ผ่าประเด็นร้อน
เชื่อว่าหลายคนคงจะลืมเลือนไปแล้วกับเหตุการณ์ “อัปยศ” เมื่อครั้งที่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เปิดห้องทำงานให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปรับทราบความคืบหน้าคดีลูกชายของ “เสี่ยกระทิงแดง” ที่ขับรถหรูชนตำรวจจราจรเสียชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าในคดีดังกล่าวเขาได้แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจัง สู้หาความยุติธรรมให้กับลูกน้องได้อย่างน่าชื่นชม แม้ว่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้ทันว่า “งานนี้กินหมู” เพราะกลุ่มทุนนี้ไม่ใช่กลุ่มที่หนุนทักษิณ ชินวัตร แต่นั่นไม่ว่ากันถึงจะ “ตามน้ำ” อย่างไรก็ดู “เนียน” จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
แต่จู่ๆ ขณะที่กำลังไล่ถลุงอย่างเมามันอยู่นั้น กำลังโกยแต้มเรียกเสียงปรบมือดังลั่น แต่เหมือนกับว่า “สิ่งศักดิ์สิทธ์หมั่นไส้” เหมือนกับดลใจให้ลืมปลดรูป “โจรประดับยศให้ ผบ.ชน.” พร้อมกับวลี “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ติดหราอยู่ในห้องทำงาน เปิดโปง “ความแตก” ตั้งแต่นั้น แต่เมื่อตั้งสติไหนๆ ก็ไหนๆ เมื่อคำนวณดูแล้วมันคุ้มค่า ก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาส “หน้าด้าน” เดินหน้าลุยถั่วแนบชิดยิ่งกว่าเดิม รับใช้ยิ่งกว่าเดิม เพราะอีกทางหนึ่งมันก็เหมือนกับป็นการประกันความมั่นคงโชว์คนอื่นให้เห็นว่า “กูนี่แหละเด็กแม้วของจริง” มีวันนี้เพราะพี่ให้ ดังนั้นถ้าใครจะเด้งก็ต้องคิดหนักหน่อยอะไรประมาณนั้น
ย้อนอดีตให้มีการฟื้นฝอยกลับมาอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าหลายคนคงลืมไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่เคยสนใจมาตั้งแต่ต้น ไม่เคยคิดว่าจะมีผลกระทบอะไรตามมา เพราะในเมื่อคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ยังตั้งคณะรัฐมนตรีได้ทั้งคณะ แล้วแค่ประดับยศให้ตำแหน่งตำรวจเล็กๆ แค่นี้จะมีความหมายอะไร
อย่างไรก็ดี เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” ได้มีมติออกมาหลังมีการสอบสวนตามคำร้องของ “กลุ่่มกรีน” จากพฤติกรรมดังกล่าวของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง โดยปรากฏว่าจากการตรวจสอบมีหลักฐานพบว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีการเดินทางเข้าออกอยู่ในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้วเดินทางไปพบกับ ทักษิณ ชินวัตร ให้ประดับยศให้ และมอบลายเซ็นแสดงความยินดี หรือจะเรียกว่า “รับเข้าสังกัด” เพื่อนำมาโชว์พวกเดียวกันในวงการก็ได้ แต่ปัญหาก็คือ ทักษิณ มีสถานะเป็น “โจร” หลบหนีคดีอาญามากมาย ทั้งก่อการร้าย ทุจริต มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขณะที่ คำรณวิทย์ เป็น “ตำรวจ” เพียงแค่นี้ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากแล้ว ใครที่พอมีสติปัญญาและมี “ยางอาย” ติดตัวอยู่บ้างย่อมรู้ดีว่าอะไรควรหรือไม่ควร เพราะ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ต้องรับใช้และอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกคนโดยไม่มีข้อสงสัย แต่ภาพที่ออกมาและคำพูด ท่าทีของเขาที่ผ่านมามันช่วยไม่ได้ที่จะถูกมองว่า “ยินดีรับใช้เฉพาะทักษิณเท่านั้น” รวมทั้งรับใช้คนในครอบครัวทักษิณ เหมือนอย่างการทำหน้าที่ปกป้องรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างที่เห็นกันตลอดมา
แต่ถึงอย่างไรในเมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีความผิดด้านจริยธรรมจากกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งสงเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาคือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ดำเนินการเอาผิดทางด้านจริยธรรมภายใน 30 วัน รวมทั้งมีการส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการตามกฎหมายอีกทางหนึ่งด้วย
แม้ว่าจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยก็ยังมีการสรุปออกมาให้เห็นว่าพฤติกรรมของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ นั้นผิดจริยธรรม เหมือนกับการ “สักเลขไว้บนหน้าผาก” ประจาน อาจจะเอาผิดไม่ได้แต่ก็นำไปอ้างอิงในโอกาสต่อไปได้ตลอดเวลาว่า “การคบโจรดังกล่าวอย่างน้อยก็ชัดเจนแล้วว่าผิดจริยธรรม” สำหรับข้าราชการตำรวจ
สำหรับเหตุผลที่ไม่เชื่อว่าจะได้ในทางปฏิบัติก็คือ ตัวผู้บังคับบัญชาคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว นั่นแหละ “ตัวดี” มีความเคลื่อนไหวไม่ได้แตกต่างจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่ายัง “ไม่หลุด” ยังไม่มีหลักฐานปรากฏออกมาให้เห็นเท่านั้นเอง มีแต่ข่าวว่าก่อนรับตำแหน่งก็เคยไปพบ ทักษิณ มาแล้วเหมือนกัน ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต่างจาก “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” นอกจากเป็นพวกเดียวกันแล้ว หากลงโทษก็อาจเสี่ยงต่อการถูกเปิดโปงย้อนกลับก็เป็นได้
เพราะล่าสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์ระหว่างติดตามนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทัวร์นกขมิ้นที่บุรีรัมย์และมหาสารคามว่า ยังไม่รู้รายละเอียดขอดูหนังสือก่อน แต่ความเคลื่นไหวที่เห็นก็คือเขากำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อ “อารักขา” นายกฯ ซึ่งเป็นน้องสาวทักษิณ เพื่ออำนวยการไม่ให้ฝ่สยต่อต้านหรือใครเข้ามาเกาะแกะสร้างความรำคาญ และในฐานะที่เป็นหัวหน้าตำรวจก็สามารถ “สั่งการ” ได้ทันท่วงทีไงล่ะ
ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องดีอยู่บ้างที่ผู้ตรวจการมีมติออกมาให้เห็นว่าเป็นความผิด ซึ่งร้องเรียนไปนานเกือบสองปี แต่ถึงอย่างไรก็มองในแง่บวกให้กำลังใจหน่วยงานอิสระได้เหมือนกัน แต่ในความจริงแล้วจะให้ผู้บัญชาการตำวจแห่งชาติฟันผิดด้านจริยธรรมกับ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลโทษฐานคบโจรนั้น เห็นทีจะยาก และให้รอชาติหน้าตอนบ่ายหรือเปล่า เพราะดีไม่ดีสืบไปสืบมาอาจไม่ใช่แค่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เพียงคนเดียวเท่านั้น!!