“ส.ว.วีรวิท” ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ชงศาลปกครองยกเลิกจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ชี้ขัดกฎหมายไม่เปิดเผยราคากลาง
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้แทนคณะกรรมาธิการการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เข้ายื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบและยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางสั่งยกเลิกผลการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท เนื่องจากพบว่าการเปิดประมูลโครงการดังกล่าว คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ เป็นประธาน ไม่ได้มีการเปิดเผยราคากลางให้ประชาชนตรวจสอบตามที่ มาตรา 103/7 วรรคหนึ่งของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2552 กำหนดไว้เป็นสาระสำคัญ ในการที่รัฐจะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง
ทั้งๆ ที่ ก่อนการเปิดการประมูลนั้น นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกโครงการบริหารจัดการน้ำ ได้รับหนังสือตอบกลับจากกระทรวงการคลังว่า การดำเนินโครงการไม่สามารถที่จะงดเว้นขั้นตอนเปิดราคากลางได้ แต่ก็ยังกลับดึงดันเปิดประมูลและได้บริษัทที่จะดำเนินโครงการ การประมูลดังกล่าวจึงถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและส่วนรวม อีกทั้งการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบราชการดังกล่าว ของข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ ถือได้ว่าเข้าข่ายขัดต่อประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นๆ ซึ่งอยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจการฯ สามารถตรวจสอบได้
“กมธ.ยื่นตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวหาว่า มีการทุจริต แต่ต้องการเป็นบรรทัดฐานให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการ ได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอย่างเคร่งครัด ซึ่งแม้ศาลปกครองจะมีคำวินิจฉัยแล้วว่า รัฐจะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อนการดำเนินโครงการ แต่รัฐก็ไม่ชะลอ กลับเดินหน้าเซ็นต์สัญญากู้เงินเพื่อมาใช้ดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งที่ยังไม่มีสัญญาก่อหนี้ผูกพัน โดย กมธ.กำลังตรวจสอบเป็นประเด็นต่อไปว่าสามารถทำได้หรือไม่ จึงอยากให้ผู้ตรวจการฯ เร่งพิจารณาเรื่องนี้เป็นการด่วน และส่งให้ศาลปกครอง วินิจฉัยยกเลิกผลการประมูลโครงการดังกล่าว” พล.อ.อ.วีรวิท กล่าว
ด้าน นายรักษเกชา กล่าวว่า ก็จะเร่งตรวจสอบคำร้อง และแจ้งต่อผู้ตรวจการฯ ให้ทราบ โดยเบื้องต้นตามคำร้องยังขาดความชัดเจนในเรื่องของบุคคล ที่ กมธ.ต้องการให้ตรวจสอบ ก็จะได้มีการประสานกันให้ชัดเจนต่อไป