นายกฯ และรมว.กห.ลงรถไฟที่นครปฐม ไปไหว้องค์พระปฐมเจดีย์ ไหว้พระร่วงโรจนฤทธิ์ กอดเด็กหญิง 8 ขวบโผล่ร้องไห้ ก่อนบึ่งรถไปดูนมหนองโพ คุยโซนนิ่งเอาพื้นที่ปลูกข้าวได้น้อยมาปลูกอ้อย หญ้า ข้าวโพด ฟาร์มแทน สั่งเกษตรดูเลี้ยงครบวงจร
วันนี้ (8 ส.ค.) ที่สถานีรถไฟ จ.นครปฐม เมื่อเวลา 10.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะเดินทางถึงสถานีรถไฟ โดยมีนายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าฯ จ.นครปฐม พร้อมข้าราชการ และประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ จากนั้นนายกฯ ออกเดินทางจากสถานีรถไฟนครปฐมโดยรถสองแถว ทะเบียน 10-2248 นครปฐม ไปองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งระหว่างทางนายกฯ โบกมือทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับ เมื่อนายกฯ เดินทางถึงองค์พระปฐมเจดีย์ ได้ทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำ จ.นครปฐม และพบปะทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ระหว่างนั้นได้มีเด็กนักเรียนหญิง อายุ 8 ปีร้องไห้เข้าสวมกอดนายกฯ ด้วยความดีใจ
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชอุปถัมภ์) ต.หนองโด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เข้ารับฟังบรรยายสรุปจากอธิบดีกรมปศุสัตว์ เรื่องการเลี้ยงโคนมและสถานการณ์การผลิตน้ำนมดิบ และดูขัั้นตอนการผลิต ก่อนมอบนโยบายแก่คณะผู้บริหารสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรีฯ และผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดราชบุรีว่า วัตถุประสงค์ของการมาดูงาน เป็นความต่อเนื่องจากการที่ได้นำตัวแทนเกษตรกรไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการเลี้ยงโคนมที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยเห็นควรนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาการเลี้ยงโคนมของไทย และมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการกำหนดเขตโซนนิ่งพื้นที่การเกษตรให้มีความเหมาะสมเพียงพอต่อความต้องการของตลาด
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ซึ่งจังหวัดราชบุรีมีพื้นที่การเกษตรในการปลูกข้าวที่ได้ผลผลิตไม่มาก จึงเห็นควรให้นำพื้นที่ดังกล่าวมาปลูกพืชชนิดอื่น เช่น อ้อย หญ้าสำหรับเลี้ยงโคนม ข้าวโพดสำหรับผลิตเป็นอาหารสัตว์ หรือปรับพื้นที่ให้เป็นฟาร์มเลี้ยงโคนม ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดราชบุรีพิจารณาความเหมาะสมกับความต้องการของประชาชนเป็นหลัก โดยรัฐบาลพร้อมทำงานสนับสนุนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน สำหรับการเลี้ยงโคนมจะต้องร่วมกันวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน นำเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้นในภาพรวม และส่งผลให้รายได้ของประชาชนในจังหวัดราชบุรีเพิ่มขึ้น
“ขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามการทำงานและบูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบในเรื่องการเลี้ยงโคนม การตลาดอย่างครบวงจร พร้อมทั้งจัดหาแม่พันธุ์โคนมที่มีคุณภาพ พร้อมกับฝังชิปในแม่พันธุ์โคนมเพื่อจัดเก็บสถิติจำนวนผลผลิตน้ำนมดิบในแต่ละวัน รวมถึงจัดหาพื้นที่เพาะปลูกหญ้าและพันธุ์หญ้าที่ดีเพื่อเป็นอาหารให้กับโคนม และให้มีการส่งเสริมให้ความรู้กับบุคลากร เพิ่มทักษะในการเลี้ยงดูโคนม ทักษะการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมด้วย นอกจากนี้ ขอมอบหมายให้จังหวัดราชบุรีสำรวจกำลังการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ในจังหวัดให้สอดคล้องกับโรงงานผลิต สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว
จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางต่อมายัง ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เยี่ยมชมโครงการชั่งหัวมัน ตามโครงการพระราชดำริ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์รวบรวมพืชเศรษฐกิจนานาชนิดและเพื่อเป็นแนวทางการทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียงให้กับเกษตรกร โดยมีนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง นำชมโครงการ
ต่อมาเวลา 17.40 น.นายกฯ เดินมายังอุทยานแห่งชาติกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ เนื่องในโอกาสมหามงคล 12 สิงหาคม มหาราชินี เรียนรู้และยืนยัน"กุยบุรีโมเดล"ที่ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์ช้างป่าและสัตว์ป่าดีเยี่ยมในระดับประเทศและระดับสากล พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมกิจกรรมส่งสัตว์ป่าคืนวนา เพื่อป่าสมบูรณ์ ปลูกต้นไม้สร้างบ้านสัตว์ป่า ปลูกหญ้าทำโปร่งเทียม และทำการปล่อยกวางเนื้อทราย ไก่ป่า จำนวน 81 ตัว จากนั้นเดินทางเข้าพักโรงแรมรีเจนซี่ หัวหิน