ปธ.กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ สภาฯ จี้รัฐทบทวนปรับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนเดือนละ 50 สตางค์ หวั่นกระทบประชาชนและเศรษฐกิจ เรียกนายกฯ-รมว.พลังงานแจง 24 ก.ค. อีกด้านพบพิรุธข้าวถุง “ร้านถูกใจ” ล่องหน 2 ล้านตัน หลัง อคส.รับยังผลิตได้แค่ 5 แสนตัน หวั่นข้าวถูกเวียนเทียน เผยข้าวเน่าที่พังงาเป็นข้าวช่วยน้ำท่วม จัดซื้อแบบพิเศษ หวั่นขนส่งเป็นแพะ
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และนายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงคัดค้าน กรณีที่ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เตรียมปรับราคาขายปลีกก๊าซปิโตเลียมเหลว (แอลพีจี) ภาคครัวเรือน ขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 56 - 1 ก.พ. 57 โดยจะเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กพช. และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน มาชี้แจงถึงการปรับขึ้นราคาดังกล่าว ในวันพุธที่ 24 ก.ค. เนื่องจากในเบื้องต้น คณะกรรมาธิการทั้ง 2 ชุด มีมติไม่เห็นด้วย
นายชนินทร์กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลทบทวนเนื่องจากมีผลกระทบต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจกำลังถดถอย หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น สร้างภาระให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อย แม้ว่า กพช.มีแนวทางช่วยเหลือประชาชนผู้บริโภคน้อย แต่ตนคิดว่าจากการสำรวจผู้ใช้ก๊าซหุงต้มจำนวน 7.6 ล้านครัวเรือน จะครอบคลุมหรือไม่ อีกทั้งการประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิงถือเป็นผลทางจิตวิทยาส่งผลกระทบต่อการขนส่ง อาจมีการขึ้นราคาสินค้าไปล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป ไม่แน่ใจว่ากระทรวงพาณิชย์ เข้าไปดูแลเรื่องราคาสินค้าหรือไม่ ยืนยันว่าการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มจะเป็นการซ้ำเติมประชาชน
นายชนินทร์ยังกล่าวถึงกรณีปัญหาข้าวถุงที่รัฐบาลให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ไปบรรจุถุงขายในราคาถูกที่ร้านค้าถูกใจ จำนวน 2.5 ล้านตัน ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาพบว่า อคส.ได้ใช้ข้าวไปเพียง 4-5 แสนตัน จึงอยากถามว่าข้าวอีก 2 ล้านตันหายไปไหน มีอยู่จริงหรือไม่ หรือไปอยู่ในโกดังของ 6 บริษัท ผู้รับบรรจุข้าว และจะมีมาตราการดูแลรักษาอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมาธิการตั้งข้อสังเกตว่าหากมีการดูแลไม่ดีก็อาจมีการเวียนเทียนเอาข้าวเก่าไปบรรจุถุงขาย และเอาข้าวใหม่ไปส่งออก อย่างไรก็ตาม กมธ.ได้ขอข้อมูลในเรื่องดังกล่าวมาแล้ว 2 สัปดาห์ ก็ยังไม่ได้ข้อมูล เป็นเพราะข้อมูลไม่ครบหรือเกิดการเวียนเทียนข้าวอยู่
นอกจากนี้ยังพบว่า ต้นทุนการบรรจุถุงราคาสูงถึง 26 บาทต่อถึง ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินจริงจากราคาปกติที่อยู่ที่ ถุงละ 15-20 บาท ซึ่ง กมธ.จะตรวจสอบว่ากระบวนการการจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใส ทุจริตหรือไม่อย่างไร โดยจะเรียกทีโออาร์มาดู ซึ่งได้ขอเอกสารไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
“นายกฯ บอกว่าการให้ข่าวเกี่ยวกับคุณภาพต้องระวัง ซึ่งผมให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต และความปลอดภัยของประชาชน มากกว่าภาพลักษณ์ของรัฐบาล ซึ่งเป็นมุมมองที่ต่างกัน และไม่แน่ใจว่าการที่ นายกฯ พูดในลักษณะดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณไม่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการใช่หรือไม่” นายชนินทร์กล่าว
นายชนินทร์กล่าวต่อว่า กมธ.มีการพิจารณาข้าวในถุงยังชีพที่ช่วยเหลือผู้ประอุทกภัยใน จ.พังงาเน่า โดยมีการเชิญนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และนายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงามาชี้แจง ซึ่งผู้ที่ผ่านมาชี้แจงพยายามซัดทอดว่าข้าวเน่าดังกล่าวเกิดจากกระบวนการขนส่ง แต่การขนส่งก็ใช้เวลาไม่เกิน 24 ชม. ไม่อาจทำให้ข้าวเกิดการเสื่อมคุณภาพได้ ดังนั้นทาง กมธ.จะติดตามตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อไม่ให้ บริษัทขนส่ง เป็นแพะรับบาปในกรณีนี้ ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวมีการจัดข้าวเป็นกรณีพิเศษ ข้าวน่าจะไปเน่าที่ปลายทาง กมธ.จึงตั้งข้อสังเกตว่าการจัดซื้อจัดจ้างน่าจะมีปัญหาไม่ ไม่น่าจะเกิดจากกระบวนการขนส่งเพียงอย่างเดียว โดยน่าจะเกิดจากกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วย