xs
xsm
sm
md
lg

ดีเดย์ดันกม.ล้างผิด "แม้ว"เดิมพันสุดซอย ถ้าพลาดก็ป่นปี้ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ผ่าประเด็นร้อน

วันนี้ (7 สิงหาคม) ถือว่าเป็นวันดีเดย์ชี้ขาดสำหรับหลายคนที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่มีกำหนดนัดพิจารณาเป็นวาระแรกในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเชื่อว่าภายในไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นก็พอจะเห็นแนวโน้มแล้วว่าสถานการณ์จะเดินไปทางไหน

ขณะเดียวกัน เราก็คงได้เห็นความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายว่าจะเอาจริงเอาจังแค่ไหน เพราะจะว่าไปแล้วถือว่ามี "เดิมพันสูง" ด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าเริ่มพิจารณาจากฝั่ง ทักษิณ ชินวัตร ก่อน แม้ว่าตามสภาพแล้วถือว่า "ได้เปรียบ" เพราะคุมทุกอย่างอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งอำนาจรัฐ มีกลไกข้าราชการทั้งทหารตำรวจแย่งกันอาสาทำงานให้เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาเข้ามาอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ขาด มีเสียง ส.ส.ในสภามีเสียงข้างมากเด็ดขาดพร้อมรับใช้ไม่ต่างจาก "ขี้ข้า" ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว อย่างไรก็ดีแม้ว่าภาพที่เห็นดูเหมือนได้เปรียบทุกประตู แต่นั่นเป็นเพียงกลไกอำนาจรัฐเท่านั้น สำหรับด้านมวลชน กระแสสังคมในปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า "พลิก" ไปจากเดิมจนแทบจะสุดกู่ ทุกอย่างกลับกลายเป็นช่วง "ขาลง" อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากจะให้วิเคราะห์จากสาเหตุแบบพื้นๆง่ายๆก็ไม่มีอะไรซับซ้อน นั่นคือเป็นเพราะมันคือ "ของปลอมพื้นๆ" ซึ่งเมื่อกาลเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งมันก็ย่อมประจานออกมาให้เห็นเอง หลังจากที่ผ่านมาได้ "อำพราง" หรือสร้างภาพโม้เอาไว้ตลอดเวลา หรือไม่เช่นนั้นสาเหตุที่ทำให้ "ระบอบทักษิณเข้มแข็ง" ขึ้นมาส่วนสำคัญก็มาจากความ "ห่วยกว่า" ของระบอบการเมืองแบบเก่า ตั้งแต่การรัฐประหารของ คมช.ต่อเนื่องกันมา กลายเป็นว่า "เป็นแนวร่วมมุมกลับ"สร้างความเข้มแข็ง ทั้งในเรื่องนักประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้งสารพัด แต่พอเปิดโอกาสให้ทำงานอย่างเต็มที่ผ่านมาครึ่งเทอมแค่สองปีเศษก็เห็น "ธาตุแท้"ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ทักษิณ เชิด น้องสาวตัวเองคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกฯ เป็นตัวแทนของครอบครัวที่ไว้ใจได้ แต่ผลงานที่ออกมา "สุดห่วย" ไม่มีมาตรฐาน ทุกเรื่องมีแต่ความถดถอย ถ้าหากได้บริหารจนครบสี่ปีคงจะพอนึกภาพในอนาคตได้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร

ด้วยสภาพขาลงดังกล่าวนี่เอง น่าจะทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน จากเดิมที่จัดลำดับเอาไว้ว่า "เรื่องเงินต้องมาก่อน" นั่นคือร่างกฎหมายการเงินอย่าง ร่างพระราชบัญญัติเงินกู้สองล้านล้านบาทน่าจะเข้ามาพิจารณาก่อน ตามมาด้วยร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 รวมไปถึงร่างพระราชบัญญัติปรองดอง "ฉบับสุดซอย" ที่ตัวเองเคยออกหน้าสนับสนุนอย่างเต็มที่ ก็น่าจะเดินหน้าไปก่อน แต่เป็นเพราะบรรยากาศเปลี่ยนไปที่นับวัน "กระแสสังคม" เริ่มตีจาก เพราะแม้แต่คนเสื้อแดงพวกเดียวกันมาวันนี้รับรองว่า "ไม่เหมือนเดิม" แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากจำนวนก็ต้องยอมรับยังหนุนเขาอยู่จำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันมันเริ่มลดลง หลายคนรู้สึกเฉยๆ ไม่สนุกเหมือนเก่าแล้ว และด้วยเหตุนี้แหละที่ทำให้ต้อง "กลับลำ"ให้หนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯฉบับของคนเสื้อแดงที่เสนอโดย วรชัย เหมะกับพวกไปก่อน อย่างน้อยก็เพื่อเอาใจมวลชนแดงส่วนใหญ่เอาไว้ก่อน เพราะถึงอย่างไรก็สามารถไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนของการแปรญัติในชี้นกรรมาธิการได้ไม่ยาก แต่เพื่อเป็นการลดกระแสพวกเดียวกันก็ต้องอำพรางตบตาไปก่อนว่า ล้างผิดให้เฉพาะมวลชนระดับชาวบ้าน เพราะถึงอย่างไรเป้าหมายข้างหน้าก็คือ "สุดซอย" ที่คลุมไปถึงตัวเองอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดีนั่นเป็นปัจจัยภายในที่เขาสามารถควบคุมได้ ชี้นิ้วสั่งได้ว่าจะให้ไปทางไหน แต่สำหรับปัจจัยภายนอกนี่สิกำลังมีปัญหา เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯก็จะเกิดกระแสต้านขึ้นมาทุกครั้ง และเมื่อประกอบกับยิ่งเวลาผ่านไปสังคมได้เห็น "สันดานและความเห็นแก่ตัว"ของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวมากขึ้นมันก็ยิ่งกลายเป็นแรงบวกสร้างกระแสไม่พอใจมากขึ้น เรื่อยๆ ซึ่งเชื่อว่าเขาก็ย่อมรับรู้ และจึงเป็นที่มาของการเสี่ยงที่จะต้องรวบรัดผลักดัน "ของร้อน" ดังกล่าวเข้ามาก่อน เพราะยิ่งช้าก็ยิ่งห่างไกล

แต่ขณะเดียวกันเมื่อมีความเสี่ยงสูง มันก็ยิ่ง "เดิมพันสูง"ตามไปด้วย เพราะถ้าพลาดเที่ยวนี้ จะด้วยเกิดเหตุใดก็ตามจนไม่สามารถพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯได้ หนทางที่รัฐบาลมีให้เลือกอยู่เพียงไม่กี่ทาง เช่น เมื่อจวนตัวก็ถอนออกมาก่อน หรือเมื่อเกิดเหตุไม่คาดหมายก็ใช้อำนาจนายกฯยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่งวิธีการอย่างหลังนี้มันก็เหมือนกับการ "ลงทุนใหม่" อาจได้ไม่คุ้มเสีย แต่ที่สำคัญที่สุดก็คืองานนี้ถ้าพลาดจนเกิดเหตุบานปลาย ก็ต้องถือว่า ป่นปี้ สำหรับเขาจบเห่ทันที

อีกด้านหนึ่งก็ต้องมาพิจารณาจากฝ่ายต่อต้านในภาคพลังประชาชนนั้นก็จับตาไม่แพ้กัน แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกว่า "กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ" เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมปักหลักอยู่ที่สวนลุมพินี มีคนเข้าร่วมไม่น้อย แต่กำลังหลักนาทีนี้ก็ยังต้องให้เครดิตกับมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล่าสุดมีการตั้งเวทีบริเวณชายขอบรอยต่อ "เขตหวงห้าม" ตามประกาศพื้นที่ความมั่นคง โดยตั้งเวทีปราศรัยที่ใกล้แยกอุรุพงศ์ห่างจากทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาไม่ไกลนัก เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคมต่อเนื่องไปจนยันเช้าล่วงเข้าวันที่ 7 สิงหาคมซึ่งเป็นวันดีเดย์ และแย้มๆมาว่าจะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เดินนำประชาชน หรืออาจจะเรียกว่า "ให้ชาวบ้านถือดอกไม้มาส่งสส." ก็แล้วแต่ แต่ความหมายก็คือการนำมวลชนเข้ามากดดัน เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาครอบพระราชบัญญัติความมั่นคงที่เล็กกว่า เป็นการใช้เทกติกทางกฎหมายงัดข้อกัน แต่ก็ถือว่าทั้งสองฝ่ายมีเดิมพันสูง ไม่เว้นแม้แต่ประชาธิปัตย์ หากงานนี้เมื่อ "ออกตัวแรงแต่เล่นไม่เต็มที่" มันก็เสียเครดิต แต่ถ้าสู้ไม่ถอย ไม่มีปาหี่ หรือ"สู้แล้วหยุด"แล้วละก็รับรองว่าได้ใจแน่ ซึ่งก็กำลังได้เห็นกันแล้ว

ดังนั้นเมื่อเดิมพันสูงลิ่ว ก็ต้องเต็มที่ แต่ในสถานการณ์จริงผลจะออกมาแบบไหน มันก็ย่อมหายใจไม่ทั่วท้องเครียดกันไปทุกฝ่ายแน่นอน !!
ทักษิณ ชินวัตร
สุเทพ เทือกสุบรรณ
กำลังโหลดความคิดเห็น