โฆษกผู้ตรวจการฯ ยันมีมติส่งหนังสือถึง ผบ.ตร.ฟัน “บิ๊กแจ๊ด” ให้ นช.ทักษิณประดับยศแล้วเมื่อ 2 ก.ค.ส่งอีเอ็มเอส ปลายทางได้รับเรียบร้อย แต่อาจล่าช้าเพราะติดขัดกระบวนการสารบรรณ ระบุยังไม่ได้ชี้ผิดจริยธรรม แค่เห็นมีปัญหาการเป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการตำรวจ
วันนี้ (15 ก.ค.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งหนังสือไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ์ จเรตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาจริง เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และประมวลจริยธรรมของข้าราชการตำรวจกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กรณีเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหลบหนีคดีเพื่อให้ประดับยศผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้ที่ประเทศฮ่องกง โดยส่งหนังสือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ หรืออีเอ็มเอส และขณะนี้ได้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าของสำนวน ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วก็ได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่ายังไม่รับหนังสือนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เคารพ เพราะอาจจะติดขัดในเรื่องของกระบวนการสารบรรณ
อย่างไรก็ตาม มติที่มีออกไปนั้นไม่ใช่ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้แล้วว่า พล.ต.อ.คำรณวิทย์ มีความผิดด้านจริยธรรม แต่เห็นว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ การไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งรู้กันทั่วไปว่าเป็นนักโทษตามหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ประดับยศให้ อาจทำให้เกิดข้อครหาในเรื่องการเป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการตำรวจ และอาจทำให้เกิดข้อครหาในกระบวนการยุติธรรมที่อาจถูกมองว่ามีความไม่เป็นกลางเกิดขึ้น จึงน่าที่ผู้บังคับบัญชาจะได้ดำเนินการตรวจสอบตามประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณตำรวจ ปี 2553 ต่อไป โดยขอให้แจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีมติได้มีหนังสือแจ้งให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ชี้แจงหรือไม่ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ระบุว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว นายรักษเกชา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการร้องให้ตรวจสอบจริยธรรม และโดยกลไกแล้วต้องให้ผู้บังคับการของผู้ถูกร้องเป็นผู้ชี้แจง ส่วนเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งกรรมการสอบแล้วนั้น ทางผู้ตรวจการแผ่นดินเคยมีหนังสือสอบถามไปในช่วงเดือน ต.ค. 55 และ สตช.แจ้งกลับมาเดือน ม.ค. 56 ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการโดยไม่มีการให้ข้อมูลใดๆ ซึ่งผู้ตรวจฯก็ได้สืบสวนเองเมื่อได้ข้อมูลและเห็นว่าเพียงพอแล้วจึงได้มีมติดังกล่าว
ทั้งนี้ นายรักษเกชา กล่าวด้วยว่า ยังไม่อยากให้มีการมองว่ากรณีนี้จะมีการช่วยเหลือกันของตำรวจ เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายกรณีที่ตำรวจทำผิดแล้วตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาก็มีการลงโทษ จึงขอรอดูการชี้แจงของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก่อน ส่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้นก็เนื่องจากทาง ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งมาว่ามีผู้ยื่นคำร้องกรณีดังกล่าวจึงอยากทราบว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อมูลหรือไม่ และมีการดำเนินการอย่างไร ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้มีหนังสือแจ้งข้อมูลไปยัง ป.ป.ช.โดยเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องแรก แต่เป็นความร่วมมือที่ทำกันมาแล้วก่อนหน้านี้แล้วในหลายเรื่อง