ส.ว.สรรหาจวกยับ ประธานวุฒิฯ อภิมหาคุณภาพจากฉะเชิงเทรา หลังให้ข่าวป้ายสีเป็นพวกเดียว ปชป.-ชิงพื้นที่ข่าว-ไม่ลงคะแนนเสียง แถมอวดอุตริทำหน้าที่ประธานได้ดีกว่า “สมชาย” เคลียร์กลับมาใหม่เพราะมีบทเฉพาะกาลใน รธน. ย้อนถ้าเป็นพวกเดียวกับเพื่อแม้วจะเกิดอะไร ชี้เคยให้ข่าวดูถูกหลายครั้งแล้ว “วันชัย” ชี้ถ้าทำตัวแบบนี้จะอยู่อย่างไม่เคารพกัน ท้าประกาศศึกก็ลองดู “คำนูณ” ถามจะรับผิดชอบอย่างไร
วันนี้ (19 ส.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานในที่การประชุม ก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือถึงปัญหาต่างๆ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีคำให้สัมภาษณ์ของนายนิคมถึงการทำหน้าที่ของ ส.ว.สรรหา ว่าทำไมท่านจะต้องแบ่งการทำหน้าที่ของ ส.ว.สรรหาและเลือกตั้ง จนทำให้เกิดความแตกแยก ถือเป็นการดูถูก ส.ว.สรรหามาก ท่านอาจจะแสดงความคิดเห็นในฐานะ ส.ว.ฉะเชิงเทราได้ แต่ในฐานะประธานวุฒิสภาต้องคำนึงถึงภาพรวมวุฒิสภาต้องวางตัวเป็นกลาง
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวที่ประธานแสดงออกทางความคิด ทัศนคติต่อ ส.ว.สรรหา ก่อนหน้านี้ก็บอกว่า ส.ว.สรรหาเป็นพวกเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ และยังกล่าวหาว่าชิงพื้นที่ข่าวอีก ไม่ลงคะแนนเสียง มีแต่ ส.ว.เลือกตั้งทั้งนั้น กรุณาไปดูใหม่ อย่ามั่ว ตนพบกับ ส.ว.นครพนมก็ได้ดาวเดียว และ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา ได้ 5 ดาว ต้องสำรวจให้ดี ใครได้กี่ดาวกันแน่ และคำพูดที่ว่า “ผมก็ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาได้ดีกว่า” ตนไม่ทราบว่าเปรียบเทียบกับใคร แต่คำถามนี้ลองไปถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าเห็นด้วยกับท่านหรือไม่ ขอเรียนว่ามีคำไทยโบราณเตือนสติได้ดี “กลองที่ดีต้องคนอื่นตีถึงจะดัง” กลองที่ดังเองต้องไปดูความหมายเองก็จะรู้ว่าคำนี้มีความหมายแก่การจะพิจารณาอย่างไร
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า มีข้อสงสัยหลายประการในการให้สัมภาษณ์ของประธานวุฒิสภาต่างกรรมต่างวาระ เช่น เมื่อครั้งมีการลงชื่อในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว. ต่างถอนชื่อ แต่ประธานฯ ไปลงชื่อด้วย หรือกรณีกลุ่ม 40 ส.ว. เป็น ส.ว. สรรหามาแล้ว 11 ปี พอจะให้มีการเลือกตั้งกลับร้อนตัว ข้อนี้ก็ไม่จริง เพราะรัฐธรรมนูญเว้นบทเฉพาะกาลไว้ พวกตนจึงได้กลับมาใหม่ ส่วนอีกข้อที่ว่าพวกตนให้ความเห็นแบบเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าตนให้สัมภาษณ์ว่าท่านประธานฯ ให้ความเห็นแบบเดียวกับพรรคเพื่อไทยมาตลอดอย่างนี้บ้างจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่เหมาะไม่งาม รวมถึงกรณีการให้สัมภาษณ์ล่าสุด อยากให้ประธานชี้แจง ถ้าทำผิดแล้วก็ขอกรุณาอย่าทำผิดซ้ำ
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนคิดว่าท่านกำลังประกาศความชัดเจนในการทำงานแยกกับ ส.ว.สรรหาใช่หรือไม่ การที่ประธานฯ อ้างว่า กระบวนการแต่งตั้ง ส.ว.สรรหา แค่ได้รู้จักกับคณะกรรมการสรรหา 7 อรหันต์ แค่คนๆ เดียวก็จะได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีก ซึ่งเท่ากับเป็นคำพูดดูถูกคนในวุฒิสภาเอง ท่านกำลังชี้คนอื่น 1 นิ้ว อีก 4 นิ้วกำลังมองตัวเอง ตนว่าคนอย่างท่านควรใช้ความระมัดระวังมากกว่านี้ และไม่ควรตำหนิสมาชิก แต่ถ้าท่านยังคิดกล้าตำหนิเพื่อนสมาชิก เราจะอยู่อย่างไม่เคารพกัน และประกาศศึกกันก็ลองดู ตนจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคารพประธานวุฒิสภา ถ้าท่านไม่เคารพและให้เกียรติสมาชิกซึ่งกันและกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ว.สรรหาส่วนใหญ่ต่างพากันหารือการให้สัมภาษณ์ของนายนิคมเป็นอย่างหนัก ทำให้นายนิคมชี้แจงว่า วันนี้มีผู้หารือ 15 คน มีผู้วิจารณ์การทำงานของตน 6 คน แต่ตนอยากเรียนให้ที่ประชุมทราบว่า ปกติตนเป็นคนให้สัมภาษณ์เชิงบวก และบางเรื่องอยากให้เพื่อนสมาชิกใช้วิธีคิดว่า ตนจะให้สัมภาษณ์ว่า มีแต่ ส.ว.เลือกตั้งที่เข้าประชุมได้อย่างไร ถ้าเป็นอย่างนั้นคือองค์ประชุมไม่ครบแล้ว ส่วนเรื่องการลงมติของ ส.ว.สรรหา ตนก็บอกว่าอย่าไปว่า ส.ว.เลือกตั้ง ให้ดูสถิติคนที่มาลงเลือกตั้งได้ 5 ดาวตั้งหลายคน ซึ่งเวลาเพื่อนสมาชิกฟังอะไร ตนไม่ใช่คนดูถูกคน ตนเป็นคนให้เกียรติคนอื่น แต่เวลาให้สัมภาษณ์มันก็เป็นการพูดคุยกัน และมีการหยิบยกแค่บางประเด็นมาเสนอเป็นข่าวไม่ครบ จนเป็นการให้ร้าย และเสื่อมเสียทั้งนี้ เพื่อนสมาชิกจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าทำให้พวกท่านเสียหาย ตนก็พร้อมขอโทษด้วย
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา จึงขอให้ประธานวุฒิสภาแสดงความชัดเจนต่อข่าวที่เกิดขึ้นว่าจะรับผิดชอบอย่างไร เช่นเดียวกับนายสมชาย ที่ระบุว่า จะหาเทปคำสัมภาษณ์ของนายนิคมมาเปิดต่อที่ประชุมเพื่อเป็นการแก้ปัญหา และยังตำหนิคำพูดของประธานวุฒิสภา โดยนายสมชายกล่าวว่า ตนในฐานะสื่อมวลชนเก่า ถ้าท่านพูดแบบนี้นั่นหมายความว่าสื่อมวลชนอย่างที่ตนเคยทำงานมาใช้ไม่ได้ ไร้จริยธรรม ไร้จรรยาบรรณ ทั้งที่การให้สัมภาษณ์ของประธานวุฒิสภาในแง่แบบนี้ไม่ได้เกิดครั้งเดียว แต่ปู้ยี้ปู้ยำ ส.ว.สรรหา หลายครั้งแล้ว อาทิ ส.ว.ที่ไปลงชื่อและถอนชื่อในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. สมควรตาย, 40 ส.ว.ก็เป็นฝ่ายค้านในสภาอยู่แล้ว, ไม่เป็นกลาง, เป็นข้างเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น
ทำให้ประธานวุฒิสภาชี้แจงย้ำอีกว่า เรื่องที่ตนพูดว่าการลงชื่อของ ส.ว.สรรหาสมควรตาย เพียงแค่นี้เนื้อหาข่าวก็ไม่ครบแล้ว เขาถามว่าถ้า ส.ว.ถูกหลอกให้ลงชื่อ ตนก็มองว่าถ้า ส.ว.ที่มีวุฒิภาวะขนาดนี้ถูกหลอกก็สมควรตาย ดังนั้น ตนจึงไม่อยากให้เพื่อนสมาชิกอ่านเนื้อหาแค่ผิวเผิน ต้องอ่านที่มาที่ไปด้วย
ขณะที่นายวันชัยกล่าวว่า ตนเคารพในความเป็นน้ำใจนักกีฬา ทำผิดแล้วยอมรับว่าขอโทษ แต่ลำพังแค่คำขอโทษอย่างเดียวคงไม่พอ ไม่ใช่ตีหัวด่าเสร็จจะบอกว่าขอโทษ ท่านจะต้องมีวิจารณญาณ มีความคิดมากกว่านี้ แต่เมื่อท่านประธานขอโทษในที่ประชุมแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ท่านควรขอโทษต่อสาธารณะ อย่าดูถูกเหยียดหยามกันเกินไป เพราะถ้าพวกคนไม่เอาด้วยกับประธานก็จะทำงานไม่สำเร็จเช่นกัน จึงอยากให้ท่านทำอะไรมากกว่าคำขอโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด น.พ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ รองประธานวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้หยิบยกญัตติด่วนที่ พล.อ.อ.วีรวิทย์ คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. เสนอให้ประธานวุฒิสภาชี้แจงกรณีการให้สัมภาษณ์พาดพิง ส.ว.สรรหา ขึ้นมาพิจารณาต่อโดยแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าประธานวุฒิสภาติดภารกิจงานนอกสภา จึงขอให้ที่ประชุมพิจารณาว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร
ซึ่ง พล.อ.อ.วีรวิทย์กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของประธานวุฒิฯ ทำให้ ส.ว.สรรหาเกิดความเสียหาย แต่ช่วงเช้ามีเพื่อนสมาชิกได้หารือไปพอสมควรแล้ว และประธานฯก็ได้ขอโทษสมาชิกแล้ว ดังนั้นตนจึงขอถอนญัตติดังกล่าว แต่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ท้วงติงว่าตามข้อบังคับการประชุมการจะถอนญัตติได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมก่อน ซึ่ง น.พ.อนันต์ระบุว่ายังพอมีเวลาเราควรให้สมาชิกแสดงความเห็นเพิ่มเติม ทำให้นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง และนายสุพจน์ เลียดประถม ส.ว.ตราด ทักท้วงว่า ในเมื่อเจ้าของญัตติขอถอนแล้ว ญัตติดังกล่าวก็ไม่ควรนำมาพิจารณาได้ และขอให้ประธานฯวินิจฉัยด้วย แต่นพ.อนันต์ยังคงยืนยันที่จะให้ ส.ว.ได้แสดงความเห็นต่อไป ทำให้นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ตำหนิการทำหน้าที่ของประธานฯ ว่าไม่ยึดข้อบังคับให้เคร่งครัดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมันเลยเป็นเรื่อง
ขณะที่ พล.อ.อ.วีรวิทย์ยังคงยืนยันขอถอนญัตติดังกล่าว แต่จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาต่อไป ซึ่งนพ.อนันต์ยอมรับในความผิดพลาดที่ไม่ดำเนินการตามข้อบังคับ จากนั้นได้ขอมติจากที่ประชุมว่าจะพิจารณาญัตติดังกล่าวต่อหรือไม่ แต่ปรากฏว่ามี ส.ว. แสดงตนเพียง 61 คน ไม่ครบองค์ประชุม แต่ น.พ.อนันต์กล่าวว่า ถึงแม้องค์ประชุมไม่ครบ แต่ญัตติดังกล่าวยังคงอยู่ ดังนั้นขอเลื่อนไปพิจารณาต่อในครั้งถัดไป