ประธาน ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์ เย้ยรัฐเชิญอดีตผู้นำต่างชาติร่วมเวทีเล่นปาหี่สร้างความชอบธรรม ชี้จริงใจไม่ต้องไปชวนมา บอก “พิชัย” ร่วมวงเรื่องส่วนตัว โต้ไม่ได้สร้างเงื่อนไข จวกรบ.ต่างหากหมกเม็ดดันนิรโทษกรรม เมินคุยอดีตหัวหน้าพรรค สับ “ปู” ไม่ทำตามปาก ด้าน “หมอวรงค์” ซัดแดงเผด็จการรัฐสภา ไม่ยอมรับผลสอบกรรมการสิทธิฯ
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลได้เชิญนายโคฟี อนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร และนายมาร์ติ อาห์ติชาร์ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ เข้าร่วมเวทีเสวนา “Uniting for the future: Learning from each other's experiences” ซึ่งจะจัดวันที่ 2 กันยายนนี้ว่า เป็นความพยายามของรัฐบาลที่สร้างความชอบธรรม โดยที่นำต่างชาติมาเล่นปาหี่ให้เกิดความเกี่ยวโยงไปสู่สภาปฏิรูปการเมือง ซึ่งรัฐบาลควรมีความจริงใจ โดยไม่มีความจำเป็นต้องให้ผู้นำต่างชาติเหล่านี้ ที่เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว พวกเขาเคยพูดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยไว้ โดยเชื่อว่า เค้าพูดอย่างไรก็ยังคงยึดถือคำพูดเดิม และอยากให้รัฐบาลกลับไปดูคำพูดของผู้นำที่รัฐบาลได้เชิญมา หากไม่ทำ ทางพรรคจะไปหามานำเสนอในเร็วๆ นี้
นายองอาจกล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมเวทีปฏิรูปประเทศไทย ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ พรรคประชาธิปัตย์ชอบสร้างเงื่อนไขนั้นว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพิชัยในการเข้าร่วมเวทีดังกล่าว ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นฝ่ายสร้างเงื่อนไขใดๆ แต่รัฐบาลต่างหากที่สร้างเงื่อนไข มีพฤติกรรมอำพราง หมกเม็ดดันกฎหมายนิรโทษกรรม อย่างไรก็ตาม การที่นายพิชัยออกมาพูดเช่นนี้ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจมีความเห็นที่แตกต่างกัน มั่นใจว่านายพิชัยยังเป็นเลือดแท้ของพรรคเหมือนกับสมาชิกพรรคทุกคนที่อาจมีความเห็นต่างกันได้ จึงไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไรกัน เพราะสิ่งที่นายพิชัย ดำเนินการไม่ได้นำสู่ความไม่เข้าใจแต่อย่างใด แต่พรรคยืนยันที่จะคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เสนอให้รัฐบาลเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนจบกระบวนการ นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยว่าทุกอย่างต้องเดินตามกระบวนการจึงได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการฯด้วย และไม่กลัวว่ารัฐบาลจะใช้เกมรวบรวมหลายฝ่ายเพื่อบีบพรรคประชาธิปัตย์ให้ไม่มีทางเดินหน้าคัดค้านการนิรโทษกรรม โดยขอยืนยันว่าพรรคจะคัดค้านบนพื้นฐานความจริง ความถูกต้อง ซึ่งอาจไม่ถูกใจใคร แต่ความถูกต้องจะต้องดำรงอยู่ โดยเชื่อว่าที่สุดแล้วคนส่วนมากจะเห็นในสิ่งเหล่านี้ได้
นายองอาจกล่าวว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาลงชื่อ แต่ไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภา ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรีควรแสดงความจริงใจว่า การแก้ไขปัญหาทางการเมืองและการปองดองประเทศจะเริ่มต้นได้ที่รัฐสภา แต่นายกรัฐมนตรีกลับไม่ทำอย่างที่พูดไว้ และประชาชนจะเกิดความเชื่อมั่นได้อย่างไร ตอนนี้คะแนนเสียงนิยมของนายกรัฐมนตรี ตกต่ำลง เดิมได้ 10 คะแนนเต็ม แต่ตอนนี้ได้รับแค่ 5 คะแนนเท่านั้น นายกรัฐมนตรี ควรทวทวนตัวเอง เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือมากกว่านี้ และรักษาความนิยมต่อไป
ทางด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า อย่าไปหลงกลกับเสียงข้างมาก เพราะระบอบประชาธิปไตยเสียงข้างมาก ต้องอยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรม เพื่อประโยชน์ของประชาชน มิฉะนั้นคนเหล่านี้จะใช้เสียงข้างมากมาปล้นชาติ เช่นการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ผ่านค้านหยิบยกขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา แต่ก็แพ้เสียงข้างมาก แม้ว่าระบบของเราจะออกแบบมาเพื่อใช้คุ้มครองสิทธิของเสียงข้างน้อย เช่น สามารถร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่กลับมีกลุ่มคนที่ไม่เคารพองค์กรอิสระส่งคนไปข่มขู่คุกคาม
นพ.วรงค์ยังกล่าวว่า ล่าสุดรายงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ระบุชัดว่า พวกเสื้อแดงไม่ได้ชุมนุมอย่างสงบ มีชายชุดดำ มีกองกำลังติดอาวุธ เป็นการชุมนุมที่เกินขอบเขตของกฎหมาย แทนที่พวกนี้จะรับฟัง แต่กลับไล่ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลาออก รูปแบบที่เกิดขึ้นไม่แตกต่างจากเผด็จการ แต่เป็นเผด็จการรัฐสภา โดยมีทุนสามานย์หนุนหลัง เราจึงมีความชอบธรรมในการสู้กับเผด็จการรัฐสภา ที่ต้องใช้การสู้นอกสภาร่วมด้วย ถ้าไม่สู้ประเทศชาติไม่รอดแน่