วุฒิฯ จัดเสวนา “คลิปเสียงแผนสมคบคิด : ยึดกองทัพ ยึดประเทศไทย” ส.ว.สรรหา “คำนูณ” ชี้นำเรื่องนิรโทษกรรมเข้าสภากลาโหม หวังเอาไปอ้างในศาลรัฐธรรมนูญ สอดรับเอาร่าง “วรชัย” พิจารณาก่อน หวังคนเสื้อแดงออกมาหนุน เตือนระวังความขัดแย้งทวีคูณ “สมเจตน์” ชี้นายใหญ่ยึดทหารเบ็ดเสร็จ ซัด “บิ๊กอ๊อด” สอพลอ แนะหัดดู “พ่อปันปัน”
คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสวนา "คลิปเสียงแผนสมคบคิด ยึดกองทัพ ยึดประเทศไทย"
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มี น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ เป็นประธาน โดยคณะอนุกรรมาธิการการป้องกันการทุจริตและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ร่วมกับ กลุ่ม 40 ส.ว.ได้จัดเสวนาให้ความรู้แก่ประชาชน เรื่อง “คลิปเสียงแผนสมคบคิด : ยึดกองทัพ ยึดประเทศไทย” เนื่องจากคลิปเสียงสนทนาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ที่มีการพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน และมีการพยายามดำเนินการหลายๆ ประการที่หมิ่นเหม่ อาจจะเข้าข่ายไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งถ้ามีการกระทำเกิดขึ้นในบางประการก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายด้วย ซึ่งคลิปเสียงดังกล่าวมีผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยการเสวนาครั้งนี้ มี นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ และ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้าร่วมการเสวนาด้วย
โดย นายคำนูณ กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญไม่เคยวินิจฉัยว่าพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนญ โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกอ้างว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนก็วินิจฉัยไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารแผ่นดิน ส่วนอนาคตจะมีผู้ไปยื่นฟ้องว่า พ.ร.ก.ขัดต่อมาตราในกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นความโหดร้ายของ พ.ร.ก.คือ เมื่อออกแล้วจะมีผลเกิดขึ้นทันที โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการอนุมัติจากทางสภา เพราะถือว่ามีคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว ต่อให้ตกในชั้นใดชั้นหนึ่งของสภา ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือน
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า เนื้อหาที่ระบุในคลิปเสียงว่าจะนำเรื่องนิรโทษกรรมมาเข้าสภากลาโหมทำไมนั้น ตนไม่ทราบ แต่ถ้ามาที่สภากลาโหมแบบวาระจรแบบที่ผู้คนไม่รู้ และสภากลาโหมมีมติเห็นด้วย เรื่องก็จบ ซึ่งเขาคงหวังว่ามติของสภากลาโหมจะสามารถนำไปอ้างอิงในศาลรัฐธรรมนูญได้
“คลิปนี้เป็นเหตุที่เหนือความคาดหมาย ถ้าไม่มีการจัดลำดับวาระการประชุมของสภา คงไม่นำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ (ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย) นำขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะอย่างน้อยที่ประชุมสภาก็จะได้รับหลักการไว้ก่อน ซึ่งก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหรือกลุ่มคนเสื้อแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะนัดระดมพลมาร่วมสนับสนุนหรือต่อต้าน ซึ่งผมเชื่อว่าคลิปที่เกิดขึ้นจะส่งผลกับการเมืองไทยภายหลังจากนี้อย่างแน่นอน” นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า กฎหมายนิรโทษกรรมที่ผ่านมาในอดีตทั้งหมด 24 ฉบับ เกิดขึ้นจากการตกผลึกและมติของคนในสังคมเกือบทั้งหมด แต่ถึงแม้ว่าจะตกผลึก ก็ไม่ได้หมายความว่าความขัดแย้งจะหมดไป หรือความสามัคคีจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับครั้งนี้ หากความขัดแย้งยังคงอยู่ มันก็จะทำให้ความขัดแย้งนั้นทวีคูณมากขึ้น
“การนิรโทษกรรมจะเกิดขึ้นแบบโดดเดี่ยวไม่ได้ หากปราศจากเงื่อนไขที่สังคมจะต้องตกผลึก และมีฉันทามติร่วมกัน ไม่อาจจะก่อให้เกิดความสามัคคีร่วมกันได้ เพราะฉะนั้นกฎหมายฉบับนี้จะต้องคุยก่อนเขียน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่จะต้องเป็นผู้เสียสละก่อน ไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบให้กับสภา หากเป็นเช่นนี้ความขัดแย้งก็จะมากขึ้น” นายคำนูณ กล่าว
ด้านนายสมชาย กล่าวว่า ตนขอพูดถึงคลิปขู่ฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ จากกลุ่มอัลกออิดะห์ ที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ยูทิวบ์ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งตนได้ให้เพื่อนที่เป็นชาวมุสลิมตรวจสอบในเรื่องสำเนียงของภาษาอาหรับ จึงพบว่าสำเนียงที่พูดในคลิปนั้นเป็นสำเนียงของชาวอัฟกานิสถาน หรือปากีสถานอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นเวรและกรรม เพราะขนาดสหรัฐอเมริกายังถูกถล่มเละ ด้วยความเป็นห่วง ตนจึงอยากจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทย และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมน่าจะปลอดภัยกว่า
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนคลิปเสียงถั่งเช่าที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้วาระการประชุมสภาต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะแต่เดิมในวันที่ 6-7 ส.ค.นั้นจะต้องเป็นการพิจารณาเรื่องแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งการแก้ครั้งนี้จะทำให้ ส.ว.ไม่ต้องถูกกำหนดวาระในการทำงานเหมือนเช่นอดีต และหากใครที่เป็น ส.ส.อยู่ก็สามารถลาออกมาเป็น ส.ว.ได้ทันที
นายสมชาย ยังกล่าวต่อว่า ไม่มีรัฐบาลชุดไหนในโลกที่อยากให้เกิดความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นรัฐบาลชุดนี้อาจจะคิดอะไรอยู่ในใจก็เป็นได้ จากการที่ตนเคยทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ตนสามารถยืนยันได้ว่ามีกลุ่มชายชุดดำแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม และก่อความรุนแรงจริง
ด้าน พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 13 ที่ประเทศไทยต้องตกอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ ที่ใหม่ๆ ก็ดูเหมือนจะดี ตนเคยชื่นชมการทำหน้าที่บริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมีแนวความคิดที่จะยึดอำนาจประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จ คลิปเสียงที่หลุดออกมาเห็นได้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามที่จะกุมอำนาจของกองทัพให้อยู่ในมือของตัวเอง เพราะฉะนั้นคลิปตรงนี้คือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด ทั้งๆ ที่ฝ่ายการเมืองพยายามบอกทหารว่า อย่าแทรกแซงการเมือง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับแทรกแซงด้วยการวางคนของตัวเองไว้ในทุกเหล่าทัพ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากไม่มีเหตุการณ์รัฐประหารที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็สามารถคุมอำนาจทางทหารเอาไว้เบ็ดเสร็จหมดแล้ว
“พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามเปลี่ยนคณะกรรมการในการแต่งตั้งข้าราชการในสภากลาโหม ที่จะมีอำนาจในการแต่งตั้งข้าราชการทหาร แต่จะทำสำเร็จหรือไม่ ในอนาคตเราจะต้องจับตาดู” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวต่อว่า นักเรียนนายร้อยจะต้องถูกปลูกฝังในเรื่องของความรักชาติ แต่พฤติกรรมจากคลิปเสียงของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่อายุ 76 ปี ก้มหัวให้กับคนอายุ 60 กว่า ไม่ถือว่าเป็นนักเรียนนายร้อย ที่จะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กลับใช้คำพูดเรียก “ไอ้” กับข้าราชการทหารด้วยกัน แต่กลับเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่านาย เท่าที่ตนสัมผัสมา นักเรียนนายร้อยจะต้องไม่มีพฤติกรรมประจบสอพลอ ตนจึงขอแนะนำให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ไปขอคำแนะนำจากพ่อดาราสาวน้องปันปันจะเหมาะสมกว่า
พล.อ.สมเจตน์ ยังกล่าวต่อว่า กรณีที่จะนำคลิปเสียงดังกล่าวไปดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ถือว่าเป็นเรื่องยากในด้านของพยานและหลักฐาน ซึ่งสิ่งทำได้ก็คือการมีจิตใต้สำนึกของนักการเมือง แต่ติดอยู่ที่นักการเมืองส่วนใหญ่ไม่มีจิตใต้สำนึก อย่างไรก็ตามตนขอหยิบยกคำพูดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า ให้ประชาชนชุมนุมกันอย่างสงบในช่วงวันเปิดประชุมสภา ตนก็ขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมากันเยอะๆ เหมือนกับการชุมนุมเผาบ้านเมืองโดยสงบเหมือนกลุ่มคนเสื้อแดง
ด้าน พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นโชคดีของประเทศไทยที่ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องอยู่ จึงดลใจให้คลิปนี้หลุดออกมาก่อน เพราะเรารู้ดีว่ากฎหมายของเรามีช่องว่างที่จะทำให้รัฐมนตรีกลาโหมมีอำนาจในสภาโหมอยู่ในมือ โดยใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีสามารถใช้ช่องทางตรงนี้สามารถเสนอเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าสู่สภากลาโหมได้ จึงเป็นช่องทางที่คลิปเสียงอ้างถึง
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่อยากจะไปสรุปว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นบุคคลใด แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงนั้นต้องเป็นคนที่อยู่ในกระทรวงกลาโหม และรู้เรื่องราวความเป็นไปอย่างดี ส่วนการโยกย้ายที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือนั้น ตนเห็นว่า ตั้งแต่สมัยที่ตนรับราชการจนกระทั่งตอนนี้ การโยกย้ายเป็นหน้าที่และอำนาจของผู้บังคับบัญชา ไม่ใช้ฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจชี้นิ้วส่งคนเข้าไป หรืออาจจะมีการวิ่งเต้นเข้าหาทางการเมืองเพื่อช่วยเหลือให้ตนเองได้รับตำแหน่งที่ต้องการ อำนาจเงินอาจจะมีอิทธิพลมากขึ้น จนส่งให้ทหารต้องมีการทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อให้ได้เงินมา
“ผมขอแนะนำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปรักษาตัวกับจิตแพทย์ เพราะผมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมีอาการโรคเหมือนกับผู้นำแบบฮิตเลอร์ ที่มีอาการหลงละเมออยู่กับอำนาจ ที่ผมพูดเพราะกลัวว่าอนาคตท่านจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับท่านฮิตเลอร์” พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าว