่า สาเหตุที่ต้องใช้ระบบดิจิตอลนั้น เพราะระบบเก่าที่ใช้ตั้งแต่ปี 2517 มีปัญหา และคนเขียนทีโออาร์ จำนวน 15 ล้านบาท คือผู้อำนวยการสำนักมาตราวิทยา เพื่อให้เป็นนาฬิกาที่เที่ยงตรง เหมือนสำนักมาตราวิทยา
ทั้งนี้ 240 จุดที่ติดอยู่ในห้องประชุมกรรมาธิการและห้องประธานกรรมาธิการชุดต่างๆ ทั่วสภา ซึ่งในส่วนของห้องผู้นำฝ่ายค้าน ประธานวิปฝ่ายค้าน และคณะทำงานฝ่ายค้านทั้งหมด รวมถึงห้องประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่มีนายชนินทร์ รุ่งแสง เป็นประธานกรรมาธิการ จะไม่ขอรับนาฬิกาดังกล่าว และขอให้เจ้าหน้าที่เทคนิคมาถอดออกไปเพราะคิดว่าไม่เหมาะสมคุณค่า
ส่วนไอแพด 4 ที่ทางรัฐสภาได้แจกแจก พบว่ามี ส.ส.รับไปแล้ว รวม 500 เครื่อง จากที่ตั้งงบไว้ 808 เครื่อง กมธ.กิจการสภาฯ เห็นว่าเมื่อแจกเครื่องไปแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องติดตั้งค่าอินเตอร์เน็ตให้อีก จึงขอให้ เลขาธิการรัฐสภา ไปปรับลดค่าบริการอินเตอร์เน็ตของบริษัทเครือข่ายปีละ 8 ล้านบาท เพราะผู้ที่ใช้สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายได้เอง
สำหรับห้องวอร์รูมของรัฐสภาที่ใช้งบ 24.4 ล้านบาท ในการสร้างบนพื้นที่จอดรถเดิม ด้านหลังอาคารรัฐสภา นายสุวิจักขณ์ชี้แจงว่า ในการประสานงานดูแลความปลอดภัยในรัฐสภา ต้องประสานกับหน่วยงานอื่น ทั้งตำรวจและฝ่ายความมั่นคง จึงจำเป็นต้องมีการติดตั้งระบบ และทำห้องประชุมร่วม โดยห้องดังกล่าว จะเป็นศูนย์รวมบันทึกภาพ ซีซีทีวี ทั้งหมดของรัฐสภา เพื่อประเมิน ทำเป็นห้องคอนโทรลและห้องพักของเจ้าหน้าที่ ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่าย จะเป็นเรื่องอุปกรณ์และการติดตั้งควบคุมและเป็นงบประมาณเหลือจ่ายปี 54 และ 55
นายสุวิจักขณ์ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันมีตำรวจรัฐสภา 114 นาย และจะต้องมีการรับเพิ่มอีก 150 นาย เพื่อไปรองรับการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่โดย กมธ.กิจการสภา ท้วงติงว่า ในปีงบประมาณ 56 หากมีงบเหลือต้องส่งคืนคลังทั้งหมด และอย่ากันงบมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายสิ้นเปลือง เพราะรัฐสภาควรเป็นแบบอย่างในการใช้จ่ายงบอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นต้นแบบของสังคม และขอให้จากนี้อย่าให้มีการกันงบประมาณเหลือใช้ โดยหากมีเงินเหลือใช้ให้ส่งคืนหลังทันที
ส่วนเรื่องกระแสข่าวนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้บีบให้กัปตันการบินไทยนำเครื่องลงจอดที่สนามบินดอนเมืองทังที่ปลายทางอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น ในการประชุมของ กมธ.กิจการสภา จะเสนอให้มีการนำเรื่องเข้ามาใน กมธ.กิจการสภา มีการตรวจสอบต่อไป