กก.สภาที่ปรึกษา ปชป.เผยแจ้งดีเอสไอยุติสอบหักเงินเดือนบริจาคพรรค หลัง กกต.ชี้ไม่ผิดกฎหมาย ลั่นหากไม่ทบทวนเอาผิดอธิบดี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โวเตรียมหลักฐานพร้อม ห่วงเปิดสภาเจอกฎหมายเรียกแขก วอนยุติช่วยบ้านเมืองเย็นลง แนะรัฐบาลจับตาหลังเดือนรอมฎอนหวั่นไฟใต้บานปลาย
วันนี้ (19 ก.ค.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติว่าการบริจาคเงินเข้าพรรคของ ส.ส.โดยหักเงินเดือนไม่ผิดกฎหมาย ทางพรรคได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อให้ยุติการดำเนินการกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้วิธีการบริจาคเงินให้พรรคโดยหักเงินเดือน เพราะถือว่า กกต.เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ดีเอสไอจะต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นหลังจากนี้จะให้เวลาดีเอสไอภายใน 1 สัปดาห์ หากยังไม่ยอมทบทวนการสอบดังกล่าว หรือยังยืนยันจะเรียก ส.ส.ของพรรคไปรับทราบข้อกล่าวหา ตนก็จะนำเอกสารไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการกับดีเอสไอ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ย้ำว่าเป็นเรื่องที่ต้องการให้บทเรียนกับดีเอสไอในการดำเนินการที่กระทบกับสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ส่วนการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญานั้น ก็ยังจะไม่มีการดำเนินการเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบสามารถเอาผิดได้จากการยื่นต่อ ป.ป.ช.อยู่แล้ว
นอกจากนี้ นายบัญญัติ ยังแสดงความเป็นห่วงว่าจะเกิดความวุ่นวายหลังเปิดสมัยประชุมรัฐสภา เนื่องจากมีร่างกฎหมายที่อยู่ในข่ายที่มีการต่อต้านหรือเรียกว่า “กฎหมายเรียกแขก” รอการพิจารณาอยู่หลายฉบับ ซึ่งรัฐบาลสามารถระงับความรุนแรงหรือปัญหาได้ โดยการยุติการผลักดันกฎหมายเหล่านั้นไปก่อน แล้วอะไรที่มีขั้นตอนในการดำเนินการ อาทิ การทำเรื่องความปรองดอง ก็สามารถจัดสานเสวนา โดยนำทุกฝ่ายมาพูดคุยหาทางออกกัน หรือกรณีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ก็ควรทำตามคำวินิจฉัยของศาลปกครอง รวมถึงกรณีเงินกู้ 2 ล้านล้าน ก็ควรจะยึดแนวของโครงการ 3.5 แสนล้าน เชื่อว่าหากทำได้ จะทำให้บรรยากาศที่ร้อนในบ้านเมืองเย็นลงได้
นายบัญญัติ ยังกล่าวถึงการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ว่า เป็นการยกระดับของกลุ่มผู้ก่อการให้เท่าเทียมกับรัฐบาล ซึ่งเคยเตือนมาตลอดว่าจะทำให้กลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้ร่วมพูดคุยแสดงอิทธิฤทธิ์ หรือศักยภาพ ซึ่งคาดว่าหลังเดือนรอมฎอน อะไรที่ยังเงียบๆ อยู่ อาจจะลุกลามบานปลายได้ ซึ่งน่าจะเห็นชัดเจนว่า และมีข้อเสนอต่างๆ ตามมา โดยจะสังเกตเห็นว่าข้อเสนอในตอนแรกมีเพียง 5 ข้อ ต่อมาเพิ่มเป็น 7 ข้อ และเชื่อว่าจะยิ่งมีข้อเสนอเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ข้อเสนอนั้นไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะดำเนินการได้ ดังนั้นรัฐบาลควรต้องทบทวนและเร่งพิจารณาถึงการพูดคุยกับแกนนำบีอาร์เอ็น