สะเก็ดไฟ
หลังจากเปิด “ศึกใน” ก่อหวอดเขย่าพรรคประชาธิปัตย์ โดยการโยนระเบิด “ปฏิรูปพรรค” โครมใหญ่ไปแล้วหนหนึ่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมาแล้ว มาวันนี้ “เสี่ยจ้อน -อลงกรณ์ พลบุตร” ก็ออกโรงมาขย่มอีกดอกด้วยการประกาศจะเสนอ “ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม” เข้าที่ประชุมสภาฯ
ทั้งๆที่รู้ดีว่าต้นสังกัดพรรคประชาธิปัตย์มีท่าทีชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแม้แต่ฉบับเดียว เหตุเพราะตั้งแง่ว่าจะมีการ “ลักไก่” ล้างผิดคืนเงินให้แก่“พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย
การออกมาของ “เสี่ยจ้อน” ไม่ใช่เพียงแค่เสนอไอเดียเท่านั้น ยังบอกด้วยว่าร่างกฎหมายของตัวเองมี 8 มาตราดัดแปลงมาจากฉบับประชาชน พูดง่ายๆว่าร่างเสร็จไว้คอยท่าแล้ว
โดย “อลงกรณ์” ให้เหตุผลว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องหยุดเล่นการเมืองแบบตั้งแง่ หยุดเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ หรือเลิกดีแต่พูด แล้วลงมือทำให้เห็นเป็นรูปธรรม และในฐานะพรรคการเมืองใหญ่มีส่วนร่วมในการสร้างความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นจึงต้องควรร่วมหาทางออกสร้างความปรองดองให้ประเทศ
และเมื่อเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือปรองดองหลายฉบับที่เสนอต่อสภาฯ ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ-นิติธรรม ก็ควรเสนอร่างกฎหมายของตัวเองให้สภาฯพิจารณา และต้องไม่เรียกร้องหรือตั้งเงื่อนไขให้ ส.ส. พรรคอื่นถอนร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับนิรโทษกรรมหรือปรองดองออกจากสภาฯ เพราะการเสนอร่างกฎหมายเป็นสิทธิของ ส.ส. ที่ทำได้ตามกฎหมาย
ถอดรหัสแล้วงานนี้ “อลงกรณ์” ตั้งใจจะตีชิ่งไปถึง “มาร์ค - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั่นเอง
เพราะที่ผ่านมา “อภิสิทธิ์” ย้ำจุดยืนว่า ไม่สนับสนุนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมหรือปรองดองสักฉบับเดียว และมักจะเรียกร้องให้ถอน 7-8 ร่างที่ค้างอยู่วาระการประชุมสภาฯมาโดยตลอด มีเพียงระยะหลังที่เสียงเริ่มเพี้ยนออกมาหนุนร่างฉบับประชาชนก่อนจะ “กลืนน้ำลาย” กลับลำในภายหลัง
ทำให้มองได้ว่าศึกนี้จะเป็นการ “ล้างแค้นส่วนตัว”ระหว่าง “อลงกรณ์ - อภิสิทธิ์” ที่คั่งค้างมาจาก “ศึกปฏิรูป”เพราะถึงวันนี้แม้วาระปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ยังอยู่ในวาระการประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรค และตัว“อลงกรณ์” เองจะออกมาบอกว่าคืบหน้าไปมาก แต่เอาเข้าจริง “พิมพ์เขียวปฏิรูปพรรค” ที่มี 36 หน้าถูกยำเละจนไม่เหลือเค้าเดิม
พูดได้ร่างปฏิรูปฉบับ “เดอะจ้อน” ถูกตีตกไปเรียบร้อย “โรงเรียนมาร์ค” เพราะมีการนำร่างของ “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช” และ “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ขึ้นมาประกบ
ตามแผนต้อนเข้าคอก ใช้ระบบพรรคสับให้ละเอียด
หรือแม้แต่ระบบ “ไพรมารีโหวต” ที่จุดพลุขึ้นมาและทดลองไปแล้วที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เงียบหายไปกับสายลม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ที่สำคัญสถานะในพรรคของ “อลงกรณ์” ก็ไม่สู้ดี แม้มีฐานะเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง แต่ก็ถูกกดดันต่างๆนานาจนสะบักสะบอม กลายเป็นตัวประหลาดในพรรคไปทุกขณะ
ร้ายแรงจนถึงตราหน้าว่าเป็น “กบฏ” ก็มี
มาถึงคิวเสนอกฏหมายนิรโทษกรรม 2 หนุ่มใหญ่แห่งประชาธิปัตย์ก็มีวิวาทะย่อยๆกันออกสื่อ โดยเฉพาะที่“อภิสิทธิ์” ย้ำว่าจะไม่มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในนามพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่าย “อลงกรณ์” ก็สวนทันควันว่า เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของ “อภิสิทธิ์” แต่ในฐานะ ส.ส.ก็มีสิทธิ์เสนอเข้าที่ประชุมพรรค
เหมือน “เสี่ยจ้อน” จะแกล้งลืมไปว่า ท่าทีของ “มาร์ค” ก็คือท่าทีของ “ประชาธิปัตย์”
เห็นกันชัดๆจากมติที่ประชุม ครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการประชุมกันเมื่อวานนี้ มี “อภิสิทธิ์” นั่งหัวโต๊ะเช่นเคย แต่น่าแปลกใจที่ “อลงกรณ์” ในฐานะ รมว.พลังงานเงา และเจ้าของไอเดียชงกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่ได้เข้าร่วม
ซึ่งมติก็ออกมาในคีย์เดียวกับ “อภิสิทธิ์” เป๊ะๆ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แล้วแก้ปัญหาปากท้องก่อน ส่วนกรณีของ “อลงกรณ์” ก็ให้สิทธิ์ในการเสนอต่อที่ประชุมพรรคในวันที่ 31 ก.ค.นี้ แต่ต้องผ่านด่าน “กรรมการกฎหมาย” ของพรรคก่อนที่จะนำเข้าให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติของพรรค
ไม่เท่านั้นในฐานะ “ต้นคิด” ยังต้องหาทาง “ล๊อบบี้” ให้เพื่อร่วมพรรคสนับสนุนร่างกฎหมายที่ว่า เพราะก่อนหน้านี้ ที่ประชุมพรรคเคยมีมติไม่เสนอร่างนิรโทษกรรมประกบมาก่อนแล้ว หากไม่สามารถโน้มน้าวได้ ก็เท่ากับร่างกฎหมายของ“อลงกรณ์” ต้องตกไป
ไม่ทันไรให้หลังแค่วันเดียววงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ หัวโต๊ะก็เป็น "อภิสิทธิ์" เจ้าเก่า ก็ดับฝัน "เสี่ยจ้อน" โดยการออกมติไม่เสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมในนามพรรค โดยยืนตามมติเดิมที่ให้รีฐบาลถอนร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกทั้งหมดก่อน ถึงจะร่วมวงหารือตกผลึกผลักดันกฎหมายลักษณะนี้เข้าสู่สภาฯ
เป็นอันว่าไอเดียของ “อลงกรณ์” ถูกขยี้ซ้ำสอง และดับไปโดยปริยาย
ซึ่งตามข่าวก็ว่า "อลงกรณ์" ยอมรับสภาพแต่โดยดี เพราะต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เคร่งครัดในเรื่องมติที่ประชุมเป็นอย่างมาก หากที่ประชุมพรรคไม่เอาด้วย แล้ว “เสี่ยจ้อน” เล่นแง่ไปเร่ขอเสียงจากพรรคการเมืองอื่นๆเพื่อดันกฎหมายเข้าสภาฯ ก็เท่ากับเผาบ้านตัวเอง และพร้อมที่จะหันหลังออกจากพรรคประชาธิปัตย์ อย่างกรณีในอดีตที่มี ส.ส.ประชาธิปัตย์โหวตสวนกับมติพรรค ก็ต้องถูกอัปเปหิออกไปในที่สุด
แต่หาก “อลงกรณ์” หน้ามืดตัดสินใจเสนอกฎหมายเข้าสภาในนามส่วนตัวจริง ก็ยิ่งตอกย้ำเสียงซุบซิบในพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่า “จ้อนรับจ๊อบ” มีนอกมีในไปรับงานใครมาให้มีน้ำหนักขึ้น
ในภาวะที่พรรคประชาธิปัตย์ระส่ำระสายภายใน มีการงัดข้อภายในหลายก๊กหลายก๊วน โดยเฉพาะ “อภิสิทธิ์” และบรรดาคนรอบข้างในนาม “ต้นตำรับแก๊งไอติม” ที่นับวันจะไม่เป็นคนในพรรคยิ่งมีอาการหมั่นไส้ เพียงแต่ใครจะออกหน้าหรือไม่เท่านั้น
การออกโรงของ “อลงกรณ์” หนนี้ก็เท่ากับเป็นการ“ตอกลิ่ม” พรรคประชาธิปัตย์เอง แถมด้วยการลูบคม“อภิสิทธิ์” อย่างแรง
เพราะที่ผ่านมาคนในพรรครู้กันว่าเป็นบุคคลที่แตะต้องไม่ได้