รมว.แรงงาน แจงที่ประชุมวุฒิ อ้างใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงช่วงม็อบ เสธ.อ้ายเพราะให้สงบเรียบร้อย ป้องกันความรุนแรง แต่เที่ยวนี้ไม่ได้ดูแล วอนเจรจาด้วยเหตุผล อีกด้าน 40 ส.ว. ซัดไร้บรรทัดฐาน ถามถ้ายืดเยื้อต่ออายุเรื่อยๆ หรือ จี้ทบทวนไม่เช่นนั้นฟ้องร้องอุตลุต
วันนี้ (2 ส.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภานัดแรก ซึ่งมีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เรื่อง สรุปการดำเนินการในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่ายและดุสิต กรุงเทพมหานคร ในห้วงวันที่ 22 พฤศจิกายน - 30 พฤศจิกายน 2555 (ตามมาตรา 15 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551)
และเนื่องจากเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 1-10 สิงหาคมนี้ ในพื้นที่เขตดุสิต พระนคร และป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ประธานจึงเปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น อีกทั้งการชุมนุมถือเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ และเชื่อมั่นว่าผู้ชุมนุมจะอยู่ในกรอบของกฏหมาย จึงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว พร้อมเสนอให้ถอนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมออกจากวาระของสภาฯ ก่อน เพราะมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก
โดยกลุ่ม 40 ส.ว. หลายคนใช้โอกาสนี้อภิปรายคัดค้านการประกาศบังคับใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ตั้งแต่วันที่ 1-10 ส.ค.2556 โดยไม่มีใครพูดถึงผลการศึกษาเหตุการณ์ช่วงปลายปี 2555 เลย โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า มีข้อสังเกตว่าการชุมนุมยังไม่เกิด ดังนั้นการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงอาจไม่มีบรรทัดฐานเท่าที่ควรว่าสถานการณ์ใดจึงจะประกาศใช้ รัฐบาลอาจอ้างการข่าวเพื่อประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงล่วงหน้า ด้านหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ อีกด้านเป็นการรับผิดตามพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ระบุว่าจะชุมนุมที่ไหน ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อเกิน 10 วันจะทำอย่างไร ต้องต่อพ.ร.บ.ความมั่นคงออกไปเรื่อยๆ หรือ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะมาชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธ แต่ขณะนี้เกิดปัญหาแล้วว่าอาจจะประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงโดยมิชอบ สถานการณ์ไม่เหมาะสม ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะใช้ เพราะอาจมีการสั่งให้หน่วยงานความมั่นคง หรือกอ.รมน. ทำรายงานว่ามีการเตรียมอาวุธ เพื่อประกาศบังคับใช้กฎหมาย ถือเป็นการสมรู้ร่วมคิด จึงขอให้ทบทวน ไม่เช่นนั้นจะมีการฟ้องร้องกันในอนาคตได้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ชี้แจงว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะไม่มีหน้าที่แล้ว ที่ผ่านมาเคยรับผิดชอบสถานการณ์สมัยเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ตอนนี้คนรับผิดชอบคือ พล.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ มีคนถามว่าการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงทั้งที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ทำได้หรือไม่ ก็อยู่ที่มุมมองแนวคิด สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ประกาศใช้หลายครั้งทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ช่วงที่ตนรับผิดชอบยอมรับว่าตอนม็อบน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ตนพลาดอย่างแรง บอกจะมาแค่สี่พันแต่มาจริงหมื่นแปด หรือม็อบแช่แข็ง “เสธอ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เขาบอกจะมาเป็นล้านแต่เอาเข้าจริงมากันหมื่นกว่าๆ คงไม่มีรัฐบาลไหนโง่บัดซบที่จะให้ตำรวจไปทะเลาะกับประชาชนที่เป็นผู้เลือกตั้ง ส.ส. เมื่อดูรายการผ่าความจริงพรรคประชาธิปัตย์หลายเวที ล่าสุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศเปิดหน้าชก เดินหน้าชน ไม่อยู่หลังเวทีอีกแล้ว ทำให้ประเมินยาก
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การชุมนุมเป็นคณะบุคคล อ่านง่าย แต่วันนี้ถือเป็นครั้งแรกของประชาธิปัตย์ที่เปิดหน้าชัดเจนขนาดนี้ ตนอยู่การเมืองนานหากเขาเอาจริงตามที่ประกาศ ก็น่าขนลุกขนพอง เพราะเป็นพรรคเก่าแก่ 60 ปี มีสมาชิกมากที่สุด ให้ขนม็อบไม่มีหรอก 5,000 คน ถ้าเดินแรงทั้งในและนอกสภาฯ เยอะแล้วยุ่ง บ้านเมืองจะไปกันอย่างไร ภาวนาไม่อยากให้สิ่งที่ตนคิดเป็นเรื่องจริง อยากให้เป็นแค่อารมณ์บนเวที บ้านเมืองมีปัญหาแน่หากเป็นอย่างที่เขาพูด แล้วรัฐบาลจะอยู่เฉยได้อย่างไร จึงน่าจะเอาสภาเป็นหลักถกเถียงกันในสภา แต่ประกาศแล้วรัฐบาลต้องรับผิดชอบทุกคน รัฐบาลก็ต้องระวัง เพราะเขาประกาศเป็นไงเป็นกัน ตายเป็นตาย พังเป็นพัง รัฐบาลต้องไป หุ้นก็ตกคนฟังก็ตกใจ หากม็อบมาเช้าเย็นกลับก็ไม่มีเรื่อง แต่ถ้าอยู่ต่อแล้วเกิดเผชิญหน้ากัน มีปัญหาแน่ ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง 10 วัน ถ้ายังไม่จบก็ประกาศใหม่ ซึ่งกองทัพไม่เกี่ยวข้องเป็นช่องทางที่ทาง ครม. มอบหมายให้ทางตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ โดยนิสัยตนไม่นิยมความรุนแรง ดังนั้นการหาข้อยุติก็จะไม่ใช้ความรุนแรง
