ศปช.สัมมนาหาข้ออ้างนิรโทษฯ นักการเมือง “จาตุรนต์” ย้อนล้างผิดแต่รัฐประหาร ผู้มีอำนาจ อ้างนิรโทษฯ เฉพาะเหตุการณ์ ช่วย ปชช.ลดขัดแย้ง แบบที่ รบ.กำลังทำ แกนนำกลุ่ม 29 มกราฯ ดรามาน้ำตาเล็ด ชู พ.ร.บ.นิรโทษฯ แก๊งแดง คือความหวัง “ธงชัย” เหมารวม ปชต.ต้องไร้นักโทษการเมือง “หมอนิรันดร์” ตามน้ำหนุนล้างผิดให้ไว “อ.ชัยวัฒน์” แนะให้อภัยเรื่องดี เจ้าของมุกเขียนชื่ออากงใส่มือ ชี้ไทยน่าอายมีนักโทษการเมือง
วันนี้ (26 ก.ค.) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 2553 (ศปช.) จัดสัมมนาเรื่อง “108 เหตุผลทำไมต้องนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง” โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การนิรโทษกรรมในประเทศไทยที่ผ่านมาเป็นการนิรโทษกรรมให้ผู้ก่อรัฐประหารและผู้มีอำนาจที่มีความขัดแย้ง ส่วนการนิรโทษฯ ให้ประชาชนนั้น นานๆ ครั้งถึงจะมีให้เห็นและเป็นไปด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ตนตีความการนิรโทษกรรมให้ประชาชนนั้นก็คือการนิรโทษกรรมเฉพาะเหตุการณ์ซึ่งหมายถึงคดีอาญาด้วย ซึ่งประโยชน์ของการนิรโทษกรรมก็คือ ทำให้ผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ได้รับอานิสงส์ด้วย รัฐบาลกำลังดำเนินการนิรโทษกรรมดังกล่าวให้ประชาชน และหากมองไปยังอดีตก็จะเห็นว่ามีประโยชน์ต่อเหยื่อทางการเมืองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการออกไปยึดสนามบินเพราะคิดว่าไม่ผิดเนื่องจากมีเส้น อีกทั้งยังเป็นเหยื่อในการบังคับใช้กฎหมายด้วย ถือเป็นการเยียวยาผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลจะมีการนิรโทษกรรมโดยใช้หลักเดียวกับที่เคยมีมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดความขัดแย้ง
น.ส.สุดา รังกุพันธ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำกลุ่ม 29 มกราฯ กล่าวทั้งน้ำตาว่า วันที่ 7 ส.ค.นี้ที่จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่พรรคเพื่อไทยจะนำเข้าพิจารณาในรัฐสภา คือความหวังเล็กๆ ของพวกเราซึ่งการนิรโทษกรรมไม่มีรายละเอียดมากในการถกเถียง และการปล่อยนักโทษการเมืองเป็นก้าวแรกของสังคมในการรวมมือกันจากทุกฝ่าย หากกฎหมายนี้ผ่านออกมาได้ จะเป็นก้าวแรกของการปรองดอง เป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขกติกาที่ไม่เป็นธรรมของสังคม
นายธงชัย วินิจจะกูล ศาสตราจารย์ประจำคณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน สหรัฐอเมริกา ระบุว่า การนิรโทษกรรมที่ผ่านมาเกิดจากความอยุติธรรม จะเห็นว่าเมื่อชนชั้นนำต้องการนิรโทษกรรมจะเป็นเรื่องง่าย แต่กับอีกชนชั้นหนึ่งจะเป็นเรื่องยากเย็นแสนสาหัส ซึ่งหลักง่ายๆถ้าหากประเทศเราเป็นประเทศประชาธิปไตย คือไม่ควรมีนักโทษการเมือง ถ้าหากมีก็ถือว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย
ขณะที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ต้องมีการนิรโทษกรรมให้นักโทษการเมือง เพื่อคืนความเป็นธรรม เมื่อเห็นตรงกันว่านักโทษการเมืองเป็นเพียงผู้ที่มีความเห็นที่แตกต่างกันก็ควรปลดปล่อย การคืนสิทธิต่างๆ จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีผลักดันการนิรโทษกรรมจึงขอเสนอความเห็น 3 ประการ คือ 1. ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการนิรโทษกรรม 2. การนิรโทษกรรมต้องไม่มีการเมืองเข้ามาครอบงำ 3. ประชาชนต้องรวมพลังเพื่อผลักดันให้กฎหมายนิรโทษกรรมผ่านให้ได้ ขณะที่วันนี้รัฐบาลประกาศว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เพียงร่างเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องทำงานหนักมากขึ้น ตนเคยเป็นสมาชิกรัฐสภา 6 ปี บอกได้เลยว่าการเมืองในสภาไม่สามารถเชื่อถือได้
ด้านนายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องยาก เป็นเพราะบริบทของสังคมไทยที่เป็นสังคมพุทธ ซึ่งจากพุทธประวัติ แม้พระพุทธเจ้าจะให้อภัยพระเทวทัตแล้ว แต่พระเทวทัตก็ไม่อาจหนีจากกรรมที่กระทำไว้แล้วได้ ที่ต่างจากศาสนาอื่น ในสังคมการเมืองการให้อภัยถือเป็นเรื่องดี ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องคิดถึงความเห็นต่างทางการเมืองแล้วยอมรับมัน จากนั้น รศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกียวโต ให้ความเห็นว่า ไทยบอกว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่ยังมีนักโทษการเมืองอยู่มาก เรื่องนี้สะท้องว่าไทยเป็นประเทศที่น่าอับอาย ขณะที่ประเทศพม่าต่างปล่อยนักโทษการเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกัน เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ประเทศไทยมีนักโทษการเมืองในมาตรา 112 ถือเป็นสิ่งที่รู้สึกอายอย่างมาก
วันนี้ (26 ก.ค.) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 2553 (ศปช.) จัดสัมมนาเรื่อง “108 เหตุผลทำไมต้องนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง” โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การนิรโทษกรรมในประเทศไทยที่ผ่านมาเป็นการนิรโทษกรรมให้ผู้ก่อรัฐประหารและผู้มีอำนาจที่มีความขัดแย้ง ส่วนการนิรโทษฯ ให้ประชาชนนั้น นานๆ ครั้งถึงจะมีให้เห็นและเป็นไปด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ตนตีความการนิรโทษกรรมให้ประชาชนนั้นก็คือการนิรโทษกรรมเฉพาะเหตุการณ์ซึ่งหมายถึงคดีอาญาด้วย ซึ่งประโยชน์ของการนิรโทษกรรมก็คือ ทำให้ผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ได้รับอานิสงส์ด้วย รัฐบาลกำลังดำเนินการนิรโทษกรรมดังกล่าวให้ประชาชน และหากมองไปยังอดีตก็จะเห็นว่ามีประโยชน์ต่อเหยื่อทางการเมืองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการออกไปยึดสนามบินเพราะคิดว่าไม่ผิดเนื่องจากมีเส้น อีกทั้งยังเป็นเหยื่อในการบังคับใช้กฎหมายด้วย ถือเป็นการเยียวยาผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลจะมีการนิรโทษกรรมโดยใช้หลักเดียวกับที่เคยมีมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดความขัดแย้ง
น.ส.สุดา รังกุพันธ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำกลุ่ม 29 มกราฯ กล่าวทั้งน้ำตาว่า วันที่ 7 ส.ค.นี้ที่จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่พรรคเพื่อไทยจะนำเข้าพิจารณาในรัฐสภา คือความหวังเล็กๆ ของพวกเราซึ่งการนิรโทษกรรมไม่มีรายละเอียดมากในการถกเถียง และการปล่อยนักโทษการเมืองเป็นก้าวแรกของสังคมในการรวมมือกันจากทุกฝ่าย หากกฎหมายนี้ผ่านออกมาได้ จะเป็นก้าวแรกของการปรองดอง เป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขกติกาที่ไม่เป็นธรรมของสังคม
นายธงชัย วินิจจะกูล ศาสตราจารย์ประจำคณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน สหรัฐอเมริกา ระบุว่า การนิรโทษกรรมที่ผ่านมาเกิดจากความอยุติธรรม จะเห็นว่าเมื่อชนชั้นนำต้องการนิรโทษกรรมจะเป็นเรื่องง่าย แต่กับอีกชนชั้นหนึ่งจะเป็นเรื่องยากเย็นแสนสาหัส ซึ่งหลักง่ายๆถ้าหากประเทศเราเป็นประเทศประชาธิปไตย คือไม่ควรมีนักโทษการเมือง ถ้าหากมีก็ถือว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย
ขณะที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ต้องมีการนิรโทษกรรมให้นักโทษการเมือง เพื่อคืนความเป็นธรรม เมื่อเห็นตรงกันว่านักโทษการเมืองเป็นเพียงผู้ที่มีความเห็นที่แตกต่างกันก็ควรปลดปล่อย การคืนสิทธิต่างๆ จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีผลักดันการนิรโทษกรรมจึงขอเสนอความเห็น 3 ประการ คือ 1. ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการนิรโทษกรรม 2. การนิรโทษกรรมต้องไม่มีการเมืองเข้ามาครอบงำ 3. ประชาชนต้องรวมพลังเพื่อผลักดันให้กฎหมายนิรโทษกรรมผ่านให้ได้ ขณะที่วันนี้รัฐบาลประกาศว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เพียงร่างเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องทำงานหนักมากขึ้น ตนเคยเป็นสมาชิกรัฐสภา 6 ปี บอกได้เลยว่าการเมืองในสภาไม่สามารถเชื่อถือได้
ด้านนายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องยาก เป็นเพราะบริบทของสังคมไทยที่เป็นสังคมพุทธ ซึ่งจากพุทธประวัติ แม้พระพุทธเจ้าจะให้อภัยพระเทวทัตแล้ว แต่พระเทวทัตก็ไม่อาจหนีจากกรรมที่กระทำไว้แล้วได้ ที่ต่างจากศาสนาอื่น ในสังคมการเมืองการให้อภัยถือเป็นเรื่องดี ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องคิดถึงความเห็นต่างทางการเมืองแล้วยอมรับมัน จากนั้น รศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกียวโต ให้ความเห็นว่า ไทยบอกว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่ยังมีนักโทษการเมืองอยู่มาก เรื่องนี้สะท้องว่าไทยเป็นประเทศที่น่าอับอาย ขณะที่ประเทศพม่าต่างปล่อยนักโทษการเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกัน เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ประเทศไทยมีนักโทษการเมืองในมาตรา 112 ถือเป็นสิ่งที่รู้สึกอายอย่างมาก
